1 | ในธาตุกถา พระพุทธเจ้าทรงตั้งมาติกาไว้ 5 อย่าง คือ นยมาติกา อัพภันตรมาติกานยมุขมาติกา ลักขณมาติกา และพาหิรมาติกา (อ.มาติกา) 79/6/779/6/7 79/6/3 |
2 | ธรรมที่สงเคราะห์เข้ากันได้ 4 อย่าง ด้วยสามารถแห่งชาติ สัญชาติ กิริยา คณนสังคหะ (อ.มาติกา) 79/8/879/8/8 79/7/25 |
3 | [๒-๖] รูปขันธ์ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 1 อายตนะ 11 ธาตุ 11 สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 4 อายตนะ 1 ธาตุ 7 (สังคหาสังคหปทนิทเทส) 79/11/479/11/4 79/10/3 |
4 | [๑๘-๑๙] จักขวายตนะ โสตายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 1 อายตนะ 1 ธาตุ 1 (สังคหาสังคหปทนิทเทส) 79/16/279/16/2 79/15/2 |
5 | [๒๐] มนายตนะ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 1 อายตนะ 1 ธาตุ 7 สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 4 อายตนะ 11 ธาตุ 11 (สังคหาสังคหปทนิทเทส) 79/16/1079/16/10 79/15/11 |
6 | [๒๑] ธัมมายตนะ ยกเว้นนิพพานโดยความเป็นขันธ์แล้ว สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 4อายตนะ 1 ธาตุ 1 สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 1 อายตนะ 11 ธาตุ 17.(สังคหาสังคหปทนิทเทส) 79/16/1379/16/13 79/15/14 |
7 | จักขวายตนะ นั้นสงเคราะห์ได้ด้วยรูปขันธ์ 1 ด้วยจักขวายตนะ 1 ด้วยจักขุธาตุ 1, ธัมมายตนะ คือ นิพพานนั้น ไม่ถึงซึ่งการนับสงเคราะห์ว่าเป็นขันธ์.(อ.อายตนปทนิทเทส) 79/17/1679/17/16 79/18/20 |
8 | [๒๗-๒๘] จักขุธาตุ ฯลฯ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 1อายตนะ 1 ธาตุ 1 สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 4 อายตนะ 11 ธาตุ 17.(สังคหาสังคหปทนิทเทส) 79/18/1579/18/15 79/16/19 |
9 | [๒๙] ธัมมธาตุ ยกเว้นนิพพานโดยความเป็นขันธ์แล้ว สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 4อายตนะ 1 ธาตุ 1 สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 1 อายตนะ 11 ธาตุ 17.(สังคหาสังคหปทนิทเทส) 79/19/779/19/7 79/17/6 |
10 | [๓๖] ทุกขสัจ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 (สังคหาสังคหปทนิทเทส) 79/20/1179/20/11 79/19/13 |
11 | รูปชีวิตินทรีย์นับสงเคราะห์ได้ด้วยรูปขันธ์ อรูปชีวิตินทรีย์นับสงเคราะห์ได้ด้วยสังขารขันธ์ (อ.อินทริยนิทเทส) 79/24/1579/24/15 79/23/14 |
12 | ผัสสะนับสงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์อย่างหนึ่ง เวทนาขันธ์ก็นับสงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์อย่างหนึ่ง สำหรับตัณหา อุปาทาน กรรมภพ นับสงเคราะห์ได้ด้วยสังขารขันธ์เท่านั้น. (อ.ปฏิจจสมุปปาทนิทเทส) 79/43/1179/43/11 79/42/14 |
13 | โสกทุกขโทมนัสสะ นับสงเคราะห์ได้ด้วยเวทนาขันธ์ , ปริเทวะนับสงเคราะห์ได้ด้วยรูปขันธ์ อุปายาสะ เป็นต้น นับสงเคราะห์ได้ด้วยสังขารขันธ์.(อ.ปฏิจจสมุปปาทนิทเทส) 79/44/1879/44/18 79/43/14 |
14 | [๑] บัญญัติ 6 ประการ คือ ขันธบัญญัติ อายตนบัญญัติ ธาตุบัญญัติ สัจจ-บัญญัติ อินทริยบัญญัติ ปุคคลบัญญัติ (ปุคคลปัญญัติ) 79/155/679/155/6 79/149/5 |
15 | [๗-๑๖] การบัญญัติ จำพวกบุคคลของบุคคลทั้งหลาย ตั้งแต่บุคคล 1 จำพวกถึงบุคคล 10 จำพวก (ปุคคลปัญญัติ) 79/159/1979/159/19 79/154/5 |
16 | บุคคลผู้พ้นแล้วในสมัย พึงทราบว่า เป็นชื่อของพระโสดาบัน พระสกทาคามีและพระอนาคามี รวม 3 จำพวก เท่านั้น (อ.เอกกนิทเทส) 79/193/779/193/7 79/192/16 |
17 | [๑๘] บุคคลบางคนในโลกนี้ มิได้ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ในกาลโดยกาล ในสมัยโดยสมัย สำเร็จอิริยาบถอยู่ อนึ่ง อาสวะทั้งหลายของบุคคลนั้นหมดสิ้นแล้วเพราะเห็นด้วยปัญญาบุคคลนี้ เรียกว่า ผู้มิใช่พ้นแล้วในสมัย (เอกกนิทเทส) 79/193/1379/193/13 79/181/10 |
18 | บุคคล 3 จำพวก คือ ปุถุชนผู้ได้สมาบัติ 8 พระโสดาบัน พระสกทาคามี ชื่อว่าผู้มีธรรมอันกำเริบ เพราะสมาบัติของท่านเหล่านั้นย่อมเสื่อมไป เพราะความประมาท (อ.กุปปธรรมบุคคล) 79/196/2079/196/20 79/195/4 |
19 | ผู้มีธรรมอันไม่กำเริบ เป็นชื่อของพระอริยบุคคล 2 จำพวก คือ พระอนาคามี ผู้ได้สมาบัติ 8 และ พระขีณาสพ ไม่รวมผู้เป็นสุกขวิปัสสกะ (อ.อกุปปธรรมบุคคล) 79/198/679/198/6 79/196/4 |
20 | พระพุทธเจ้าตรัส เรียกว่า โคตรภูบุคคล เพราะก้าวล่วงญาณของปุถุชนแล้วจึงก้าวลงสู่ญาณของพระอริยะ อันมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ (อ.โคตรภูบุคคล) 79/204/979/204/9 79/199/16 |
21 | บุคคลผู้งดเว้นความชั่ว เพราะความกลัว ได้แก่ พระเสขบุคคล 7 จำพวก กับปุถุชนผู้มีศีลย่อมกลัวภัย 4 อย่าง คือ ทุคคติภัย วัฏฏภัย กิเลสภัย อุปวาทภัย..(อ.ภยูปรตบุคคล) 79/205/279/205/2 79/200/2 |
22 | ผู้ทำอนันตริยกรรม 5, ผู้เป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ , ผู้ถือปฏิสนธิด้วยอเหตุกะและทวิ-เหตุกจิต , ไม่เชื่อพระรัตนตรัย , ไม่มีความพอใจเพื่อจะทำกุศล , ผู้มีภวังคปัญญาไม่บริบูรณ์ , อุปนิสัยมรรคผลของผู้ใดไม่มี , บุคคลเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นผู้ไม่ควรแก่การบรรลุมรรคผล. (อ.อภิพพาคมน และภัพพาคมนบุคคล) 79/207/1979/207/19 79/202/3 |
23 | [๓๐] บุคคลผู้ทำอนันตริยกรรม 5 จำพวก บุคคลผู้เป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ และพระอริยบุคคล 8 จำพวก ชื่อว่า ผู้เที่ยงแล้ว (เอกกนิทเทส) 79/208/679/208/6 79/184/4 |
24 | [๓๒] การสิ้นไปแห่งอาสวะ และการสิ้นไปแห่งชีวิตของบุคคลใด มีไม่ก่อนไม่หลังกัน บุคคลนี้เรียกว่า สมสีสี มี 3 จำพวก คือ อิริยาปถสมสีสี โรคสมสีสี ชีวิตสม-สีสี (เอกกนิทเทส) 79/210/279/210/2 79/203/17 |
25 | [๓๓] บุคคล ชื่อว่า ฐิตกัปปี ผู้มีกัปตั้งอยู่แล้ว คือ ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งโสดาปัต-ติผล และเวลาที่กัปไหม้จะพึงมี กัปก็จะไม่ไหม้ ถ้าผู้นี้ยังไม่ได้บรรลุโสดาปัตติผล.(เอกกนิทเทส) 79/212/1579/212/15 79/206/2 |
26 | มหากัปหนึ่ง เท่ากับ 256 อันตรกัป. อันตรกัป ได้แก่ ระยะเวลาที่เมื่อมนุษย์มีอายุถึง 1 อสังขัยปี แล้วก็ลดลงมา คือ ร้อยปีลดหนึ่งปี จนถึง 10 ปี และกลับทับทวีขึ้นไปทุกชั่วระยะชีวิต จนถึง 1 อสังขัยปีอีก (เชิงอรรถ) 79/213/1679/213/16 79/205/18 |
27 | [๓๘] บุคคลผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะ (เอกกนิทเทส) 79/217/1779/217/17 79/185/3 |
28 | [๓๙] บุคคลผู้เป็นพระปัจเจกสัมพุทธะ ได้แก่ ผู้ตรัสรู้ซึ่งสัจจะทั้งหลายด้วยตนเองแต่มิได้ บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ และทศพลญาณ (เอกกนิทเทส) 79/219/979/219/9 79/185/8 |
29 | บุคคลที่ชื่อว่า อุภโตภาควิมุต นั้นมี 5 จำพวก คือ ผู้ออกจากอรูปสมาบัติ 4 แล้วพิจารณาสังขารทั้งหลายแล้วจึงบรรลุพระอรหัต เป็น 4 จำพวก และพระอนาคามีผู้ออกจากนิโรธสมาบัติแล้วบรรลุพระอรหัต (อ.อุภโตภาควิมุตตบุคคล) 79/221/1279/221/12 79/212/3 |
30 | ปัญญาวิมุตตบุคคล นั้นมี 5 จำพวก คือ พระอรหัตสุกขวิปัสสก บุคคลผู้ออกจากฌานทั้ง 4 แล้วบรรลุพระอรหัตอีก 4 จำพวก (อ.ปัญญาวิมุตตบุคคล) 79/222/1679/222/16 79/213/3 |
31 | [๔๒-๔๔] กายสักขีบุคคล ทิฏฐิปัตตบุคคล สัทธาวิมุตตบุคคล (เอกกนิทเทส) 79/223/479/223/4 79/185/21 |
32 | [๔๕] ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ย่อมอบรมซึ่งอริยมรรค อันมีปัญญาเป็นเครื่องนำมามีปัญญาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า ธัมมานุสารี เมื่อตั้งอยู่ในผลแล้ว ชื่อว่า ทิฏฐิปัตตะ (เอกกนิทเทส) 79/228/1079/228/10 79/186/14 |
33 | [๔๖] ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล อบรมอริยมรรค มีศรัทธาเป็นเครื่องนำมา มีศรัทธาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า สัทธานุสารี เมื่อตั้งอยู่ในผลแล้ว ชื่อว่า สัทธาวิมุต. (เอกกนิทเทส) 79/229/879/229/8 79/186/20 |
34 | [๔๗-๔๙] พระโสดาบัน 3 ประเภท ผู้สัตตักขัตตุปรมะ ผู้โกลังโกละ ผู้เอกพีชี.(เอกกนิทเทส) 79/232/179/232/1 79/187/1 |
35 | พระโสดาบันผู้ยินดี ในวัฏฏะ (อ.เอกพีชีบุคคล) 79/236/1479/236/14 79/222/20 |
36 | พระสกทาคามี ย่อมมาสู่โลกนี้คราวเดียวแล้วทำที่สุดทุกข์ได้ หมายเอาผู้บรรลุในโลกนี้ แล้วไปเกิดอยู่ในเทวโลกตลอดอายุ แล้วก็เกิดในโลกนี้อีกจึงปรินิพพาน..(อ.สกทาคามีบุคคล) 79/238/1779/238/17 79/224/11 |
37 | การไม่มาสู่โลกนี้ของพระอนาคามีนั้น ด้วยอำนาจถือปฏิสนธิ แต่มาเพื่อประโยชน์แห่งการเห็นพระพุทธเจ้า พระเถระและมาฟังธรรม ท่านมิได้ห้ามไว้..(อ.อนาคามีบุคคล) 79/240/779/240/7 79/225/12 |
38 | พระอนาคามี มี 48 จำพวก (อ.อุทธังโสโตอกนิฏฐคามีบุคคล) 79/246/979/246/9 79/228/9 |
39 | พระอรหันต์ 12 จำพวก , พระสกทาคามี 12 จำพวก , พระโสดาบัน 24 จำพวก.(อ.อุทธังโสโตอกนิฏฐคามีบุคคล) 79/251/1079/251/10 79/233/14 |
40 | [๖๖] การล่วงละเมิดทางกาย กายล่วงละเมิดทางวาจา การล่วงละเมิดทั้งทางกาย และวาจา นี้เรียกว่า ศีลวิบัติ ความเป็นผู้ทุศีลแม้ทั้งหมด ชื่อว่า ศีลวิบัติ บุคคลผู้ประกอบด้วยศีลวิบัตินี้ ชื่อว่า ผู้มีศีลวิบัติ (ทุกนิเทส) 79/258/1379/258/13 79/239/15 |
41 | [๗๖] สัมมาทิฏฐิเช่นนี้ว่า ทานที่ให้แล้วมีผล และวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วมีอยู่ สมณพราหมณ์ ผู้พร้อมเพรียงกัน ประพฤติดีปฏิบัติชอบที่ รู้ยิ่งซึ่งโลกนี้และโลกหน้าด้วยตนเอง แล้วประกาศทำให้แจ้งมี นี้เรียกว่า ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิแม้ทั้งหมดชื่อว่า ทิฏฐิสัมปทา บุคคลผู้ประกอบด้วยทิฏฐิสัมปทานี้ ชื่อว่า ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ (ทุกนิเทส) 79/267/379/267/3 79/247/14 |
42 | [๗๗] บุคคลผู้หาได้ยากในโลก 2 จำพวก ได้แก่ บุพพการีบุคคล (ผู้กระทำอุป-การะก่อน) , กตัญญูกตเวทีบุคคล (ทุกนิเทส) 79/267/1179/267/11 79/247/23 |
43 | [๘๔] บุคคลผู้ไม่มีความหวัง บุคคลผู้มีความหวัง บุคคลผู้มีความหวังไปปราศแล้ว (ติกนิทเทส) 79/275/379/275/3 79/254/3 |
44 | บุคคล ชื่อว่า ผู้ทุศีลในพระศาสนานี้ เป็นเช่นกับน้ำเหลืองอันชุ่มในซากศพ.(อ.ติกนิทเทส) 79/278/1179/278/11 79/274/16 |
45 | [๘๕] พระพุทธเจ้าทรงอาศัย คนไข้ ที่ต้องได้โภชนะเป็นที่สบาย ได้เภสัชเป็นที่สบาย หรือได้อุปัฏฐากสมควร จึงจะหายป่วย จึงทรงอนุญาตคิลานภัต คิลานเภสัชคิลานอุปัฏฐากไว้ (ติกนิทเทส) 79/281/179/281/1 79/256/1 |
46 | ภิกษุผู้เป็นไข้นั้น เมื่อไม่สามารถเพื่อจะยังอัตภาพให้เป็นไปตามธรรมดาของตนภิกษุสงฆ์พึงอปโลกน์แล้วให้ถ้อยคำว่า "ขอให้ภิกษุหรือสามเณรรูปหนึ่ง จงปฏิบัติบำรุงภิกษุผู้อาพาธนี้" ก็ถ้าภิกษุหรือสามเณรนั้น ยังปฏิบัติภิกษุผู้อาพาธนั้นอยู่ตราบใด คนไข้ก็ดีภิกษุหรือสามเณรก็ดี มีความต้องการด้วยสิ่งใด สิ่งนั้นทั้งหมดเป็นภาระแก่สงฆ์ทั้งหมด. (อ.ติกนิทเทส) 79/283/679/283/6 79/277/3 |
47 | [๘๘] บุคคลผู้มีวาจาเหมือนคูถ บุคคลผู้มีวาจาเหมือนดอกไม้ บุคคลผู้มีวาจาเหมือนน้ำผึ้ง (ติกนิทเทส) 79/286/479/286/4 79/257/25 |
48 | เปรียบเทียบ การเห็นพระนิพพานในขณะมรรคทั้ง 3 คือ การเห็นในที่มืดขณะฟ้าแลบของบุรุษผู้มีตาดี (อ.ติกนิทเทส) 79/293/879/293/8 79/282/22 |
49 | [๙๑] บุคคลผู้มีปัญญาดังหม้อคว่ำ บุคคลผู้มีปัญญาดังหน้าตัก บุคคลผู้มีปัญญามาก. (ติกนิทเทส) 79/297/179/297/1 79/260/21 |
50 | [๙๔-๙๕] เปรียบภิกษุทุศีลกับคุณสมบัติของผ้าป่าน 3 ชนิด คนเหล่าใดไปคบค้าสมาคมด้วยย่อมเป็นไปเพื่อทุกข์แก่คนเหล่านั้น ตลอดกาลนาน. (ติกนิทเทส) 79/307/679/307/6 79/264/2 |
51 | ผ้าที่มีราคาไม่แพง คือ มีราคาประมาณหนึ่ง กหาปณะ (หนึ่งกหาปณะ 4 บาท)เมื่อผ้านั้นเก่าแล้วก็มีราคาเพียงหนึ่งมาสก (10 สตางค์) หรือเพียง 1 กากณิก(กากณิกะ เท่ากับ ราคาเนื้อที่กากลืนกินครั้งหนึ่งเป็นราคาต่ำที่สุดในสมัยนั้น).(อ.ติกนิทเทส) 79/309/379/309/3 79/290/19 |
52 | [๑๐๐] ภิกษุทุศีลเหมือนงูเปื้อนขี้ เป็นบุคคลที่ควรรังเกียจ ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ (ติกนิทเทส) 79/318/779/318/7 79/268/18 |
53 | [๑๐๔] ผู้เป็นอสัตบุรุษยิ่งกว่า อสัตบุรุษ (จตุกกนิทเทส) 79/328/779/328/7 79/301/7 |
54 | [๑๐๘] บุคคลใด ฟังพุทธพจน์ก็มาก กล่าวก็มาก ทรงจำไว้มาก บอกสอนก็มากแต่ไม่มีการบรรลุมรรคผล ในชาตินั้น บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้ปทปรมะ .(จตุกกนิทเทส) 79/337/679/337/6 79/305/16 |
55 | [๑๑๐] บุคคลผู้เป็นธรรมกถึก 4 จำพวก กับบริษัทที่เหมาะกับธรรมกถึกนั้น.(จตุกกนิทเทส) 79/341/179/341/1 79/306/5 |
56 | [๑๑๑-๑๑๒] บุคคลเปรียบด้วย วลาหก 4 อย่าง คือ ฟ้าร้องฝนไม่ตก , ฝนตกฟ้าไม่ร้อง , ฟ้าร้องฝนตก , ฟ้าไม่ร้องฝนไม่ตก (จตุกกนิทเทส) 79/342/1279/342/12 79/306/24 |
57 | [๑๑๓-๑๑๔] บุคคลเปรียบด้วย หนู 4 จำพวก คือ ผู้ทำที่อยู่ แต่ไม่อยู่ , ผู้อยู่แต่ไม่ทำที่อยู่ , ผู้ทำที่อยู่ และอยู่ด้วย , ทั้งไม่ทำที่อยู่ ทั้งไม่อยู่ด้วย (จตุกกนิทเทส) 79/345/1279/345/12 79/308/4 |
58 | [๑๑๕-๑๑๖] บุคคลเปรียบด้วยมะม่วง 4 ชนิด คือ บุคคลเช่นมะม่วงดิบ แต่มีสีเป็น-มะม่วงสุก , บุคคลเช่นมะม่วงสุก แต่มีสีเป็นมะม่วงดิบ, บุคคลเช่นมะม่วงดิบ มีสีก็เป็นมะม่วงดิบ , บุคคลเช่นมะม่วงสุกมีสีก็เป็นมะม่วงสุก (จตุกกนิทเทส) 79/348/1779/348/17 79/309/17 |
59 | [๑๒๕] บุคคลไม่ใคร่ครวญไม่ไตร่ตรองแล้ว พูดสรรเสริญคนที่ไม่ควรสรรเสริญ ,พูดติเตียนคนที่ควรสรรเสริญ , มีความเลื่อมในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส , ไม่เลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส (จตุกกนิทเทส) 79/360/1679/360/16 79/316/26 |
60 | [๑๒๙] บุคคลผู้มืดมา มืดไป , มืดมาสว่างไป , สว่างมามืดไป , สว่างมาสว่างไป.(จตุกกนิทเทส) 79/366/1679/366/16 79/320/15 |
61 | [๑๓๑-๑๓๒] บุคคลเปรียบด้วยต้นไม้ 4 จำพวก คือ บุคคลมีกระพี้ แต่บริวารมีแก่น, บุคคลมีแก่น แต่บริวารมีกระพี้ , บุคคลมีกระพี้ บริวารมีกระพี้ , บุคคลมีแก่นบริวารมีแก่น (จตุกกนิทเทส) 79/373/179/373/1 79/322/21 |
62 | เมื่อแบ่งสัตว์โลกทั้งหมดเป็น 3 ส่วน ที่ถือรูปเป็นประมาณมี 2 ส่วน แบ่งสัตว์โลกออกเป็นแสนส่วน ที่ถือธรมเป็นประมาณ มีส่วนเดียว (อ.จตุกกนิทเทส) 79/378/179/378/1 79/355/22 |
63 | [๑๓๕] บุคคลที่ไม่ทำตนให้เดือดร้อน และไม่ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำตนให้เดือด-ร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน และไม่ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อนเป็นไฉน ? (จตุกกนิทเทส) 79/384/1579/384/15 79/329/7 |
64 | พระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ตถาคต ด้วยเหตุ 8 ประการ (อ.จตุกกนิทเทส) 79/396/1479/396/14 79/363/11 |
65 | ภิกษุเว้นขาดจากการรับธัญชาติดิบและเนื้อดิบ แม้การจับต้องสิ่งเหล่านั้น ก็ไม่ควร. (อ.จตุกกนิทเทส) 79/407/979/407/9 79/372/22 |
66 | [๑๓๘] บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่เสพกาม และไม่กระทำกรรมอันลามก บุคคลนั้นถึงจะมีทุกข์มีโทมนัส มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ก็ยังประพฤติพรหมจรรย์บริบูรณ์บริสุทธิ์อยู่ บุคคลนี้เรียกว่า ผู้ไปทวนกระแส (จตุกกนิทเทส) 79/420/1079/420/10 79/336/7 |
67 | [๑๔๓-๑๔๔] บุคคลเปรียบด้วยนักรบอาชีพ 5 จำพวก (ปัญจกนิทเทส) 79/434/379/434/3 79/387/9 |
68 | [๑๔๕-๑๔๖] ภิกษุผู้ถือธุดงค์ มีการบิณฑบาตเป็นวัตร เป็นต้น 5 จำพวก.(ปัญจกนิทเทส) 79/441/879/441/8 79/392/11 |