1 | [๔๓๑] สติปัฏฐาน 4 (สติปัฏฐานวิภังค์) 78/1/778/1/7 78/1/7 |
2 | [๔๓๒-๔๓๔] ภิกษุ พิจารณาเห็นกายในกายภายในเนืองๆ อยู่ , พิจารณาเห็นกายในกาย ภายนอกเนืองๆ อยู่ พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในและภายนอกเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร ? (สติปัฏฐานวิภังค์) 78/2/1178/2/11 78/2/11 |
3 | [๔๔๐] กายนั่นเอง ชื่อว่าโลก แม้อุปาทานขันธ์ 5 ก็ชื่อว่าโลก (สติปัฏฐานวิภังค์) 78/5/1378/5/13 78/5/4 |
4 | [๔๔๑-๔๔๓] ภิกษุ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายในเนืองๆ อยู่ , พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายนอกเนืองๆ อยู่ , พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งภายในและภายนอกเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร ? (สติปัฏฐานวิภังค์) 78/6/878/6/8 78/6/3 |
5 | [๔๔๕-๔๔๗] ภิกษุ พิจารณาเห็นจิตในจิตภายในเนืองๆ อยู่ , พิจารณาเห็นจิตในจิต ภายนอกเนืองๆ อยู่ ,พิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในและภายนอก เนืองๆ อยู่เป็นอย่างไร ? (สติปัฏฐานวิภังค์) 78/10/378/10/3 78/9/8 |
6 | [๔๔๘] จิตนั่นเอง ชื่อว่า โลก แม้อุปาทานขันธ์ 5 ก็ชื่อว่าโลก (สติปัฏฐานวิภังค์) 78/13/2278/13/22 78/12/19 |
7 | [๔๔๙] ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในเนืองๆ อยู่เป็นอย่างไร ?.(สติปัฏฐานวิภังค์) 78/14/1678/14/16 78/13/10 |
8 | [๔๕๘-๔๕๙] สติปัฏฐาน 4 แจกแจงตามแบบอภิธรรม (สติปัฏฐานวิภังค์) 78/21/1278/21/12 78/127/2 |
9 | ชื่อว่า ปัฏฐาน เพราะอรรถว่า ย่อมดำรงอยู่ ย่อมปรากฏ คือ ก้าวลงแล้วย่อมแล่นไป ย่อมเป็นไป สตินั่นแหละ ชื่อว่า สติปัฏฐาน เพราะอรรถว่า ดำรงอยู่.(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/34/1778/34/17 78/21/13 |
10 | กายานุปัสสนาสติปัฏฐานอันโอฬาร เป็นทางแห่งความหมดจดของบุคคลผู้ตัณหาจริตอย่างอ่อน. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานอันสุขุม เป็นทางแห่ง ความหมดจดของบุคคลผู้มีตัณหาจริตอย่างแก่กล้า. จิตตานุปัสสนาซึ่งมีอารมณ์อันแยกออกไม่มากนัก เป็นทางแห่งความหมดจดของผู้มีทิฏฐิจริตอย่างอ่อน...ธัมมานุปัสสนาซึ่งมีอารมณ์ อันแยกออกมาก เป็นทางแห่งความหมดจดของผู้มีทิฏฐิจริตอย่าง แก่กล้า.(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/35/1278/35/12 78/22/1 |
11 | พระศาสดาทรงตรัสสติปัฏฐาน 4 เพื่อละวิปลาส 4 คือ เพื่อละความเห็นว่างามเป็นสุข เป็นของเที่ยง, เป็นอัตตา. (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/36/478/36/4 78/22/17 |
12 | บุคคลใดดำเนินไปสู่การปฏิบัตินี้บุคคลนั้น ชื่อว่า ภิกษุ ด้วยว่าบุคคลผู้ปฏิบัติจะเป็นเทวดา หรือเป็นมนุษย์ก็ตาม ย่อมถึงการนับว่าเป็น ภิกษุ ทั้งนั้น..(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/39/678/39/6 78/25/12 |
13 | กาย เพราะอรรถว่า เป็นที่ประชุม ฉันใด รูปกายท่านประสงค์เอาว่ากาย เพราะอรรถว่า เป็นบ่อเกิดแห่งสิ่งเลวทราม ฉันนั้น (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/39/2178/39/21 78/26/2 |
14 | " บุคคลเห็นอยู่ซึ่งสิ่งใด สิ่งนั้น ชื่อว่าอันเขาเห็นแล้วก็หาไม่ สิ่งใดอันเขาเห็นแล้วเขาชื่อว่า ย่อมไม่เห็นซึ่งสิ่งนั้น บุคคลผู้หลง เมื่อไม่เห็นย่อมติด เมื่อติดก็ย่อมไม่หลุดพ้น" (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/41/1878/41/18 78/27/14 |
15 | " ภิกษุใดเห็นสุขโดยความเป็นทุกข์ เห็นทุกข์โดยความเป็นดังลูกศร เห็นอทุกขมสุขอันสงบแล้วโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยง ภิกษุนั้นแล เป็นผู้เห็นชอบ จักเป็นผู้สงบเที่ยวไป ดังนี้" (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/48/578/48/5 78/33/8 |
16 | กุลบุตรผู้ใคร่จะเจริญกรรมฐาน เบื้องต้นต้องชำระศีลให้บริสุทธิ์ ตัดความกังวลแล้วพึงเรียนเอากรรมฐาน ในสำนัก พระอรหันต์ พระอนาคามี หรืออย่างต่ำแม้อาจารย์ผู้สอนพระพุทธพจน์ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/52/378/52/3 78/37/14 |
17 | อาจารย์ ผู้สอนกรรมฐาน พึงบอก ความฉลาดในการถือ เอากรรมฐาน 7 อย่างและมนสิการโกศล 10 อย่าง (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/52/2278/52/22 78/38/7 |
18 | กรรมฐาน อันใดปรากฏชัดเจน ดีกว่า ให้ถือเอากรรมฐานนั้น บ่อยๆ .(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/59/1678/59/16 78/44/9 |
19 | พระสูตร 3 สูตร เพื่อประโยชน์ แก่วิริยะ และสมาธิ คือ อธิจิตตสูตร สีติภาวสูตรโพชฌังคโกสลสูตร (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/62/278/62/2 78/45/9 |
20 | ผู้ประกอบอธิจิต พึงมนสิการ สมาธินิมิต ปัคคหนิมิต อุเบกขานิมิต โดยกาลอันควร จิตนั้นย่อมเป็นธรรมชาติควรแก่การงาน เมื่อทำสมาธิอย่างเดียวจิตย่อมเกียจคร้าน เมื่อมนสิการปัคคหนิมิตอย่างเดียวจิตย่อมฟุ้งซ่าน เมื่อมนสิการอุเบกขานิมิตอย่างเดียว จิตย่อมไม่ตั้งมั่นโดยชอบ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/62/678/62/6 78/45/14 |
21 | ธรรม 6 ประการ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้สงบ คือ ข่มจิตในสมัยที่ควรข่มประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ทำให้จิตร่าเริงในสมัยที่ควรร่าเริง วางเฉยในสมัยที่ควรวางเฉย น้อมจิตไปในธรรมอันประณีต เป็นผู้ยินดียิ่งในพระนิพพาน.(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/63/2078/63/20 78/47/2 |
22 | เนื้อหัวใจของคนมีปัญญา แย้มบานหน่อยหนึ่ง , เลือดของคนราคจริตเป็นสีแดงของคนโทสจริตเป็นสีดำ ของคนโมหจริตเป็นเช่นกับสีน้ำล้างเนื้อ ของคนมีวิตกจริตเป็นสีเช่นกับน้ำต้มถั่วพู ของคนมีสัทธาจริตเป็นสีดังดอกกรรณิการ์ ของคนมีปัญญาจริตใสผุดผ่อง ไม่หมองมัว (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/77/178/77/1 78/58/4 |
23 | ไส้ใหญ่ของผู้ชายยาวประมาณ 32 ศอก ของผู้หญิงยาวประมาณ 28 ศอก.(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/79/878/79/8 78/59/23 |
24 | อาหารและน้ำที่กินลงไปในท้องแล้ว แบ่งเป็น 5 ส่วน ส่วนหนึ่งสัตว์ในท้องกินไฟธาตุเผาส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นปัสสาวะ ส่วนหนึ่งเป็นอุจจาระ ส่วนหนึ่งไปบำรุงร่างกาย. (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/82/178/82/1 78/61/21 |
25 | เมื่อน้ำดีซึมซาบไปในร่างกายกำเริบ ตาย่อมเหลือง วิงเวียนศีรษะ ร่างกายย่อมหวั่นไหว ย่อมคัน เมื่อดีในถุงกำเริบ ทำให้เป็นบ้า (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/83/1678/83/16 78/63/7 |
26 | เมื่อเสมหะ ในท้องมีน้อย ทำให้ลมเรอ หรือปาก ย่อมมีกลิ่นเหม็น เช่นกับซากสัตว์เน่า (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/84/1078/84/10 78/63/21 |
27 | ความปรากฏแห่งส่วนร่างกายด้วยอำนาจแห่งปฏิกูล โดยอาการทั้งปวง เป็นปฏิภาคนิมิต เมื่อตรึกอยู่บ่อยๆ นามขันธ์ 4 ก็จะมีปฏิกูลเป็นอารมณ์ จะดำรงอยู่ด้วยอำนาจปฐมฌาน ก็ปฏิกูลนี้ เป็นอารมณ์หยาบทุติยฌานจึงมิได้เกิดขึ้น..(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/91/678/91/6 78/69/13 |
28 | เมื่ออาจารย์บอกกรรมฐานกำหนดจำกัด แต่กรรมฐานปรากฏแก่ภิกษุเป็นอย่างอื่น ภิกษุนี้จะสำคัญว่า นี้มิใช่ลักษณะ ไม่ใช่กรรมฐาน. จะถือเอาเฉพาะคำอันอาจารย์บอกเท่านั้น นี้เป็นโทษในถ้อยคำที่อาจารย์ บอกกำหนดจำกัด. 78/93/878/93/8 78/71/7 |
29 | ภิกษุผู้ได้ชื่อว่า พระจุลโสดาบันผู้มีคติ แน่นอน (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/99/1578/99/15 78/76/15 |
30 | วิหารที่ควรเว้น 18 แห่ง และวิหารที่ประกอบด้วยองค์ 5 (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/101/1678/101/16 78/78/16 |
31 | จิตที่เคยเจริญกรรมฐานมาแล้วในสังสารวัฏอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งเป็นไปในอารมณ์ต่างๆ มีอยู่ ครั้นเมื่อกรรมฐานส่วนใดๆ ปรากฏยิ่งกว่า พึงทำความเพียรในส่วนนั้นๆ โดยทวีคูณ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/106/1978/106/19 78/82/25 |
32 | การมนสิการ อาการ 32 โดยมิมิต โดยลักษณะ โดยธาตุ โดยสุญญตะ โดยขันธ์.(อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/109/1578/109/15 78/86/3 |
33 | พระเถระรูปหนึ่ง อดกลั้นเวทนาแล้วลมได้แผ่ไปจนถึงหัวใจ ทำลำไส้ให้เป็นก้อนแก่ท่าน(กองอยู่) บนเตียงนอน พระเถระประกอบวิริยสมาธิแล้วบรรลุอรหันต์ผู้สมสีสี ปรินิพพาน (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/114/1278/114/12 78/91/1 |
34 | ความถือมั่นในอรูปกรรมฐานมี 3 อย่าง คือ ด้วยสามารถแห่งผัสสะ แห่งเวทนาแห่งจิต (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/115/1278/115/12 78/91/24 |
35 | สุขเวทนาอาศัยกามคุณ 5 เรียกว่า สุขเวทนามีอามิส สุขอาศัยเนกขัมมะชื่อว่า สุขเวทนาไม่มีอามิส (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/120/578/120/5 78/96/15 |
36 | บทว่า มหัคคตัง คือ รูปาวจรจิต และอรูปาวจรจิต, บทว่า สอุตตรัง คือ กามาวจรจิต,อนุตตรัง คือ รูปาวจรจิต และอรูปาวจรจิต. (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/122/178/122/1 78/98/9 |
37 | ธรรม 6 ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อละกามฉันทะ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/124/1478/124/14 78/100/14 |
38 | ธรรม 6 ประการ เพื่อละพยาบาท (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/126/678/126/6 78/102/2 |
39 | ธรรม 6 ประการ เพื่อละถีนมิทธะ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/128/1078/128/10 78/104/1 |
40 | ธรรม 6 ประการ เพื่อละอุทธัจจกุกกุจจะ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/130/178/130/1 78/105/15 |
41 | ธรรม 6 ประการ เพื่อละวิจิกิจฉา (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/131/1278/131/12 78/107/1 |
42 | ธรรม 4 ประการ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งสติสัมโพชฌงค์ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/133/378/133/3 78/108/15 |
43 | ธรรม 7 ประการ เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/134/178/134/1 78/109/10 |
44 | ความเสมอกันแห่ง ศรัทธากับปัญญา และแห่งสมาธิกับวิริยะ ด้วยว่าอัปปนาย่อมเกิดขึ้น เพราะความเสมอกันแห่งอินทรีย์ทั้งสอง (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/136/178/136/1 78/111/6 |
45 | ธรรม 11 ประการ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งวิริยสัมโพชฌงค์ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/138/178/138/1 78/113/3 |
46 | พระมหามิตตะ ได้ยินว่า อุบาสิกาผู้อุปัฏฐาก จัดของดีๆ ถวายท่าน ส่วนอุบาสิกากินข้าวเมื่อวานกับน้ำผักดอง จึงถือเอาเรื่องนั้นสอนตนเอง กลับไปทำความเพียรได้บรรลุพระอรหันต์แล้ว จึงเข้ามาบิณฑบาตในเรือนนั้น (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/139/1978/139/19 78/114/20 |
47 | ธรรม 11 ประการ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งปีติ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/143/1378/143/13 78/118/2 |
48 | ธรรม 7 ประการ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/145/778/145/7 78/119/16 |
49 | ธรรม 11 ประการ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งสมาธิสัมโพชฌงค์ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/146/1778/146/17 78/121/4 |
50 | ธรรม 5 ประการ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งอุเบกขาสัมโพชฌงค์ (อ.สติปัฏฐานวิภังค์) 78/148/1978/148/19 78/123/8 |
51 | [๔๖๕-๔๘๒] สัมมัปปธาน 4 มี การทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียรประคองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อป้องกัน บาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น เป็นต้น. (สัมมัปธานวิภังค์) 78/155/378/155/3 78/138/3 |
52 | คำว่า อกุสลานัง ธัมมานัง ได้แก่ ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศลในอรรถว่าไม่ฉลาด.(อ.สัมมัปธานวิภังค์) 78/174/178/174/1 78/144/3 |
53 | สมถวิปัสสนา ชื่อว่า กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนมรรคเกิดครั้งเดียวแล้วก็ดับไปย่อมชื่อว่า ไม่เป็นไปเพื่อความพินาศ เพราะว่ามรรคนั้นให้ความเป็นปัจจัยแก่ผลเท่านั้นแล้ว ก็ดับไป. (อ.สัมมัปธานวิภังค์) 78/179/378/179/3 78/148/11 |
54 | พระเถระขีณาสพองค์หนึ่ง กับสามเณรผู้ได้สมาบัติ เป็นผู้ถือภัณฑะให้ เมื่อพระเถระไปไหว้พระเจดีย์ สามเณรได้นำดอกไม้มาจากหิมวันต์ด้วยฤทธิ์ถวายพระเถระ แต่เพราะไม่เอื้อเฟื้อในคำเตือนของพระเถระสามเณรจึงได้เสื่อมจากฤทธิ์ ได้ธิดาช่างหูกเป็นภรรยา (อ.สัมมัปธานวิภังค์) 78/179/1178/179/11 78/148/19 |
55 | ภิกษุ 30 รูป และพวกสามเณร ได้ไหว้พระเจดีย์ แล้วไปสู่ทางป่าทึบ พบชายหาฟืนผู้มีเนื้อตัวเปื้อนด้วยเขม่าไฟ พวกสามเณรได้หัวเราะชายนั้น เขาจึงเล่าถึงอดีตที่เขาเป็นภิกษุมีฤทธิ์มาก แต่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะความประมาทแล้ว เตือนบรรดาภิกษุและสามเณรนั้น เมื่อเขากล่าวอยู่ภิกษุสามเณร 30 เหล่านั้น ถึงความสังเวชแล้วเห็นแจ้งอยู่ ก็บรรลุพระอรหัตในที่นั้น (อ.สัมมัปธานวิภังค์) 78/185/478/185/4 78/153/17 |
56 | ภิกษุบางรูปข่มกิเลสได้ ด้วยสามารถแห่ง วัตร คันถะ ธุดงค์ สมาธิ วิปัสสนานวกรรม และภพ. (อ.สัมมัปธานวิภังค์) 78/187/578/187/5 78/155/11 |
57 | อุปปันนะ คือ กิเลสที่เกิดขึ้นแล้ว 4 อย่าง (อ.สัมมัปธานวิภังค์) 78/189/2078/189/20 78/157/24 |
58 | [๕๐๕-๕๑๗] อิทธิบาท 4 (อิทธิปาทวิภังค์) 78/198/378/198/3 78/175/3 |
59 | ชื่อว่า อิทธิ (ฤทธิ์) เพราะอรรถว่า ย่อมรุ่งเรือง ย่อมสำเร็จ , คำว่า ปาโท ได้แก่เป็นที่อาศัย คือ เป็นอุบายเครื่องบรรลุ ชื่อว่า อิทธิบาท เพราะเป็นบาทแห่งความสำเร็จ (อ.อิทธิปาทวิภังค์) 78/216/1678/216/16 78/181/9 |
60 | กรรมฐานอันถึงที่สุดของภิกษุ 4 จำพวก (อ.อิทธิปาทวิภังค์) 78/220/978/220/9 78/184/19 |
61 | [๕๔๒-๕๕๑] โพชฌงค์ 7 (โพชฌังควิภังค์) 78/227/478/227/4 78/202/4 |
62 | ชื่อว่า โพชฌงค์ เพราะอรรถว่า เป็นองค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้ , ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตรัสรู้ , ย่อมตรัสรู้ , ย่อมรู้ตาม , ย่อมรู้เฉพาะ , ย่อมรู้พร้อม.(อ.โพชฌังควิภังค์) 78/242/778/242/7 78/206/6 |
63 | เมื่อจิตหดหู่ พึงเจริญ ธัมมวิจัย วิริยะ ปีติสัมโพชฌงค์ , เมื่อจิตฟุ้งซ่านพึงเจริญปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ (อ.โพชฌังควิภังค์) 78/244/1478/244/14 78/208/7 |
64 | สติ แม้เว้นจากปัญญา ก็เกิดขึ้นได้ สตินั้นเมื่อเกิดพร้อมกับปัญญา ย่อมเป็นสภาพมีกำลัง เมื่อเว้นจากปัญญา ย่อมทุรพล (อ.โพชฌังควิภังค์) 78/246/678/246/6 78/209/17 |
65 | ธรรมทั้ง 3 คือ สติ ธัมมวิจยะ อุเบกขา เป็นโลกิยะเท่านั้น เพราะความที่ธรรมทั้ง 3 มีขันธ์เป็นอารมณ์ ความเพียรทางกาย (วิริยะ) อันยังไม่บรรลุมรรคก็ยังเป็นโลกิยะ ส่วนปีติ สมาธิ อันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เป็นโลกกุตตระ (อ.โพชฌังควิภังค์) 78/251/778/251/7 78/214/23 |
66 | [๕๖๙-๕๗๗] อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจาสัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.(มัคควิภังค์) 78/258/478/258/4 78/231/4 |
67 | [๕๘๙] มรรคมีองค์ 5 คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติสัมมาสมาธิ (มัคควิภังค์) 78/263/1578/263/15 78/236/21 |
68 | อธิบาย คำว่า มรรคประกอบด้วยองค์ 5 (อ.มัคควิภังค์) 78/278/178/278/1 78/244/3 |
69 | [๕๙๙] แม่บทแห่ง ฌาน (ฌานวิภังค์) 78/283/378/283/3 78/253/3 |
70 | [๖๐๑] ชื่อว่า ภิกษุ เพราะ สมัญญา เพราะปฏิญญา เพราะขอ ฯลฯ (ฌานวิภังค์) 78/285/1878/285/18 78/258/18 |
71 | [๖๐๒] ปาติโมกข์ ได้แก่ ศีลอันเป็นที่อาศัย เป็นเบื้องต้น เป็นจรณะ เป็นเครื่องสำรวม เป็นเครื่องระวัง เป็นหัวหน้า เป็นประธาน เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศล-ธรรมทั้งหลาย. (ฌานวิภังค์) 78/286/1778/286/17 78/259/15 |
72 | [๖๐๔] อธิบายบทว่า ถึงพร้อมด้วยอาจาระ และโคจร. (ฌานวิภังค์) 78/287/878/287/8 78/260/1 |
73 | [๖๐๕] อธิบายคำว่า เห็นภัยในโทษทั้งหลายอันมีประมาณน้อย (ฌานวิภังค์) 78/289/1278/289/12 78/261/25 |
74 | [๖๐๙] ภิกษุเป็นผู้ประกอบความเพียรตลอดปฐมยาม และปัจฉิมยาม อย่างไร ?.(ฌานวิภังค์) 78/292/1278/292/12 78/264/17 |
75 | [๖๑๔] เสนาสนะ ได้แก่ เตียงบ้าง ตั่งบ้าง ที่นอนบ้าง ฯลฯ หรือภิกษุยับยั้งอยู่ในที่ใด ที่นั้นทั้งหมด ชื่อว่า เสนาสนะ (ฌานวิภังค์) 78/295/578/295/5 78/267/3 |
76 | [๖๗๓] คำว่า เสวยสุขด้วยนามกาย มีอธิบายว่า สุข ได้แก่ ความสบายทางใจความสุขทางใจ ความเสวยอารมณ์ที่สบายเป็นสุขอันเกิดแต่เจโตสัมผัส กิริยาเสวยอารมณ์ที่สบายเป็นสุขอันเกิดแต่เจโตสัมผัส , กาย ได้แก่ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์วิญญาณขันธ์ (ฌานวิภังค์) 78/311/1178/311/11 78/281/1 |
77 | [๖๘๘-๖๙๐] คำว่า ก้าวล่วงรูปสัญญา , ดับปฏิฆสัญญา , ไม่มนสิการซึ่งนานัตต-สัญญา (ฌานวิภังค์) 78/315/678/315/6 78/284/7 |
78 | [๖๙๑] อธิบายคำว่า อากาศไม่มีสิ้นสุด. (ฌานวิภังค์) 78/316/578/316/5 78/285/2 |
79 | [๖๙๖-๖๙๗] คำว่า วิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด (ฌานวิภังค์) 78/317/178/317/1 78/285/19 |
80 | [๗๐๑-๗๐๒] คำว่า วิญญาณน้อยหนึ่งไม่มี (ฌานวิภังค์) 78/317/1578/317/15 78/286/7 |
81 | [๗๐๖-๗๐๗] บทว่า มิใช่ผู้มีสัญญา และมิใช่ผู้ไม่มีสัญญา (ฌานวิภังค์) 78/318/778/318/7 78/286/22 |
82 | [๗๑๐-๗๑๔] กุศลฌาน 4 (ฌานวิภังค์) 78/319/378/319/3 78/364/3 |
83 | [๗๑๕-๗๒๐] กุศลฌาน หมวด 5 (ฌานวิภังค์) 78/320/1878/320/18 78/365/12 |
84 | [๗๓๑-๗๓๒] วิปากฌาน หมวด 4 หมวด 5 (ฌานวิภังค์) 78/326/478/326/4 78/370/3 |
85 | [๗๓๓-๗๓๔] โลกุตตรวิปากฌาน หมวด 4 หมวด 5 (ฌานวิภังค์) 78/330/278/330/2 78/373/12 |
86 | [๗๓๘] ฌาน 4 เป็นกุศลก็มี เป็นอัพยากตะก็มี (ฌานวิภังค์) 78/336/1878/336/18 78/380/5 |
87 | ไตรสิกขา พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ขันติ ด้วยสามารถ แห่งความอดทนของพระองค์ เรียกชื่อว่า ธรรม เพราะอรรถว่า เป็นสภาวะ เรียกว่า วินัย เพราะอรรถว่า ควรแก่การศึกษา เรียกว่า ปาพจน์ ด้วยสามารถแห่งคำอันพระองค์ตรัสแล้วเรียกว่า สัตถุศาสน์ ด้วยสามารถแห่งการให้ความพร่ำสอน (อ.ฌานวิภังค์) 78/345/978/345/9 78/287/19 |
88 | จริงอยู่ ตั้งแต่กัลยาณปุถุชน จนถึงพระอรหันต์ ย่อมถึงซึ่งการนับว่า เป็นภิกษุผู้ตั้งอยู่ในธรรมอันงาม (อ.ฌานวิภังค์) 78/353/378/353/3 78/294/24 |
89 | อุปสมบท 8 อย่าง มีเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นต้น (อ.ฌานวิภังค์) 78/354/1778/354/17 78/296/10 |
90 | เจตนาเป็นศีล เจตสิกเป็นศีล ความสำรวมเป็นศีล การไม่ก้าวล่วงศีล (อ.ฌานวิภังค์) 78/355/1878/355/18 78/297/13 |
91 | ศีลอันหมดจดดีแล้ว และทิฏฐิอันตรงด้วย เป็นธรรมเบื้องต้นของกุศลธรรมทั้ง-หลาย (อ.ฌานวิภังค์) 78/357/978/357/9 78/298/21 |
92 | ศีลของผู้ใดแตกแล้ว ขาดแล้ว ไม่สมบูรณ์แล้ว การดำเนินไปสู่ญาณเพื่อบรรลุพระนิพพาน ก็ย่อมไม่สำเร็จแก่ผู้นั้น (อ.ฌานวิภังค์) 78/358/778/358/7 78/299/15 |
93 | จริงอยู่ หนทาง ที่บุคคลบอกแล้วพึงไปถึงหรือไม่ถึงก็ได้ ส่วนทางที่พระตถาคตบอกแล้ว เป็นทางชอบธรรม ไม่ผิดหวัง ย่อมให้บรรลุถึงพระนิพพาน (อ.ฌานวิภังค์) 78/360/1378/360/13 78/301/17 |
94 | อธิบายการให้ไม้ไผ่ ใบไม้ ดอกไม้ ไม้ชำระฟัน ประเภทไหนเป็นครุภัณฑ์ประเภทไหนไม่เป็น (อ.ฌานวิภังค์) 78/361/1878/361/18 78/302/23 |
95 | ภิกษุ นำข่าวสาร ของช่างทำเจดีย์ ของสงฆ์ ของตน หรือของพวกมนุษย์ที่จะถวายทาน ย่อมควร (อ.ฌานวิภังค์) 78/369/1378/369/13 78/310/1 |
96 | เมื่อภิกษุเข้าไปในที่อโคจร มีสำนักหญิงแพศยา เป็นต้น แม้ถ้าว่า สมณธรรมของเธอไม่พินาศไป ก็จะได้รับความติเตียน อนึ่งภิกษุเมื่อเข้าไปด้วย สามารถแห่งการรับของทำบุญ พึงตั้งสติแล้วเข้าไป (อ.ฌานวิภังค์) 78/370/1878/370/18 78/311/10 |
97 | ภิกษุที่สามารถเข้าไปเพื่อทำลายวาทะ (ลัทธิ) ของเดียรถีย์ และสาวกของเดียรถีย์แล้วให้ถือเอาลัทธิของตน ย่อมควร (อ.ฌานวิภังค์) 78/372/2178/372/21 78/312/26 |
98 | ปรมาณู เป็นส่วนแห่งอากาศ เป็นอนุภาคที่เล็กที่สุดซึ่งเห็นด้วยตาเนื้อไม่ได้ เห็นได้ด้วยทิพยจักษุ (36 ปรมาณู เป็น 1 อณู) (อ.ฌานวิภังค์) 78/377/1978/377/19 78/317/11 |
99 | ภิกษุใดกระทำแม้สักว่าอาบัติทุกกฏ ทุพภาสิต อันเบากว่าโทษทั้งปวง ให้เช่นกับอาบัติปาราชิก ภิกษุนี้ ชื่อว่า ย่อมเห็นโทษทั้งหลายมีประมาณน้อย โดยความเป็นโทษ โดยความเป็นภัย. (อ.ฌานวิภังค์) 78/379/478/379/4 78/318/8 |
100 | สิกขาของอุบาสก และอุบาสิกา ย่อมเป็นไปด้วยอำนาจแห่งศีล 5 ศีล 10 ย่อมเป็นไปถึงอนาคามิมรรค (อ.ฌานวิภังค์) 78/379/1678/379/16 78/318/24 |
101 | การนอน 4 อย่าง คือ นอนอย่างผู้บริโภคกาม นอนอย่างเปรต นอนอย่างสีหะนอนอย่างพระตถาคต (อ.ฌานวิภังค์) 78/382/178/382/1 78/320/25 |
102 | ภิกษุรูปหนึ่ง พาสามเณรไปหาไม้ชำระฟัน สามเณรได้เห็นอสุภะในศพแล้วเจริญวิปัสสนา บรรลุอนาคามิผล (อ.ฌานวิภังค์) 78/387/1578/387/15 78/325/26 |
103 | โคจรสัมปชัญญะ 4 และวัตรนำไปและนำกลับ (อ.ฌานวิภังค์) 78/388/1378/388/13 78/326/21 |
104 | อานิสงส์ของผู้บำเพ็ญ คตปัจจาคตวัตร (อ.ฌานวิภังค์) 78/397/1078/397/10 78/333/24 |
105 | อธิบายความเป็นไป ของภวังคจิต อาวัชชนจิต จักขุวิญญาณจิต สัมปฏิจฉนจิตสันตีรณจิต โวฏฐัพพนจิต จากนั้นชวนจิตย่อมเกิด 7 ครั้ง (อ.ฌานวิภังค์) 78/401/1878/401/18 78/337/21 |
106 | เมื่อภิกษุ คู้อวัยวะแห่งข้อมือ และข้อเท้านานเกินไป หรือว่าเหยียดออกนานเกินไปทุกขเวทนาย่อมเกิดขึ้นทุกๆ ขณะ จิตย่อมไม่ได้เอกัคคตา กรรมฐานย่อมตกไป ย่อมไม่บรรลุคุณวิเศษ (อ.ฌานวิภังค์) 78/406/278/406/2 78/341/11 |
107 | การคู้อวัยวะเท้า การเหยียดอวัยวะออก ย่อมมีได้ด้วยการแผ่ไปของวาโยธาตุ อันเป็นการกระทำของจิต (อ.ฌานวิภังค์) 78/407/1478/407/14 78/342/17 |
108 | ชื่อว่า อสัมโมหสัมปชัญญะ แม้โดยความพิจารณาความเป็นของปฏิกูล 10 อย่าง.(อ.ฌานวิภังค์) 78/413/1578/413/15 78/347/19 |
109 | เมื่อบุคคลใดไม่ทำการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ในเวลาที่ควรแล้ว โรคต่างๆ ย่อมเกิดขึ้น. (อ.ฌานวิภังค์) 78/414/1378/414/13 78/348/13 |
110 | ที่นอน 5 ชนิด คือ ทำด้วยขนสัตว์ ท่อนผ้า เปลือกไม้ ใบไม้ ใบหญ้า (อ.ฌานวิภังค์) 78/420/1578/420/15 78/353/11 |
111 | เสนาสนะ คือ ถ้ำได้แก่ ในรอยแยกแห่งแผ่นดิน หรือในที่ใดสมควรตามประทีปไว้ทั้งกลางคืน และกลางวัน ในที่นั้น ชื่อว่า ถ้ำแห่งภูเขา หรือถ้ำแห่งแผ่นดิน.(อ.ฌานวิภังค์) 78/421/1278/421/12 78/354/3 |
112 | ภิกษุตั้งสติมุ่งหน้าต่อกรรมฐาน สตินี้อันภิกษุเข้าไปตั้งไว้แล้ว ตั้งไว้ดีแล้วที่ปลายจมูก หรือว่าที่นิมิตเหนือปาก (อ.ฌานวิภังค์) 78/425/1878/425/18 78/358/5 |
113 | ว่าโดยกุศลแล้ว จตุตถฌาน มี 13 ประเภท (อ.ฌานวิภังค์) 78/432/1878/432/18 78/384/13 |
114 | เมื่อภิกษุน้อมกายไปสู่ฌานที่ 4 เพื่อทำให้กายไปพร้อมกับจิต เพราะมีกายเป็นอารมณ์ ในขณะที่ทำปาฏิหาริย์ ด้วยกายอันไม่ปรากฏอยู่ เรียกว่า อทิสสมานกาย.(อ.ฌานวิภังค์) 78/433/1178/433/11 78/385/4 |
115 | [๗๔๑] อัปปมัญญา 4 (อัปปมัญญาวิภังค์) 78/440/378/440/3 78/391/3 |
116 | [๗๔๓] เมตตา ได้แก่ การรักใคร่ กิริยาที่รักใคร่ ความรักใคร่ ในสัตว์ทั้งหลายเมตตาเจโตวิมุตติ อันใดนี้ เรียกว่า เมตตา (อัปปมัญญาวิภังค์) 78/441/878/441/8 78/392/5 |
117 | [๗๔๕] กรุณา ได้แก่ การสงสาร กิริยาที่สงสาร ความสงสารในสัตว์ทั้งหลาย กรุณาเจโตวิมุตติ อันใดนี้ เรียกว่า กรุณา , บทว่า ไพบูลย์ มีอธิบายว่า จิตใดไพบูลย์จิตนั้นกว้างขวาง จิตใดกว้างขวาง จิตนั้นหาประมาณมิได้ จิตใดหาประมาณมิ-ได้ จิตนั้นไม่มีเวร จิตใดไม่มีเวร จิตนั้นไม่มีพยาบาท.(อัปปมัญญาวิภังค์) 78/443/578/443/5 78/393/20 |
118 | [๗๔๗] มุทิตา ได้แก่ การพลอยยินดี กิริยาที่พลอยยินดี ความพลอยยินดีในสัตว์ทั้งหลาย มุทิตาเจโตวิมุตติอันใดนี้ เรียกว่า มุทิตา (อัปปมัญญาวิภังค์) 78/445/178/445/1 78/395/10 |
119 | [๗๔๙] อุเบกขา ได้แก่ การวางเฉย กิริยาที่วางเฉย ความวางเฉยในสัตว์ทั้งหลายอุเบกขาเจโตวิมุตติ อันใด นี้เรียกว่า อุเบกขา (อัปปมัญญาวิภังค์) 78/446/2078/446/20 78/397/2 |
120 | [๗๕๑-๗๕๓] เมตตาฌาน กรุณาฌาน มุทิตาฌานเป็นอารมณ์ของฌานที่ 1-3เป็นอารมณ์ของ ฌานที่ 1-4 ในฌานหมวด 5 (อัปปมัญญาวิภังค์) 78/449/278/449/2 78/404/16 |
121 | [๗๕๔] อุเบกขากุศลฌาน เป็นอารมณ์ของ ฌานที่ 4 (อัปปมัญญาวิภังค์) 78/456/278/456/2 78/411/2 |
122 | [๗๖๓] อัปปมัญญา 4 เป็นกุศลก็มี เป็นอัพยากตะก็มี (อัปปมัญญาวิภังค์) 78/478/978/478/9 78/431/12 |
123 | ชื่อว่า อัปมัญญา เพราะอำนาจแห่งการแผ่ไปไม่มีประมาณ จริงอยู่ ภิกษุนั้นย่อมแผ่อัปปมัญญา เหล่านั้นไปยังสัตว์ทั้งหลาย หาประมาณมิได้ด้วยสามารถแห่งอารมณ์ หรือว่าย่อมแผ่ไปด้วยสามารถแห่งการแผ่ไปอันไม่มีส่วนเหลือแม้สัตว์ผู้เดียว (อ.อัปปมัญญาวิภังค์) 78/482/578/482/5 78/398/20 |
124 | เมตตาจิต นั้น เป็นจิตไม่มีเวร เพราะละธรรมอันเป็นข้าศึก คือ การเบียดเบียนเป็นจิตไม่มีความพยาบาท เพราะละโทมนัส พระพุทธเจ้าตรัสอธิบายว่า เป็นจิตไม่มีทุกข์ (อ.อัปปมัญญาวิภังค์) 78/484/1778/484/17 78/400/14 |
125 | กรรมฐานอันประกอบด้วยเมตตานี้ เป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้มีโทสจริต.(อ.อัปปมัญญาวิภังค์) 78/485/478/485/4 78/400/22 |
126 | [๗๖๗-๗๖๙] แจกแจงสิกขาบท 5 ด้วยกามาวจรกุศลจิต 8 (สิกขาปทวิภังค์) 78/491/478/491/4 78/436/4 |
127 | [๗๗๓] ธรรมเหล่าใด เป็นสิกขา ? (สิกขาปทวิภังค์) 78/499/1678/499/16 78/443/14 |
128 | ชื่อว่า สิกขา เพราะเป็นธรรมอันกุลบุตรพึงศึกษา (อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/504/1778/504/17 78/444/18 |
129 | สุรา 5 ชนิด และเมรัย 5 ชนิด (อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/505/1078/505/10 78/445/10 |
130 | ในกาลก้าวล่วงเจตนาอันเป็นบาป ชื่อว่า ความเป็นผู้ทุศีล ฉะนั้น แม้ในเวลาแห่งวิรัติ(การงดเว้น)พระพุทธเจ้า จึงตรัสเจตนานั้น ด้วยสามารถแห่งความเป็นผู้มีศีลดี.(อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/506/1678/506/16 78/446/14 |
131 | ความมีโทษมาก โทษน้อย ในสิกขาบททั้ง 5 (อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/508/178/508/1 78/447/20 |
132 | การกล่าวมุสาวาท เพื่อทำสงฆ์ให้แตกจากกัน จัดว่ามีโทษมาก กว่าโทษเหล่านั้นทั้งหมด เพราะว่าอกุศลอันมากนั้นสามารถเพื่อจะให้ไหม้อยู่ในนรกตลอดกัป..(อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/511/178/511/1 78/450/16 |
133 | คฤหัสถ์ทั้งหลาย ย่อมก้าวล่วงสิกขาบทใดๆ สิกขาบทนั้นๆ เท่านั้นย่อมขาด สิกขาบทที่เหลือย่อมไม่ขาด เพราะเขาย่อมสามารถรักษาข้อใด ก็ย่อมรักษาข้อนั้นส่วนสามเณร แม้ก้าวล่วงข้อเดียว ย่อมแตกทั้งหมด ต้องถูกลงโทษ เมื่อทำทัณฑ-กรรมแล้ว ไม่ล่วงละเมิดอีก ศีลย่อมบริบูรณ์ (อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/512/678/512/6 78/451/19 |
134 | เมื่อคฤหัสถ์ตั้งใจ อธิษฐานศีล 5 เอง หรือ นั่งในสำนักแห่งผู้ใด แล้วก็ถือเอาด้วยคำว่า ข้าพเจ้าจะสมาทานศีล 5 ก็ดี , ขอสมาทานโดยแต่ละข้อก็ดี ชื่อว่า ย่อมสมาทาน (อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/512/1778/512/17 78/452/5 |
135 | กุศลธรรมทั้งหลายอันเป็นไปในภูมิ 4 แม้ทั้งหมด ชื่อว่า สิกขา (อ.สิกขาปทวิภังค์) 78/513/378/513/3 78/452/16 |
136 | [๗๗๘-๗๗๙] ความรู้แตกฉานในทุกข์ ในผลของเหตุ ชื่อว่า อัตถปฏิสัมภิทาความรู้แตกฉานในทุกขสมุทัยในเหตุ ชื่อว่า ธัมมปฏิสัมภิทา ความรู้แตกฉานในอันกล่าว ธัมมนิรุตตินั้น ชื่อว่า นิรุตติปฏิสัมภิทา ความรู้แตกฉานในญาณทั้งหลายชื่อว่า ปฏิภาณปฏิสัมภิทา (ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/515/1978/515/19 78/458/19 |
137 | [๗๘๔] ความรู้แตกฉานในธรรมเหล่านี้ คือ กามาวจรกุศลจิต 8 รูปาวจรกุศลจิตอรูปาวจรกุศลจิต โลกุตตรกุศลจิต ชื่อว่า ธัมมปฏิสัมภิทา ความรู้แตกฉานในวิบากแห่งธรรมเหล่านั้น ชื่อว่า อัตถปฏิสัมภิทา (ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/519/1278/519/12 78/471/12 |
138 | [๗๘๖] แจกแจงปฏิสัมภิทา 3 คือ อัตถปฏิสัมภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา ปฏิภาณ-ปฏิสัมภิทา ด้วยอเหตุกกุศลวิบากจิต 8 ด้วยกามาวจรวิบากจิต 8 ด้วยรูปาวจร-วิบากจิต ด้วยอรูปาวจรวิบากจิต ด้วยโลกุตตรวิบาก ด้วยอกุศลวิบากจิต 7.(ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/524/1978/524/19 78/476/12 |
139 | [๗๙๑] ปฏิสัมภิทา 3 เป็นโลกิยะ, อัตถปฏิสัมภิทา เป็นโลกิยะก็มี เป็นโลกุตตระก็มี (ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/539/2078/539/20 78/495/13 |
140 | ญาณอันถึงความรู้แตกฉานในการกล่าวซึ่งนิรุตติธรรม เพื่อสามารถกระทำวิเคราะห์ นิรุตติ (คือภาษาชนิดต่างๆ) ให้แจ่มแจ้งด้วยการพิจารณา ชื่อว่านิรุตติ นิรุตติ-ปฏิสัมภิทา (อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/542/778/542/7 78/462/16 |
141 | อัตถะ ได้แก่ผลของเหตุ ว่าโดยประเภทแล้ว มี 5 คือ สภาวะอย่างใดอย่างหนึ่งอันอาศัยกันเกิดขึ้น เพราะปัจจัย , พระนิพพาน , อรรถแห่งภาษิต , วิบาก , กิริยา.(อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/542/1778/542/17 78/463/5 |
142 | ธัมมะ เมื่อว่าโดยประเภทแล้วมี 5 คือ เหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันยังผลให้เกิดขึ้น ,อริยมรรค , ภาษิต , กุศล , อกุศล (อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/543/978/543/9 78/463/17 |
143 | ภาษามคธเป็นภาษาทั่วไปของสัตว์โลก เป็นโวหารของพรหม เป็นโวหารของพระอริยะ (อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/545/478/545/4 78/465/4 |
144 | การที่บุคคลท่องแล้ว แล้วเรียนเอาซึ่งพระพุทธพจน์ที่ยกขึ้นสู่แบบแผนด้วยภาษาอื่นมีอยู่ แต่ชื่อว่า การบรรลุปฏิสัมภิทาของปุถุชนเพราะเรียนเอาพุทธพจน์นั้น แม้มากย่อมไม่มี. พระอริยสาวกผู้ไม่บรรลุปฏิสัมภิทาหามีไม่ (อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/546/1078/546/10 78/466/8 |
145 | ปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ย่อมเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ด้วยเหตุ 5 คือ ด้วยอธิคม ด้วยปริยัติ ด้วยสวนะ ด้วยปริปุจฉา ด้วยปุพพโยคะ (อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/547/1078/547/10 78/467/3 |
146 | บรรดาปฏิสัมภิทา 4 เหล่านั้น ธัมมะ , นิรุตติ , ปฏิภาณปฏิสัมภิทา เป็นโลกียะ.อัตถปฏิสัมภิทาเป็นโลกิยะก็มี. เป็นโลกุตตระก็มี จริงอยู่ อัตถปฏิสัมภิทานั้นเป็นโลกุตตระด้วยสามารถแห่งญาณในมรรค และผลอันมีพระนิพพานเป็นอารมณ์.(อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/552/578/552/5 78/487/20 |
147 | ในวาระว่าด้วยวิบาก และกิริยา ท่านเว้นธัมมปฏิสัมภิทาเสีย เพราะความที่วิบากและกิริยาทั้งหลาย ท่านสงเคราะห์ ด้วยอัตถปฏิสัมภิทา ในวิบากจิตก็ดี ในกิริยาจิตก็ดี อย่างหนึ่งๆ ท่านจำแนกปฏิสัมภิทาไว้อย่างละ 3 เท่านั้น (อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/552/1678/552/16 78/488/6 |
148 | ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ย่อมรู้ซึ่งกิจของ ปฏิสัมภิทาทั้ง 3 แต่ไม่อาจเพื่อกระทำกิจของปฏิสัมภิทาเหล่านั้นได้ (อ.ปฏิสัมภิทาวิภังค์) 78/554/1078/554/10 78/490/4 |
149 | [๗๙๕] วิญญาณ 5 (จักษุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ) มีวัตถุต่างกัน มีอารมณ์ต่างกัน ย่อมไม่เสวยอารมณ์ของกันและกัน ไม่มีความคิดนึก สักแต่ว่าเป็นที่ตกไปแห่งอารมณ์ บุคคลย่อมไม่รู้แจ้งธรรมอะไรๆ ด้วยวิญญาณ 5.(ญาณวิภังค์) 78/560/1778/560/17 78/501/19 |
150 | [๘๐๐] กำลัง 10 ของพระตถาคต (ญาณวิภังค์) 78/570/278/570/2 78/510/12 |
151 | [๘๐๑] วิญญาณ 5 เป็น นเหตุทั้งนั้น ฯลฯ เป็นอนิยตะทั้งนั้น เป็นอนิยยานิกะทั้งนั้น เป็นธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว พึงรู้ได้ด้วยมโนวิญญาณ เป็นธรรมชาติไม่เที่ยง ถูกชราครอบงำทั้งนั้น. (ญาณวิภังค์) 78/573/778/573/7 78/526/2 |
152 | [๘๐๒] วิญญาณ 5 ไม่เกิด เพราะ ไม่พิจารณา เมื่อพิจารณาอารมณ์ วิญญาณ 5จึงเกิดขึ้น. ไม่เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน (ญาณวิภังค์) 78/575/878/575/8 78/527/23 |
153 | [๘๐๔] จินตามยปัญญา และสุตมยปัญญา เป็นไฉน ? (ญาณวิภังค์) 78/582/1978/582/19 78/534/8 |
154 | [๘๒๒] กัมมัสสกตาญาณ และสัจจานุโลมิกญาณ เป็นไฉน ? (ญาณวิภังค์) 78/588/1178/588/11 78/539/13 |
155 | [๘๓๕] ปัญญาในอภิญญา 6 (ญาณวิภังค์) 78/599/478/599/4 78/549/2 |
156 | [๘๓๙] ญาณรู้ธรรมที่เป็นฐานะโดยความเป็นฐานะ และธรรมที่ไม่ใช่ฐานะโดยความไม่ใช่ฐานะ ตามความเป็นจริงของพระตถาคต เช่น ย่อมทรงทราบว่า ข้อที่หญิงจะพึงเกิดเป็นพระอินทร์ เป็นมาร เป็นมหาพรหม นั้นไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่ปัจจัยไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ ฯลฯ. (ญาณวิภังค์) 78/601/1578/601/15 78/551/13 |
157 | [๘๔๓] สัตว์ทั้งหลายที่อัธยาศัยทราม ย่อมคบเข้าใกล้กับเหล่าสัตว์ที่มีอัธยาศัยทราม (ญาณวิภังค์) 78/608/1078/608/10 78/557/8 |
158 | [๘๔๔] อนุสัย 7 คือ กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉา-นุสัย ภวราคานุสัย อวิชชานุสัย (ญาณวิภังค์) 78/609/1778/609/17 78/558/18 |
159 | [๘๔๕] วิโมกข์ 8 (ญาณวิภังค์) 78/613/1378/613/13 78/562/3 |
160 | [๘๔๕] คำว่า สมาบัติ ได้แก่ อนุปุพพวิหารสมาบัติ 9 คือ ปฐมฌานสมาบัติ ฯลฯ สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ (ญาณวิภังค์) 78/614/1078/614/10 78/562/25 |
161 | ตระกูลแห่งช้างทั้งหลาย 10 ตระกูล (อ.ญาณวิภังค์) 78/620/978/620/9 78/515/17 |
162 | พระโพธิสัตว์ ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า 10 พระองค์ (เชิงอรรถ) 78/621/2078/621/20 78/516/25 |
163 | กำลัง คือ พระญาณของพระตถาคต 77 อย่าง (อ.ญาณวิภังค์) 78/622/278/622/2 78/517/2 |
164 | จักร คือ พระธรรมนั้น มี 2 อย่าง คือ ปฏิเวธญาณ(ญาณในการแทงตลอด) เทสนาญาณ (ญาณในเทศนา) (อ.ญาณวิภังค์) 78/626/778/626/7 78/520/10 |
165 | วิญญาณ 5 นั้น ย่อมไม่เกิดขึ้น ในเพราะอารมณ์และวัตถุที่เป็นอนาคตทั้งหลาย..(อ.ญาณวิภังค์) 78/634/778/634/7 78/567/4 |
166 | ชื่อทั้งหลายของอาวัชชนะมี 4 เท่านั้น คือ ความสนใจ ความคำนึง ประมวลมาซึ่งรูป เป็นต้น. การทำในใจของจิต (อ.ญาณวิภังค์) 78/636/1578/636/15 78/569/12 |
167 | เมื่อบุคคลกำลังหลับสนิท ถึงจะยังไส้เทียนใหญ่ให้ติดไฟแล้วน้อมแสงสว่างนั้นเข้าไปใกล้นัยน์ตาของบุคคลนั้น ปฐมภวังค์ย่อมไม่หมุนไป (ยังไม่เปลี่ยนไป) สู่อาวัชชนะ ความสนใจอันเป็นไปทางจักขุทวารก่อน (อ.ญาณวิภังค์) 78/639/1178/639/11 78/571/18 |
168 | เหตุแห่งการฝัน 4 ประการ คือ ธาตุกำเริบ เคยประสพมา เทวดาดลใจ บุพนิมิต.(อ.ญาณวิภังค์) 78/640/2178/640/21 78/573/2 |
169 | เทวดาโกรธแล้วดลใจให้ฝัน เพื่อความพินาศของมนุษย์ (อ.ญาณวิภังค์) 78/642/378/642/3 78/574/3 |
170 | กุศลธรรมและอกุศลธรรมที่บุคคลทำในขณะฝันเป็นธรรมมีวิบาก แต่กรรมที่ทำในเวลาฝันนั้นไม่อาจให้ปฏิสนธิได้ เพราะความที่วิบากนั้นมีกำลังทราม แต่ครั้นเมื่อปฏิสนธิเป็นไปแล้ว ด้วยกรรมอย่างอื่นให้ผลแล้ว กรรมที่ทำในเวลาฝันย่อมให้ผล.(อ.ญาณวิภังค์) 78/644/378/644/3 78/575/24 |
171 | การกสิกรรม วาณิชกรรม โครักขกรรม เป็นต้น ชื่อว่า การงานชนิดดี.(อ.ญาณวิภังค์) 78/647/1278/647/12 78/579/14 |
172 | พระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมบัญญัติประกาศ ซึ่งปาฏิโมกขสังวรศีลนั้นหาใช่เป็นวิสัยของชนเหล่าอื่นที่จะบัญญัติ อันนี้ เป็นวิสัยแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง-หลายเท่านั้น. (อ.ญาณวิภังค์) 78/654/278/654/2 78/585/9 |
173 | วินิจฉัยอนันตริยกรรม (อ.ญาณวิภังค์) 78/681/578/681/5 78/609/17 |
174 | สังฆเภทเท่านั้น เป็นกรรมตั้งอยู่ตลอดกัป (อ.ญาณวิภังค์) 78/685/578/685/5 78/613/7 |
175 | พระโสดาบันผู้ยินดียิ่งในภพ เช่นกับท้าวสักกะก็ย่อมไปสู่ภพที่ 7 เท่านั้น.(อ.ญาณวิภังค์) 78/688/1378/688/13 78/616/8 |
176 | พุทธเกษตร มี 3 คือ ชาติเกษตร(10,000โลกธาตุ) , อาณาเกษตร(แสนโกฏิจักรวาล), วิสัยเกษตร. (อ.ญาณวิภังค์) 78/689/378/689/3 78/616/20 |
177 | อันตรธาน 3 คือ การสูญหายแห่งการเรียนพระไตรปิฎก การสูญหายแห่งมรรคผลความสูญหายแห่งการปฏิบัติ (อ.ญาณวิภังค์) 78/691/278/691/2 78/618/12 |
178 | วงศ์แห่งสมณะผู้ครองผ้าขาว ไม่อาจเพื่อทรงพระศาสนาไว้ได้ (อ.ญาณวิภังค์) 78/693/278/693/2 78/620/8 |
179 | ธาตุปรินิพพาน (อ.ญาณวิภังค์) 78/693/1778/693/17 78/620/20 |
180 | จักรรัตนะ จะอันตรธานในวันที่ 7 หลังจากการเสด็จสวรรคต หรือ การบรรพชาแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ (อ.ญาณวิภังค์) 78/701/1178/701/11 78/627/8 |
181 | การตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ย่อมสำเร็จด้วยประชุมธรรม 8 ประการ.(อ.ญาณวิภังค์) 78/702/1378/702/13 78/628/7 |
182 | เพศหญิงไม่มีในพรหมโลก (อ.ญาณวิภังค์) 78/704/178/704/1 78/629/10 |
183 | เรื่องพระโสณเถระ ได้นำบิดาของท่านซึ่งเป็นนายพราน มาบวชตอนแก่ ครั้นป่วยใกล้ตายนิมิตแห่งนรกปรากฏ เป็นสุนัขใหญ่ๆ มาแวดล้อม พระเถระจึงจัดให้ท่านบูชาเจดีย์ก่อนตายนิมิตแห่งสวรรค์จึงปรากฏ (อ.ญาณวิภังค์) 78/706/2178/706/21 78/631/20 |
184 | บาปกรรมมีจำนวนมาก ย่อมมีแก่บุคคลบางคน. บาปกรรมนั้น พึงให้ผลแก่ผู้ดำรงอยู่ในคติวิบัติ (อบายภูมิ 4) หรือ ตั้งอยู่ในอุปธิวิบัติ (ความมีอัตภาพเลว) แต่บุคคลนั้นเกิดขึ้น ในคติสมบัติ คือ ในเทพ หรือมนุษย์ หรือ ในอุปธิสมบัติ คือ ความมีรูปร่างดี น่าชม ด้วยกัลยาณกรรมอย่างหนึ่ง วาระของอกุศลย่อมไม่เกิดในฐานะเช่น-นั้น วาระของกุศลโดยส่วนเดียว เท่านั้นย่อมเกิดขึ้น (อ.ญาณวิภังค์) 78/709/878/709/8 78/633/16 |
185 | บาปกรรม อันสมบัติทั้ง 4 คือ คติสมบัติ อุปธิสมบัติ กาลสมบัติ ปโยคสมบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผล แต่ย่อมให้ผลเพราะอาศัยวิบัติ 4 (อ.ญาณวิภังค์) 78/713/778/713/7 78/636/22 |
186 | เรื่องพระเจ้าทีปราช ตาบอดได้ครองราชย์สมบัติ ในเกาะเล็ก (อ.ญาณวิภังค์) 78/715/2078/715/20 78/639/2 |
187 | กัลยาณกรรม อันจะให้ซึ่งผลเพราะอาศัยสมบัติ 4 แต่ย่อมไม่ให้ผล เพราะกัลยาณ-กรรมนั้น อันวิบัติ 4 ห้ามไว้ จึงไม่ให้ผล (อ.ญาณวิภังค์) 78/717/1478/717/14 78/640/14 |
188 | เรื่องพระมหาโสณเถระ ในคราวมีภัยจากพราหมณ์ผู้เป็นโจร ชื่อติสสะ ท้าวสักกะได้กระทำอารักขาแก่ภิกษุสงฆ์ในทะเล เพื่อหนีไปอีกฝั่งทะเล (อ.ญาณวิภังค์) 78/718/2078/718/20 78/641/15 |
189 | เรื่องวัตตัพพกนิโครธเถระ ในกาลภัยแต่โจรชื่อว่า ติสสะ พระเถระยังเป็นสามเณรได้หนีไปกับพระอุปัชฌาย์ผู้เป็นพระอนาคามี ไปสู่ชายแดน อาศัยมนุษย์ผู้มีใบไม้เป็นอาหารอยู่ พระอุปัชฌาย์นั้นถูกมนุษย์จับกินเป็นอาหาร. ส่วนสามเณรรอดชีวิต ได้เป็นพระเถระผู้ทรงพระไตรปิฎก. (อ.ญาณวิภังค์) 78/725/578/725/5 78/647/2 |
190 | เมื่อคนหลายคน ร่วมกันฆ่าหมูตัวหนึ่ง กรรมของบุคคลเหล่านั้น ย่อมแตกต่างกันเพราะความพยายาม ความพอใจต่างกัน (อ.ญาณวิภังค์) 78/734/978/734/9 78/655/7 |
191 | นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตผู้ถูกความอยากเผาผลาญ , ขุปปิปาสิกเปรต คือ เปรตผู้หิวกระหาย , ปรทัตตูปชีวีเปรต คือ เปรตผู้อาศัยทานของผู้อื่นเลี้ยงชีวิต..(อ.ญาณวิภังค์) 78/735/478/735/4 78/655/24 |
192 | ถ้าว่าพระอาจารย์ และอุปัชฌาย์ไม่มีศีล ลูกศิษย์มีศีล ลูกศิษย์เหล่านั้นย่อมไม่เข้าไปใกล้แม้ในอาจารย์และอุปัชฌาย์ของตน (อ.ญาณวิภังค์) 78/739/578/739/5 78/659/12 |
193 | ผู้เจริญฌาน 4 จำพวก (อ.ญาณวิภังค์) 78/748/578/748/5 78/668/5 |
194 | ทศพลญาณย่อมรู้ซึ่งกิจของตนๆ เท่านั้น ส่วนสัพพัญญุตญาณ ย่อมรู้แม้ซึ่งกิจอันทศพลญาณรู้แล้ว และย่อมรู้ซึ่งกิจอื่นนอกจากทศพลญาณรู้แล้วนั้นด้วย..(อ.ญาณวิภังค์) 78/752/178/752/1 78/671/19 |
195 | [๘๔๙] ความมัวเมาในชาติ ความมัวเมาในโคตร ความมัวเมาในความไม่มีโรคฯลฯ ความคิดเกี่ยวด้วยความไม่มีใครดูหมิ่น (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/754/378/754/3 78/674/3 |
196 | [๘๖๒-๘๖๓] ความมัวเมา , ความประมาท เป็นไฉน ? (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/763/178/763/1 78/682/12 |
197 | [๘๖๘] ความปรารถนาลามก ได้แก่ คนบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ย่อมปรารถนาขอชนจงรู้เราว่า เป็นผู้มีศรัทธา เป็นผู้ทุศีล ย่อมปรารถนาว่า ขอชนจงรู้เราว่าเป็นผู้มีศีล (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/764/678/764/6 78/683/19 |
198 | [๘๖๙] การพูดเสียดแทง สภาพที่พูดเสียดแทง การพูดเป็นสี่เหลี่ยมสีคม กิริยาที่พูดเป็นสี่เหลี่ยมสีคม การพูดมีเหลี่ยมมีคู สภาพที่พูดมีเหลี่ยมมีคู อันใดนี้เรียกว่า การพูดเสียดแทง (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/764/1978/764/19 78/684/7 |
199 | [๘๗๘] การหลอกลวง ได้แก่ การหลอกลวงเกี่ยวด้วยการเสพปัจจัย การหลอกลวงด้วยการพูดเลียบเคียง หรือการดำรงอิริยาบถ เป็นต้น (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/766/1478/766/14 78/685/20 |
200 | [๘๘๒] การแลกเปลี่ยนลาภด้วยลาภ คือ ภิกษุผู้มุ่งลาภสักการะและชื่อเสียงผู้มีความปรารถนาลามก ถูกความอยากครอบงำ นำอามิสที่ได้จากข้างนี้ไปให้ข้างโน้น นำอามิสที่ได้จากข้างโน้นมาให้ข้างนี้ การปรารถนา การเสาะหา การแสวงหา กิริยาที่เที่ยวหา กิริยาที่แสวงหา ซึ่งอามิสด้วยอามิส อันใดมีลักษณะเช่นว่านี้ เรียกว่า การแลกเปลี่ยนลาภด้วยลาภ. (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/767/1678/767/16 78/686/21 |
201 | [๘๙๙] ความสำคัญว่าได้บรรลุธรรมวิเศษ เป็นไฉน ? (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/773/878/773/8 78/691/24 |
202 | [๙๐๕] ความคิดเกี่ยวด้วยความเอ็นดูผู้อื่น เป็นไฉน ? (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/774/1878/774/18 78/693/6 |
203 | [๙๒๔] ความล่วงละเมิดทางกาย ความล่วงละเมิดทางวาจา ความล่วงละเมิดทั้งทางกาย และทางวาจา นี้เรียกว่า ความวิบัติแห่งศีล. ความทุศีลแม้ทั้งหมดก็เรียกว่า ความวิบัติแห่งศีล. (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/782/2078/782/20 78/700/5 |
204 | [๙๓๒] สัญโยชน์ 3 คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/789/878/789/8 78/705/25 |
205 | [๙๔๙] อัตตานุทิฏฐิ คือ ความตามเห็นว่ามีอัตตาตัวตน (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/796/478/796/4 78/711/26 |
206 | [๙๕๑] นานัตตสัญญา คือ สัญญาต่างๆ ได้แก่ สัญญาที่เกี่ยวด้วยกาม สัญญาที่เกี่ยวด้วยพยาบาท สัญญาที่เกี่ยวด้วยความเบียดเบียน นี้เรียกว่า นานัตต-สัญญา. อกุศลสัญญาแม้ทั้งหมด ก็เรียกว่า นานัตตสัญญา (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/798/578/798/5 78/713/18 |
207 | [๙๕๗] อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ได้แก่ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ความไม่สงบแห่งจิตความกวัดแกว่งแห่งจิต ความพล่านแห่งจิต อันใด นี้เรียกว่า อุทธัจจะ.(ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/802/578/802/5 78/717/6 |
208 | [๙๖๒-๙๖๓] คันถะ 4 , โอฆะ 4 , โยคะ 4 , อุปาทาน 4 เป็นไฉน ? (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/806/178/806/1 78/720/19 |
209 | [๙๖๗-๙๖๘] อนริยโวหาร 4 ได้แก่ เมื่อไม่เห็น พูดว่าเห็น , เมื่อเห็นพูดว่าไม่เห็นเป็นต้น. (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/809/678/809/6 78/723/18 |
210 | [๙๗๖-๙๗๗] สัญโยชน์เบื้องต่ำ 5 , สัญโยชน์เบื้องบน 5 (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/810/1878/810/18 78/724/21 |
211 | [๙๘๑] เจโตขีละ ตะปูตรึงใจ 5 ประการ (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/812/1778/812/17 78/726/11 |
212 | [๙๘๒] เจโตวินิพันธะ เครื่องผูกพันใจ 5 ประการ (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/813/578/813/5 78/726/24 |
213 | [๙๙๐] ทิฏฐธัมมนิพพานวาทะ (วาทะว่านิพพานปัจจุบัน) 5 ประการ.(ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/817/478/817/4 78/730/8 |
214 | [๑๐๑๓] กุสีตวัตถุ (วัตถุแห่งความเกียจคร้าน) 8 ประการ (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/828/878/828/8 78/740/8 |
215 | [๑๐๑๗] ปุริสโทษ 8 ประการ ของภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัติ (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/831/1778/831/17 78/743/7 |
216 | [๑๐๒๐] อาฆาตวัตถุ 9 ประการ (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/835/678/835/6 78/746/12 |
217 | [๑๐๒๒] มานะ 9 (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/836/1878/836/18 78/747/22 |
218 | [๑๐๒๙] สัญโยชน์ 10 ประการ (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/841/178/841/1 78/751/14 |
219 | [๑๐๓๒] อันตคาหิกทิฏฐิวัตถุ 10 ประการ (ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/842/2078/842/20 78/753/3 |
220 | การเรียนพระพุทธพจน์นั้น ไม่ควรด้วยสามารถแห่งความแข่งดี เพราะเป็นฝักฝ่ายอกุศล เป็นทางยังสัตว์ให้ถึงนรก (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/869/1778/869/17 78/775/20 |
221 | เรื่องบุตรเศรษฐีผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/872/1478/872/14 78/778/1 |
222 | สิ่งทั้ง 3 เหล่านี้ คือ กองไฟ มหาสมุทร บุคคลผู้มักมาก เมื่อใครๆ ให้ปัจจัยทั้ง-หลายแม้มาก ก็ไม่พึงให้อิ่มให้เต็มได้ (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/876/1178/876/11 78/780/18 |
223 | อธิบาย ความปรารถนาลามกของภิกษุ. (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/878/378/878/3 78/782/3 |
224 | ภิกษุผู้ตำหนิการเรียนปริยัติ ชื่อว่า ย่อมทำลายพระศาสนาดุจมหาโจร.(อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/881/978/881/9 78/784/23 |
225 | พระอรหันต์ตุ่มน้ำ พระอรหันต์ย่านไทร (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/882/278/882/2 78/785/12 |
226 | ความประพฤติไม่คล้อยตามพระพุทธพจน์ ชื่อว่า ความประพฤติไม่สมควร.วิถีแห่งความสุขโดยการกระทำให้ขัดแย้งอันเป็นข้าศึกต่างๆ ชื่อว่า ความประพฤติขัดขืน. (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/885/2178/885/21 78/789/7 |
227 | วัตถุแห่งความหลอกลวง 3 อย่าง คือ ภิกษุผู้หลอกลวงโดยมุ่งเสพปัจจัย ด้วยการพูดเลียบเคียง ด้วยการอาศัยซึ่งอิริยาบถ (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/889/978/889/9 78/792/15 |
228 | อธิบาย การพูดประจบ (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/893/2178/893/21 78/796/17 |
229 | อธิบาย การแสดงนิมิต และโอภาส เพื่อประโยชน์แก่ปัจจัย (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/896/378/896/3 78/798/22 |
230 | มานะอันเกิดขึ้นตามความเป็นจริง เป็นธรรมอันพระอรหัตมรรคพึงฆ่า มานะอันไม่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง เป็นธรรมอันโสดาปัตติมรรคพึงฆ่า (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/903/1678/903/16 78/805/21 |
231 | ความสำคัญตนว่าได้บรรลุธรรมวิเศษ ย่อมเกิดแก่ใคร ? (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/905/1078/905/10 78/807/18 |
232 | เรื่องพระมหานาคเถระ พรรษา 60 สำคัญว่าได้บรรลุ พระธัมมทินนะผู้เป็นลูก-ศิษย์ได้ไปแก้ไขให้ โดยให้พระเถระเนรมิตช้างวิ่งเข้าใส่ตนเอง แล้วบอกกรรมฐานให้ พระเถระจงกรม 3 ก้าวก็บรรลุอรหันต์ ได้ยินว่า พระเถระนี้เดิมท่านเป็นผู้มีโทสจริต.(อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/907/278/907/2 78/808/19 |
233 | การงานลามก ศิลปะอันลามก ปฏิภาณอันลามก (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/909/378/909/3 78/810/11 |
234 | สัตว์ทั้งหลายย่อมอาศัย อยู่ในกามภพสิ้นกาลเล็กน้อย เพียง ? กัป อีก ? กัปอยู่ในรูปภพ และอรูปภพ. สัตว์จึงมีความอาลัย ปรารถนาในกามภพ เพราะมีการจุติและปฏิสนธิมาก. (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/918/878/918/8 78/819/13 |
235 | ในกาลที่ออกแล้วจากสมาบัติ ยินดีซึ่งองค์ฌานจงกรมอยู่ อกุศลกายกรรมย่อมเกิด เมื่อยินดีเพราะเปล่งวาจาว่า สุขจริงๆ อกุศลวจีกรรมย่อมเกิด อกุศลกรรมเหล่านั้น ย่อมเกิดแก่บุคคลผู้ไปตามทิฏฐิแม้ทั้งหมดด้วยอำนาจอันตัคคาหิกทิฏฐิ(ความเห็นที่ยึดเอาที่สุด 10 อย่าง) เท่านั้น (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/921/478/921/4 78/821/18 |
236 | อาพาธ 8 อย่าง (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/925/1678/925/16 78/825/21 |
237 | ภิกษุณีสาวรูปหนึ่ง ยืนดูรูปของผู้รักษาประตูอยู่ เกิดราคะขึ้นภายใน เธอถูกไฟ-ราคะเผาไหม้ยืนตายอยู่ที่นั้นเอง (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/928/478/928/4 78/827/20 |
238 | ความหมายของอาวัชชนจิต เพราะยังภวังคจิตให้เปลี่ยนหมุนไป , ย่อมคำนึงถึงอารมณ์ , ย่อมประมวลซึ่งอารมณ์อื่นนอกจาก อารมณ์ของภวังค์ , เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำตนให้ผูกพันแล้วๆ ซึ่งอารมณ์ (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/932/1978/932/19 78/833/6 |
239 | โทษแห่งความไม่อดทน 5 ประการ คือ ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจ , มีเวรมาก ,มีโทษมาก , ตายโดยความหลงลืมสติ , ตายแล้วเข้าถึงอบายภูมิ 4 ภูมิใดภูมิหนึ่ง.(อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/944/178/944/1 78/844/16 |
240 | ภิกษุใด ไม่ได้รับการเชื้อเชิญจากภิกษุเถระให้แสดงธรรม ย่อมแสดงธรรม ย่อมแก้ปัญหา ย่อมเดิน ยืน นั่ง กระทบกระทั่งภิกษุผู้แก่กว่า ภิกษุนี้ ชื่อว่า ไม่เคารพในสงฆ์ (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/947/2178/947/21 78/848/10 |
241 | อนุสัย คือ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/952/578/952/5 78/852/12 |
242 | สัตว์โลกทั้งหลาย ชื่อว่า พ้นจากโลกธรรมย่อมไม่มีเลย โลกธรรม ย่อมมีแม้แก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย (อ.ขุททกวัตถุวิภังค์) 78/955/378/955/3 78/856/5 |
243 | [๑๐๘๐] เหตุ 9 คือ กุศลเหตุ 3 อกุศลเหตุ 3 อัพยากตเหตุ 3 (ธัมมหทยวิภังค์) 78/970/1478/970/14 78/871/9 |
244 | [๑๐๘๒] ผัสสะ 7 คือ จักขุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหาสัมผัส กายสัมผัสมโนธาตุสัมผัส มโนวิญญาณธาตุสัมผัส (ธัมมหทยวิภังค์) 78/971/778/971/7 78/872/1 |
245 | [๑๐๘๗] ในกามธาตุ มีขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 สัจจะ 3 อินทรีย์ 22 เหตุ 9 อาหาร 4 ผัสสะ 7 เวทนา 7 สัญญา 7 เจตนา 7 จิต 7 (ธัมมหทยวิภังค์) 78/972/1278/972/12 78/873/3 |
246 | [๑๐๘๘] ในรูปธาตุ มีขันธ์ 5 อายตนะ 6 ธาตุ 9 สัจจะ 3 อินทรีย์ 14 เหตุ 8อาหาร 3 ผัสสะ 4 เวทนา 4 สัญญา 4 เจตนา 4 จิต 4 (ธัมมหทยวิภังค์) 78/974/278/974/2 78/874/11 |
247 | [๑๐๘๙] ในอรูปธาตุ มีขันธ์ 4 อายตนะ 2 ธาตุ 2 สัจจะ 3 อินทรีย์ 11 เหตุ 8อาหาร 3 ผัสสะ 1 เวทนา 1 สัญญา 1 เจตนา 1 จิต 1 (ธัมมหทยวิภังค์) 78/976/278/976/2 78/876/5 |
248 | [๑๐๙๐] ในโลกุตตระ มีขันธ์ 4 อายตนะ 2 ธาตุ 2 สัจจะ 2 อินทรีย์ 12 เหตุ 6อาหาร 3 ผัสสะ 1 เวทนา 1 สัญญา 1 เจตนา 1 จิต 1 (ธัมมหทยวิภังค์) 78/977/978/977/9 78/877/11 |
249 | [๑๐๙๕] ในกามธาตุ ในขณะที่เกิดขันธ์ 5 ย่อมปรากฏแก่สัตว์ทุกจำพวก..(ธัมมหทยวิภังค์) 78/982/1678/982/16 78/883/5 |
250 | [๑๐๙๖] ในกามธาตุ ในขณะที่เกิด อายตนะ 11 ย่อม ปรากฏแก่กามาวจรเทวดามนุษย์สมัยปฐมกัป เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน สัตว์นรก ที่เป็นอุปปาติกสัตว์ซึ่งมีอายตนะบริบูรณ์ (ธัมมหทยวิภังค์) 78/984/578/984/5 78/884/13 |
251 | [๑๐๙๖] ในกามธาตุ ในขณะที่เกิด อินทรีย์ 4 คือ กายินทรีย์ มนินทรีย์ ชีวิตินทรีย์อุเปกขินทรีย์ ย่อมเกิดปรากฏแก่สัตว์เกิดในครรภ์ ผู้เป็นอเหตุกนปุงสกสัตว์.(ธัมมหทยวิภังค์) 78/991/778/991/7 78/890/15 |
252 | [๑๐๙๖] ในกามธาตุ ในขณะที่เกิด เหตุ 3 คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ที่เป็นวิบากเหตุ ย่อมเกิดปรากฏแก่กามาวจรเทวดา มนุษย์สมัยปฐมกัป สัตว์ที่เกิดในครรภ์ผู้เป็นสเหตุกญาณสัมปยุต ส่วนเหตุ 2 คืออโลภะอโทสะที่เป็นวิบากเหตุ ย่อมมีแก่ผู้เป็นสเหตุกญาณวิปปยุต อเหตุกวิบาก ย่อมเกิดปรากฏแก่สัตว์นอกนี้. (ธัมมหทยวิภังค์) 78/991/1378/991/13 78/890/21 |
253 | [๑๐๙๙] ในขณะที่เกิด ขันธ์ 1 คือ รูปขันธ์ ย่อมเกิดปรากฏแก่เหล่าเทวดาอสัญญสัตว์ ไม่มีเหตุ ไม่มีอาหาร ไม่มีผัสสะ ไม่มีเวทนา ไม่มีสัญญา ไม่มีเจตนา ไม่มีจิต (ธัมมหทยวิภังค์) 78/994/1678/994/16 78/893/10 |
254 | [๑๑๐๑] ในอรูปธาตุ ในขณะที่เกิด สัจจะ 1 คือ ทุกขสัจจะ ย่อมเกิดปรากฏ.(ธัมมหทยวิภังค์) 78/996/178/996/1 78/894/12 |
255 | [๑๑๐๖] ประมาณแห่งอายุของเทวดา เทียบกับมนุษย์ (ธัมมหทยวิภังค์) 78/1000/178/1000/1 78/898/1 |
256 | [๑๑๐๗] ประมาณแห่งอายุของรูปพรหม และอรูปพรหม (ธัมมหทยวิภังค์)ง 78/1002/178/1002/1 78/900/1 |
257 | คหบดีมหาศาล มีทรัพย์ต่ำสุด 40 โกฏิ , พราหมณ์มหาศาล มีทรัพย์ต้นทุนอย่างต่ำสุด 80 โกฏิ, กษัตริย์มหาศาล มีพระราชทรัพย์คงพระคลังอย่างต่ำสุด 100 โกฏิ. (อ.ธัมมหทยวิภังค์) 78/1032/478/1032/4 78/927/10 |
258 | ความหมายของเทวโลกทั้ง 6 ชั้น (อ.ธัมมหทยวิภังค์) 78/1033/178/1033/1 78/927/21 |
259 | พรหมปาริสัชชา เป็นพรหมผู้แวดล้อม เป็นบริวารผู้บำเรอมหาพรหม 78/1034/678/1034/6 78/928/23 |
260 | สมณะพราหมณ์บางพวก เห็นโทษในจิตจึงยังสัญญาวิราคะ ให้เกิด มนสิการว่าความเป็นผู้ไม่มีจิตเป็นสิ่งที่พอใจ แล้วเจริญสมาบัติ จึงเกิดในภพที่ไม่มีสัญญานั้นมีรูปขันธ์อย่างเดียว ในอสัญญสัตตพรหม พรหมเหล่านั้น เมื่อยืนเกิด ก็ย่อมยืนอยู่นั่นแหละ ตลอด 500 กัป (อ.ธัมมหทยวิภังค์) 78/1035/2078/1035/20 78/930/12 |
261 | ความหมายของสุทธาวาส ทั้ง 5 ชั้น (อ.ธัมมหทยวิภังค์) 78/1036/1178/1036/11 78/930/26 |
262 | ภุมมเทวดา มีอายุหนึ่งกัปก็มี 7 วันก็มี เมื่อบรรลุพระอรหัตแล้ว ย่อมดำรงอยู่ตลอดชีวิตส่วน มนุษย์ผู้เป็นคฤหัสถ์ เมื่อบรรลุพระอรหัต ย่อมปรินิพพาน หรือว่าย่อมบวช (อ.ธัมมหทยวิภังค์) 78/1037/578/1037/5 78/931/16 |
263 | พระอนาคามี ในเวหัปผลา อกนิฏฐา เนวสัญญานาสัญญายตนะ ชื่อว่า ภพอันประเสริฐที่สุด ย่อมไม่ไปสู่ภพเบื้องบน ไม่ลงมาสู่ภพเบื้องต่ำ ย่อมปรินิพพานในภพนั้นๆ (อ.ธัมมหทยวิภังค์) 78/1038/2078/1038/20 78/933/1 |