1 | พระพุทธองค์ ทรงตำหนิพระอานนท์ ที่กล่าวว่า ปฏิจจสมุปบาทเป็นของง่าย. (อ.นิทานสูตร) 26/287/13 26/264/10 |
2 | บทว่า อครู ธมฺเม ได้แก่ ปราศจากความเคารพในพระสัทธรรม.บทว่า อญฺญมญฺญมคารวา ได้แก่ ไม่มีความยำเกรงในกันและกัน คือปราศจาก ความเคารพที่หนักแน่น ในพระสงฆ์และในหมู่เพื่อนสพรหมจารี. (อ.ปุสสเถรคาถา) 53/214/6 53/204/4 |
3 | เบื้องต้นของกุศลธรรมคืออะไร คือ ศีลที่บริสุทธิ์ดีและความเห็นตรง. (ภิกขุสูตร) 30/379/19 30/368/2 |
4 | ดูก่อนภัททาลิ ข้อนั้นเป็นเพราะภิกษุไม่ทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา จึงไม่ทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษ คือ ความรู้ความเห็นของพระอริยะผู้สามารถยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ได้ (ภัททาลิสูตร) 20/325/19 20/309/7 |
5 | ดูก่อนภัททาลิ พระอริยบุคคล ๗ จำพวก เหล่านี้เป็นทักขิไณยบุคคล (ผู้สมควรแก่การรับสิ่งของให้ทาน)ในโลก เป็นเจ้าของในศาสนาของเรา เมื่อเราบัญญัติสิกขาบท(กำหนดพระวินัย) เมื่อมีเหตุอันควรที่พระอริยบุคคลจะพึงคัดค้าน การคัดค้าน ของพระอริยบุคคลเหล่านั้น จึงควร. แต่เธอเป็นคนภายนอกจากศาสนาของเรา เมื่อเราบัญญัติสิกขาบท เธอไม่ควรคัดค้าน. (อ.ภัททาลิสูตร) 20/341/6 20/322/22 |
6 | ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป (สุคตสูตร) 35/381/16 35/398/15 |
7 | นับตั้งแต่พระพุทธเจ้า ปรินิพพานได้ 1000 ปี เท่านั้น ภิกษุไม่สามารถจะให้ปฏิสัมภิทาบังเกิดได้ และเพราะความสิ้นไปแห่งชีวิตของพระอริยบุคคล องค์-สุดท้าย ชื่อว่า อันตรธานแห่งอธิคม (อ.วรรคที่ ๑๐) 32/167/2 32/144/10 |
8 | ศีลก็คือการสำรวมในพระปาฏิโมกข์เท่านั้น. ปาฏิโมกขสังวรนั้น ของภิกษุใดแตกแล้วภิกษุนี้ก็ไม่พึงกล่าวได้ว่าจะรักษาศีลที่เหลือไว้ได้เพราะเหมือนคนหัวขาดไม่มีทางจะรักษามือเท้าไว้ได้ ฉะนั้น. (อ.ปาฏิโมกขสังวรสูตร) 30/491/19 30/474/11 |
9 | [๖๓๒] พวกพระวัชชีบุตรเรี่ยไร เงินชาวบ้าน (สัตตสติกขันธกะ) 9/531/1 9/519/22 |
10 | ภิกษุผู้ตำหนิการเรียนปริยัติ ชื่อว่า ย่อมทำลายพระศาสนาดุจมหาโจร . (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/881/9 78/784/23 |
11 | [๙๘] พระศาสดาที่เป็นสัมมาสัมพุทธะ ส่วนสาวกไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา สาวกควรถูกติเตียน และผู้ใดชักชวนสาวกนั้นว่า ท่านจงปฏิบัติตามธรรมของพระศาสดา ผู้ชักชวน ผู้ที่ถูกชักชวน ผู้ที่ถูกชักชวนแล้ว ปฏิบัติตามคนทั้งหมดนั้น จะประสบบุญเป็นอันมาก (ปาสาทิกสูตร) 15/263/12 15/257/2 |
12 | ธรรมดาภิกษุผู้จะแก้ปัญหาควรอยู่ในสำนักอาจารย์ เรียนเอาพระพุทธพจน์ทราบอรรถรส (เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง) แล้วกล่าวถ้อยคำ. โลกุตตรมรรค มีขณะจิตเดียวเท่านั้น (อ.โกสัมพิยสูตร) 19/440/2 19/428/23 |
13 | ผู้ที่ร่ำเรียนบาลี และอรรถกถา แล้วทำตามคำสอนจึงจะได้ชื่อว่า ผู้รู้เนื้อความภาษิตของพระพุทธองค์ (อ.สวิตัพพาเสวิตัพพสูตร) 22/288/15 22/269/4 |
14 | วัสสการพราหมณ์ถามว่า. ข้าแต่ท่านพระอานนท์ มีภิกษุสักรูปหนึ่งบ้างไหมหนอ อันท่านพระโคดมพระองค์นั้นทรงแต่งตั้งไว้ว่าเมื่อเราล่วงลับไปแล้วภิกษุรูปนี้จักเป็นที่พึ่งอาศัยของท่านทั้งหลาย พระอานนท์ตอบว่า. ดูก่อนพราหมณ์ ไม่มีเลยแม้สักรูปหนึ่ง . (อ.โคปกโมคคัลลานสูตร) 22/155/6 22/147/25 |
15 | ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา . (มหาปรินิพพานสูตร) 13/320/17 13/313/6 |
16 | ภิกษุพวกที่ห้ามอรรถและธรรม (ปกปิดตัวพยัญชนะและความหมายที่แท้จริง) โดยสูตร
เพื่อความฉิบหายเพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุนั้นยังจะประสบบาปเป็นอันมาก และ ทั้งชื่อว่าทำสัทธรรมนี้ให้อันตรธานไปอีกด้วย (สมจิตตวรรค สูตรที่ ๑๐) 33/398/6 33/356/12 |
17 | [๕๓๑] พระพุทธองค์ไม่สรรเสริญ ภิกษุผู้ไม่ใคร่ศึกษา ไม่ชักชวนภิกษุอื่นๆ ให้ศึกษา และไม่ยกย่องภิกษุอื่นที่ใคร่ศึกษา ภิกษุใดคบหาภิกษุนั้น ก็จะได้เยี่ยงอย่างซึ่งจะเป็นทางเกิดสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ เกิดทุกข์ตลอดกาลนาน . (ปังกธาสูตร) 34/470/17 34/484/26 |
18 | ผู้ไม่พิจารณาอรรถด้วยปัญญา พวกเขาเรียนธรรมมีการโต้แย้งเป็นอานิสงส์และมีหลักการบ่นเพ้อว่าอย่างนี้ เป็นอานิสงส์ ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน แก่โมฆบุรุษเหล่านั้น ข้อนั้นเพราะธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนไม่ดี. (พาหิรนิทานวรรณนา ปฐมสังคายนา) 1/51/17 1/49/16 |