1 | [๑] ท่านถือหาบเข้าไปกลางป่า ได้เห็นพระสุเมธพุทธเจ้านั่งขัดสมาธิอยู่ จึงกวาดและปักไม้ 4 อัน ทำเป็นมณฑปมุงด้วยดอกรัง แด่พระองค์ตลอด 7 วัน ด้วยกรรมนั้น จึงได้รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก 1,800 กัป (ภัททาลิเถราปทาน) 72/1/972/1/9 72/1/9 |
2 | [๒] ท่านเป็นฤๅษีสร้างอาศรมอยู่ใกล้แม่น้ำจันทภาคา แวดล้อมด้วยเหล่าฤๅษีผู้เป็นศิษย์ล้วนมีอภิญญา เมื่อพระอัตถทัสสีพุทธเจ้าอุบัติแล้ว ท่านจึงเดินทางไปเข้าเฝ้า และได้ยืนกั้นฉัตรถวายพระศาสดา ซึ่งกำลังแสดงธรรมอยู่วันหนึ่ง พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า เมื่อผู้นี้เกิดในเทวดาหรือมนุษย์ ชนทั้งหลายจักคอยกั้นเศวตฉัตรให้ทุกเมื่อ และจะได้เป็นทายาทในธรรมของพระพุทธเจ้าในกัปที่ 1,800 กัป ในอนาคต (เอกฉัตติยเถราปทาน) 72/6/372/6/3 72/5/9 |
3 | [๓] ในกัปที่ 92 ท่านได้พิจารณาถึง ความเกิด ความแก่ ความตาย ผู้เดียว ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต สร้างอาศรมอยู่ฝั่งแม่น้ำคงคา วันหนึ่งขณะตามหามฤคราชอยู่ได้พบพระติสสพุทธเจ้า แล้วมีจิตร่าเริงกล่าวสดุดีพระพุทธเจ้า แล้วบูชาด้วยดอกมะลิซ้อน ด้วยกรรมนั้น ท่านปรารถนาสิ่งใดๆ สิ่งนั้นๆ จักปรากฏ สุดท้ายท่านนั่งบนอาสนะเดียว บรรลุอรหัตได้ (ติณสูลกฉาทนิยเถราปทาน) 72/12/1672/12/16 72/11/3 |
4 | [๔] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นคนฆ่าหมู ได้ต้มเนื้อไต และเนื้อปอดแล้วแช่ใส่ลงในเนื้อที่ผสมน้ำผึ้ง แล้วใส่เต็มบาตรใบหนึ่ง ถวายแด่ภิกษุสงฆ์ ด้วยคิดว่าจะได้สุขอันไพบูลย์ ท่านยังจิตให้เลื่อมใสในทานนั้น แล้วได้ไปเกิดดาวดึงสพิภพ.(มธุมังสทายกเถราปทาน) 72/16/1272/16/12 72/14/6 |
5 | [๕] ในกัปที่ 91 ท่านได้ถือเอากิ่งไม้กากะทิงไปปักไว้ข้างหน้าพระพุทธเจ้า แล้วถวายถวายอภิวาทด้วยจิตเลื่อมใสโสมนัส ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(นาคปัลลวกเถราปทาน) 72/18/1372/18/13 72/16/5 |
6 | [๖] ในกัปที่ 94 เมื่อพระสิทธัตถพุทธเจ้า ปรินิพพานแล้ว ชนทั้งปวงได้ยกพระองค์ขึ้นบนเชิงตะกอน ท่านได้ตามประทีปไว้ไม่ไกลเชิงตะกอน จนพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อละร่างมนุษย์แล้วได้ไปสู่ดาวดึงสพิภพ , ในกาลนี้มีอายุ 4 ขวบแต่กำเนิดก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ได้บรรลุพระอรหันต์แต่ยังไม่ทันได้ถึงกึ่งเดือน .(เอกทีปิยเถราปทาน) 72/19/872/19/8 72/17/3 |
7 | [๗] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นช่างดอกไม้ได้ห่อดอกไม้เต็มพกแล้วไปยังตลาด ครั้นเห็นพระวิปัสสีพุทธเจ้าอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้วเสด็จออกไปด้วยอานุภาพใหญ่ ท่านจึงหยิบดอกไม้ออกมาบูชาพระพุทธเจ้า ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(อุจฉังคปุปผิยเถราปทาน) 72/21/1172/21/11 72/19/3 |
8 | [๘] เมื่อน้ำเต็มแม่น้ำ พระไปบิณฑบาตไม่ได้ ท่านได้ต้มข้าวยาคู เพราะคิดถึงกรรมนี้ จึงได้ไปเกิดชั้นดาวดึงส์ , ในกาลนี้ ขณะโกนผม ท่านพิจารณาร่างกายโดยความสิ้นไป เสื่อมไป ก็ได้บรรลุพระอรหัตก่อนให้สิกขาบท (ยาคุทายกเถราปทาน) 72/22/1172/22/11 72/20/3 |
9 | [๘] อานิสงส์จากการถวายข้าวยาคูแก่สงฆ์ คือ เป็นผู้ไม่มีพยาธิ เป็นผู้มีรูปสวยเป็นผู้ได้ตรัสรู้ธรรมได้เร็วพลัน เป็นผู้ได้ข้าวและน้ำ อายุยืน.(ยาคุทายกเถราปทาน) 72/24/172/24/1 72/21/8 |
10 | [๙] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นคนชอบเที่ยวในป่า ประกอบการงานในป่าเสมอ ได้เห็นพระสยัมภูสัมพุทธเจ้า เสด็จเพื่อบิณฑบาต จึงได้ถวายข้าวสุกแห่งข้าวสาลีแล่งหนึ่ง เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และความตั้งเจตนาไว้ เมื่อละร่างมนุษย์แล้วได้ไปเกิดอยู่ดาวดึงส์ (ปัตโถทนทายกเถราปทาน) 72/25/372/25/3 72/22/12 |
11 | [๑๐] ในกัปที่ 94 เมื่อพระสิทธัตถพุทธเจ้า ปรินิพพานแล้ว เมื่อปาพจน์มีความแพร่หลายอันเทวดา และมนุษย์สักการะแล้ว ท่านเป็นคนจัณฑาล มีความเลื่อมใสทำเก้าอี้ยาวถวายแก่ภิกษุสงฆ์ ด้วยกรรมนั้น เมื่อละร่างมนุษย์แล้วได้ไปเกิดอยู่ดาวดึงส์(มัญจทายกเถราปทาน) 72/27/372/27/3 72/24/8 |
12 | [๑๑] ในกัปที่ 91 ท่านได้กวาดลานไม้แคฝอย อันเป็นไม้โพธิ์ของพระวิปัสสีพุทธเจ้ายังจิตให้เลื่อมใส นมัสการไม้โพธิ์ ขณะเดินนึกถึงไม้โพธิ์ ไปตามทาง ถูกงูเหลือมกินได้ไปเกิดอยู่ในเทวโลก ด้วยผลแห่งการกวาดท่านไม่มีโรคเรื้อน ฝี โรคกลากลมบ้าหมู คุดทะราด หิดเปื่อย หิดด้าน (สกิงสัมมัชชกเถราปทาน) 72/30/472/30/4 72/27/4 |
13 | [๑๒] ท่านเป็นคนเกี่ยวหญ้าขายอยู่ในนครหังสวดี ไม่มีไทยธรรมอื่น นอกจากผ้าสาฎกผืนเดียว จึงยังจิตให้เลื่อมใส นำผ้าไปถวายพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ประกาศเสียงก้องว่า ถ้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า ก็ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้ข้ามด้วยเถิด ด้วยการถวายผ้าผืนหนึ่งนี้ และด้วยการตั้งเจตนาไว้ จะไม่ไปสู่วินิบาตเลยตลอดแสนกัป (เอกทุสสทายกเถราปทาน) 72/32/372/32/3 72/29/3 |
14 | [๑๓] ท่านชื่อว่า นารทะ คนทั้งหลายเรียกว่า กัสสปะ แสวงหาทางบริสุทธิ์อยู่ที่ภูเขากสิกะ ครั้นเห็นพระปทุมุตตรพุทธเจ้า เสด็จมาทางอาศรม จึงตบแต่งเตียงไม้แล้วปูลาดหนังสัตว์ ประคองอัญชลีเหนือเศียรเกล้า ขอเชิญพระองค์ประทับนั่ง พระองค์ประทับอยู่ครู่หนึ่ง เพราะอาสนทานนี้ และการตั้งเจตนาไว้ ท่านจะไม่ไปสู่วินิบาตตลอดแสนกัป (เอกาสนทายกเถราปทาน) 72/34/1972/34/19 72/31/13 |
15 | [๑๔] ในกัปที่ 94 ท่านได้หยิบดอกกระทุ่ม 7 ดอก มาบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า 7 พระองค์ ด้วยกรรมนั้น และความตั้งเจตนาไว้ เมื่อละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปเกิดอยู่ดาวดึงส์ (สัตตกทัมพปุปผิยเถราปทาน) 72/38/372/38/3 72/34/11 |
16 | [๑๕] ในกัปที่ 92 ท่านกับบิดาและปู่ เลี้ยงชีพด้วยการฆ่าปศุสัตว์ กุศลกรรมไม่มีพระติสสพุทธเจ้าทรงแสดงรอยพระบาทไว้ 3 รอย ใกล้กับที่อยู่ของท่านเพื่ออนุเคราะห์ ท่านเห็นแล้วได้เก็บดอกหงอนไก่ มาบูชารอยพระบาทด้วยกรรมนั้นเพราะความตั้งเจตนาไว้ ได้ไปเกิดอยู่ดาวดึงส์ ไม่รู้จักทุคติเลย.(โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน) 72/39/372/39/3 72/35/13 |
17 | [๑๖] ในกัปที่ 94 ท่านได้ถวายขี้ตะกอนเปรียง แด่พระพุทธเจ้า ซึ่งประชวรด้วยโรคลมอยู่ในป่า ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ฆฏมัณฑทายกเถราปทาน) 72/40/872/40/8 72/37/3 |
18 | [๑๗] ท่านเป็นชฏิลมีตบะใหญ่เหาะไปในอากาศ แต่ไม่สามารถจะเหาะไปเหนือบริเวณที่พระปทุมุตตรพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ได้ จึงลงมาฟังธรรม ได้เรียนเอาอนิจจสัญญาไว้ ตราบเท่าสิ้นอายุตายไปแล้วรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก 30,000 กัปในกาลนี้ เมื่อมีอายุ 7 ปี ได้ยินภิกษุแสดงอนิจจลักษณะแก่บิดาของท่าน จึงระลึกถึงสัญญาเดิมได้ นั่งบนอาสนะเดียว บรรลุอรหัตแล้ว พระพุทธเจ้าทรงให้ท่านอุปสมบท (เอกธัมมสวนิยเถราปทาน) 72/41/1772/41/17 72/38/11 |
19 | [๑๘] อานิสงส์ของการถวายข้าวใหม่ในหมู่สงฆ์ 8 ประการ (สุจินติตเถราปทาน) 72/47/1572/47/15 72/43/24 |
20 | [๑๙] ท่านได้ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา นุ่งห่มผ้าเปลือกไม้กรอง บำเพ็ญตบะอยู่ เมื่อพระอัตถทัสสีพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ท่านสิ้นกำลังเพราะป่วยหนัก จึงนึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ก่อพระสถูปที่หาดทราย บูชาด้วยดอกกะดึงทอง ด้วยใจเลื่อมใส ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (โสณณกิงกณิยเถราปทาน) 72/48/1672/48/16 72/45/3 |
21 | [๒๐] ท่านเอากระโหลกน้ำเต้าตักน้ำเข้าไปล้างเท้า พระปทุมุตตรพุทธเจ้าแล้วถวายกระโหลกน้ำเต้า พระองค์สั่งให้ท่านไปตักน้ำมาวางไว้ใกล้เท้าพระองค์ แล้วทรงอนุโมทนาว่า ด้วยการถวายน้ำเต้านี้ ขอความดำริของท่านจงสำเร็จ.(โสวัณณโกนตริกเถราปทาน) 72/50/1672/50/16 72/47/3 |
22 | [๒๑] ท่านได้ฟังธรรมของพระกัสสปพุทธเจ้า แล้วออกบวช เมื่อคิดถึงคำสอนของพระชินเจ้า ถูกความเกี่ยวข้องบีบคั้นจึงได้อยู่ในป่าที่น่ารื่นรมย์แต่ผู้เดียวเท่านั้นการที่ท่านมีกายหลีกออกมาได้ เป็นเหตุแห่งการหลีกออกแห่งใจของผู้เห็นภัยในความเกี่ยวข้อง (เอกวิหาริยเถราปทาน) 72/53/472/53/4 72/50/4 |
23 | [๒๒] ในกัปที่ 91 เมื่อมหาชนประชุมกันบูชา มหาโพธิ์ของพระวิปัสสีพุทธเจ้า ท่านถือเอาสังข์มาบำรุงโพธิพฤกษ์ และได้เป่าสังข์ตลอดวันยังค่ำ ไหว้มหาโพธิ์แล้วเพราะกรรมที่ได้ทำเวลาก่อนจะตายส่งให้ท่านไปเทวโลก (เอกสังขิยเถราปทาน) 72/55/372/55/3 72/52/3 |
24 | [๒๓] เมื่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า กับภิกษุสงฆ์แสนรูปเสด็จเข้าเมือง พิณไม่มีใครดีด ก็บรรเลงขึ้นเอง ท่านได้นมัสการพระพุทธเจ้าและเห็นปาฏิหาริย์ ยังจิตให้เลื่อมใสในปาฏิหาริย์นั้นด้วยสัญญานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย. (ปาฏิหิรสัญญกเถราปทาน) 72/56/1772/56/17 72/54/3 |
25 | [๒๔] ท่านได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่าสัตว์ แล้วจึงทำหนังเสือเฉวียงบ่า กล่าวสดุดีพระองค์ด้วยการสดุดีนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ญาณัตถวิกเถราปทาน) 72/58/372/58/3 72/55/14 |
26 | [๒๕] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นคนเฝ้าประตูได้ถวายอ้อย แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า ด้วยการถวายอ้อยนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อุจฉุขัณฑิกเถราปทาน) 72/59/872/59/8 72/57/3 |
27 | [๒๖] ในกัปที่ 94 ท่านได้ถวายมันอ่อน(ผักบุ้ง)แด่พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โรมสะ ด้วยมือของตนเอง ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (กลัมพทายกเถราปทาน) 72/60/372/60/3 72/58/3 |
28 | [๒๗] ในกัปที่ 31 ท่านได้เห็นพระสยัมภูพุทธเจ้า ในป่าใหญ่ จึงเอาผลมะกอก ถวายแด่พระสยัมภูด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(อัมพาฏกทายกเถราปทาน) 72/60/1672/60/16 72/59/3 |
29 | [๒๘] ในกัปที่ 94 ท่านได้เอาผลสมอทำเภสัชถวายแด่พระมหามุนี ผู้ถูกอาพาธเบียดเบียน ความป่วยไข้จึงไม่เกิดกับท่านเลย (หรีตกิทายกเถราปทาน) 72/61/872/61/8 72/60/3 |
30 | [๒๙] ในกัปที่ 94 ท่านเป็นพญาช้าง ได้ถวายมะม่วงแด่พระสิทธัตถพุทธเจ้าพระองค์ทรงเสวย ณ ที่นั้นด้วยความเลื่อมใสในพระชินเจ้า ท่านจึงเข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต.(อัมพปิณฑิยเถราปทาน) 72/63/372/63/3 72/62/3 |
31 | [๓๐] ท่านได้ถวายผลหว้าอย่างดี แด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า ผู้กำลังเสด็จเที่ยวบิณฑบาตอยู่ ด้วยทานนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ชัมพูผลิยเถราปทาน) 72/64/372/64/3 72/63/8 |
32 | [๓๑] ท่านได้ถวายเมล็ดพืชสมอพิเภกแด่พระกกุสันธพุทธเจ้า ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (วิเภทกพีชิยเถราปทาน) 72/66/472/66/4 72/66/4 |
33 | [๓๒] ท่านนุ่งหนังเสือ ห่มผ้าคากรอง บำเพ็ญวัตรจริยาอย่างหนัก ได้เอามือทั้งสองกอบพุทราถวายแด่พระสิขีพุทธเจ้า ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(โกลทายกเถราปทาน) 72/67/1272/67/12 72/68/3 |
34 | [๓๓] ท่านได้สร้างอาศรมไว้ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา เห็นผลมะตูมมีกลิ่นหอม ระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด จึงเก็บผลมะตูมจนเต็มหาบ ไปถวายแด่พระองค์ผู้เป็นนาบุญ ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (เวลุวผลิยเถราปทาน) 72/68/2072/68/20 72/69/3 |
35 | [๓๔] ท่านตกแต่งเครื่องลาดที่ทำด้วยหญ้าแล้ว ได้ทูลอาราธนา พระอัตถทัสสี-พุทธเจ้าเพื่ออนุเคราะห์ พระองค์ทรงประทับนั่งแล้วท่านได้ถวายผลรกฟ้า ด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ภัลลาตกทายกเถราปทาน) 72/69/1772/69/17 72/70/3 |
36 | [๓๕] ท่านได้เอาดอกผักตบมาบูชาต้นไทรอันเป็นไม้โพธิพฤกษ์ ด้วยการบูชานั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อุมมาปุปผิยเถราปทาน) 72/71/372/71/3 72/71/12 |
37 | [๓๖] ในกัปที่ 31 ท่านมีจิตผ่องใสโสมนัส ได้เอาดอกมะกอกบูชาพระเวสสภูพุทธเจ้า ด้วยการบูชานั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อัมพาฏกิยเถราปทาน) 72/71/1672/71/16 72/72/9 |
38 | [๓๗] ท่านมีจิตเลื่อมใสได้ถวายอาสนะแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า ด้วยกรรมนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (สีหาสนิกเถราปทาน) 72/72/1172/72/11 72/73/10 |
39 | [๓๘] เมื่อพระสุเมธพุทธเจ้า เสด็จนิพพานแล้ว ท่านมีจิตเลื่อมใส ได้ใช้ให้คนทำตั่งสำหรับรองเท้า ไว้ที่ใกล้อาสนะทองของพระพุทธเจ้า ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ปาทปีฐิยเถราปทาน) 72/73/1472/73/14 72/74/16 |
40 | [๓๙] ท่านได้สร้างไพรทีอย่างสวยงามไว้ที่โพธิ์พฤกษ์ของพระปทุมุตตรพุทธเจ้าด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (เวทิยการกเถราปทาน) 72/75/372/75/3 72/76/3 |
41 | [๔๐] ท่านมีจิตเลื่อมใสโสมนัส ได้ใช้คนทำเรือนไม้โพธิ์ของพระสิทธัตถพุทธเจ้า ท่านเข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต อยู่ในเรือนแก้ว หนาว ร้อน หรือ ลม มิได้ถูกต้องเลย ด้วยกรรมนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (โพธิฆรการกเถราปทาน) 72/76/372/76/3 72/77/3 |
42 | [๔๑] เมื่อท่านพลาดจากภูเขาหรือ ตกจากต้นไม้ ย่อมได้ที่พึ่ง , โจรไม่เบียดเบียนกษัตริย์ก็ไม่ดูหมิ่นก้าวล่วงข้าศึกได้ , เข้าถึงกำเนิดใดๆ ย่อมเป็นผู้อันเขาบูชาทุกแห่งไป นี้เป็นผลจากการที่ท่านให้คนพรวนดินที่ไม้โพธิพฤกษ์ของพระธัมมทัสสี-พุทธเจ้า (ชคติทายกเถราปทาน) 72/78/472/78/4 72/79/4 |
43 | [๔๒] ในกัปที่ 31 ท่านถือกำหางนกยูงเข้าไปเฝ้าพระโลกนายก ด้วยกำหางนกยูงนี้ และด้วยการตั้งเจตนาไว้ไฟ 3 กอง จึงดับแล้ว ท่านได้สุขอันไพบูลย์.(โมรหัตถิยเถราปทาน) 72/79/372/79/3 72/80/13 |
44 | [๔๓] ท่านได้ไหว้โพธิพฤกษ์ ของพระติสสพุทธเจ้า ได้ถือเอาพัดวีชนี พัดอาสนะทองในที่นั้น ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (สีหาสนพีชิยเถราปทาน) 72/80/372/80/3 72/81/18 |
45 | [๔๔] ท่านมีจิตเลื่อมใสมีใจโสมนัส ได้ชูคบเพลิง 3 ดวง ที่ไม้โพธิพฤกษ์ของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ติณุกกธาริยเถราปทาน) 72/80/1672/80/16 72/82/15 |
46 | [๔๕] ท่านได้ถวายการเหยียบ แด่พระกกุสันธพุทธเจ้า ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อักกมนทายกเถราปทาน) 72/81/1172/81/11 72/83/13 |
47 | [๔๖] ในกัปที่ 94 ท่านได้บูชาพระสิทธัตถพุทธเจ้า ด้วยดอกหางช้าง ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (วนโกรัณฑิยเถราปทาน) 72/82/372/82/3 72/84/12 |
48 | [๔๗] แผ่นดินร้อนดังเพลิง ท่านได้เห็นพระปทุมุตตรพุทธเจ้า จงกรมอยู่ที่แจ้ง จึงถวายร่มอันเป็นเครื่องป้องกันลมและแดด ด้วยการถวายร่มนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (เอกฉัตติยเถราปทาน) 72/82/1772/82/17 72/85/10 |
49 | [๔๘] เมื่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านได้เอาผอบอันเต็มด้วยดอกไม้ไปบูชาพระสรีระทำจิตให้เลื่อมใสในบุญกรรมนั้น แล้วได้ไปสู่สวรรค์ชั้นนิมมานรดีถึงจะไปอยู่ยังเทวโลก ก็ยังประพฤติบุญกรรมอยู่ ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ชาติปุปผิยเถราปทาน) 72/84/672/84/6 72/87/3 |
50 | [๔๙] เมื่อมหาชนช่วยกันนำพระสรีระของพระพุทธเจ้าไป ท่านมีจิตเลื่อมใส ได้เอาดอกสัตตบรรณบูชาด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (สัตติปัณณิยเถราปทาน) 72/85/1172/85/11 72/88/9 |
51 | [๕๐] เมื่อมหาชนกำลังช่วยกันทำจิตกาธารอยู่ และของหอมนานาชนิดถูกนำมาท่านมีจิตเลื่อมใส ได้เอาของหอมกำมือหนึ่งบูชาด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (คันธปูชกเถราปทาน) 72/86/372/86/3 72/89/8 |
52 | [๕๑] เมื่อมหาชนช่วยกันยกพระสรีระของพระปทุมุตตรพุทธเจ้าขึ้นบนจิตกาธารท่านได้เอาดอกสาละบูชา ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(สาลกุสุมิยเถราปทาน) 72/88/472/88/4 72/91/4 |
53 | [๕๒] ในกัปที่ 31 เมื่อเทวดาและมนุษย์พากันถวายพระเพลิงพระสิขีพุทธเจ้า ท่านได้เอาดอกจำปา 8 ดอกบูชาจิตกาธาร ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(จิตกปูชกเถราปทาน) 72/88/1872/88/18 72/92/3 |
54 | [๕๓] ในกัปที่ 31 เมื่อเทวดาและมนุษย์พากันถวายพระเพลิงพระสรีระของพระเวสสภูพุทธเจ้า ท่านเอาน้ำหอมดับจิตกาธาร ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(จิตกนิพพาปกเถราปทาน) 72/89/1172/89/11 72/93/3 |
55 | [๕๔] ในกัปที่ 91 ท่านมีจิตเลื่อมใส ได้ใช้คนสร้างสะพานในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระวิปัสสีพุทธเจ้าผู้เสด็จจงกรมอยู่ (เสตุทายกเถราปทาน) 72/90/372/90/3 72/94/3 |
56 | [๕๕] ในกัปที่ 94 ท่านได้ถวายพัดใบตาลอันคลุมด้วยดอกมะลิแด่พระสิทธัตถพุทธเจ้า ด้วยการถวายพัดนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (สุมนตาลวัณฏิยเถราปทาน) 72/90/1772/90/17 72/95/3 |
57 | [๕๖] ในกัปที่ 94 ท่านได้ถวายผลไม้แด่พระสยัมภูพระนามว่า สตรังสี ด้วยทานนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อวฏผลิยเถราปทาน) 72/91/872/91/8 72/96/3 |
58 | [๕๗] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นคนเฝ้าสวน ได้เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จไปในอากาศ จึงเอาผลขนุนสำมะลอถวายแด่พระองค์ ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(ลพุชผลทายกเถราปทาน) 72/92/372/92/3 72/97/3 |
59 | [๕๘] ท่านได้เห็นพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า เป็นผู้มีใจเลื่อมใสถวายผลมิลักขุ ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (มิลักขุผลทายกเถราปทาน) 72/93/372/93/3 72/98/6 |
60 | [๕๙] ท่านได้สดุดีพระพุทธเจ้า ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ ด้วยการสดุดีนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (สยัมปฏิภาณิยเถราปทาน) 72/93/1672/93/16 72/99/3 |
61 | [๖๐] ท่านเข้าไปอยู่ป่าหิมวันต์ บอกมนตร์แก่ศิษย์ 5,400 คน เมื่อพระโพธิสัตว์อุบัติในครรภ์ของพระมารดา หมื่นโลกธาตุก็หวั่นไหว ท่านได้พยากรณ์เหตุการณ์นั้นแก่ประชุมชนว่า พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นโดยไม่ต้องสงสัย ทำประชุมชนให้เข้าใจดีแล้ว บอกศีล 5 ด้วยการพยากรณ์นิมิตนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(นิมิตตพยากรณิยเถราปทาน) 72/96/372/96/3 72/101/3 |
62 | [๖๑] ในกัปที่ 31 ท่านเห็นพระสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ กำลังเสด็จไปไปทางชายป่าใหญ่ ได้มีจิตเลื่อมใส เอาพวงดอกไม้อ้อ ออกไปบูชาพระพุทธเจ้าผู้เป็นทักขิเณยยบุคล ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (นฬมาลิยเถราปทาน) 72/99/472/99/4 72/104/4 |
63 | [๖๒] พระปทุมุตตรพุทธเจ้า เสด็จไปในอากาศ ท่านอยู่ในสระจึงออกจากภพของตนในสระใหญ่ ไม่ไกลป่าหิมวันต์ หยิบเอาแก้วมณีที่ศีรษะบูชาพระผู้นำด้วยความปรารถนาว่า ด้วยการเอาแก้วมณีบูชานี้ ขอจงมีวิบากอันดี ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (มณิปูชกเถราปทาน) 72/100/33372/100/333 72/105/12 |
64 | [๖๓] ในกัปที่ 94 ท่านอันหมู่นารีแวดล้อม ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า โกสิกะ ประทับนั่งเข้าสมาบัติอยู่จึงถือเอาคบเพลิงร้อยดวง แวดล้อมพระพุทธเจ้าอยู่ตลอด 7 วัน 7 คืน แล้วได้ถวายอาหารอย่างหนึ่ง เพราะกรรมนั้นท่านได้ไปเกิดในหมู่เทพชั้นดุสิต ไม่รู้จักทุคติเลย (อุกกาสติกเถราปทาน) 72/103/372/103/3 72/108/5 |
65 | [๖๔] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นผู้มีใจโสมนัส จับพัดวีชนี พัดไม้โพธิ์อันอุดม ของพระวิปัสสีพุทธเจ้า ด้วยการพัดไม้โพธิ์นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (สุมนวีชนิยเถราปทาน) 72/105/1772/105/17 72/111/3 |
66 | [๖๕] ในกัปที่ 91 ท่านได้ถวายขนมกุมมาสจนเต็มบาตร แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า ด้วยการถวายนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (กุมมาสทายกเถราปทาน) 72/106/1172/106/11 72/112/3 |
67 | [๖๖] ท่านมีจิตเลื่อมใสโสมนัส ได้ถวายสลากภัต 8 ที่ แด่พระกัสสปพุทธเจ้า ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (กุสัฏฐกทายกเถราปทาน) 72/107/672/107/6 72/113/3 |
68 | [๖๗] ในกัปที่ 94 ท่านได้ถือเอาดอกบุนนาค เข้ามาบูชาพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตะ ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (คิริปุนนาคิยเถราปทาน) 72/108/972/108/9 72/114/8 |
69 | [๖๘] ในกัปที่ 31 ท่านได้เอาผลไม้วัลลิการะ ถวายแด่พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (วัลลิการผลทายกเถราปทาน) 72/109/1072/109/10 72/115/12 |
70 | [๖๙] ท่านเห็นพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า เสด็จดำเนินบนถนนด้วยพระบาทเปล่า จึงได้ถวายรองเท้าของตนวางถวายแทบพระบาท , ในกาลนี้ เมื่อท่านออกบวช ได้ออกด้วยรถ ได้บรรลุอรหัตเมื่อกำลังปลงผม (ปานธิทายกเถราปทาน) 72/110/972/110/9 72/117/3 |
71 | [๗๐] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นพรานเนื้อ ได้พบที่จงกรมจึงมีจิตเลื่อมใสกอบเอาทรายมาโรยลงในที่จงกรมของพระสุคตเจ้าผู้มีสิริ ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(ปุฬินจังกมิยเถราปทาน) 72/113/1172/113/11 72/120/3 |
72 | [๗๑] ในกัปที่ 92 พระติสสพุทธเจ้าทรงวางบังสุกุลจีวรไว้แล้วเสด็จเข้าวิหาร ท่านสะพายธนู และกระบอกน้ำถือดาบเข้าป่าใหญ่ เห็นผ้าบังสุกุลจีวรแล้วเลื่อมใส มีปีติเป็นอันมาก จึงวางธนูลง ประนมอัญชลีเหนือศีรษะเกล้า ระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วไหว้บังสุกุลจีวร ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ปังสุกูลสัญญกเถราปทาน) 72/115/472/115/4 72/122/4 |
73 | [๗๒] ในกัปที่ 94 ท่านเป็นคนเล่าเรียนมนต์ ทรงจำมนต์ รู้จบไตรเพท บอกมนต์แก่ศิษย์ทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อรู้ข่าวการอุบัติขึ้นของพระสิทธัตถพุทธเจ้า จึงได้เดินทางไปกับศิษย์ เพื่อเข้าเฝ้าเมื่อเหลือระยะทางอีกโยชน์หนึ่ง ท่านมาป่วยตายเสียก่อน ด้วยสัญญาที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้านั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย. (พุทธสัญญกเถราปทาน) 72/116/972/116/9 72/124/3 |
74 | [๗๓] ท่านเห็นพระปทุมุตตรพุทธเจ้าเหาะไปทางอากาศ จึงอ้อนวอนพระองค์เพื่อให้รับเหง้าบัว พระศาสดาทรงรับเหง้าบัวแล้วเสด็จไปทางอากาศ ขณะท่านกลับอาศรมวางเหง้าบัวไว้บนต้นไม้ระลึกถึงทานของตนอยู่ ฟ้าได้ผ่าลงมาที่ศีรษะตายไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ภิสทายกเถราปทาน) 72/119/1672/119/16 72/127/10 |
75 | [๗๔] ท่านเสาะหาประโยชน์อันสูงสุด จึงสร้างอาศรมอยู่ผู้เดียวในป่าใหญ่ เมื่อพระสุเมธพุทธเจ้าทรงอุบัติแล้ว 8 ปี ท่านจึงได้รู้ข่าว แล้วรีบเดินทางไปเข้าเฝ้า ได้ผ่านหมู่ชน ไปถวายบังคมพระชินเจ้าทำหนังสัตว์เฉวียงบ่ากล่าวสรรเสริญพระญาณของพระองค์ด้วยคาถา 6 คาถา พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า อีก 30,000 กัป จะได้ ออกบวช บรรลุพระอรหัตแต่อายุ 7 ขวบ (ญาณถวิกเถราปทาน) 72/122/1372/122/13 72/130/3 |
76 | [๗๕] ท่านสละทรัพย์ 80 โกฏิ แล้วบวชเป็นบรรพชิตอยู่คนเดียวในป่า พระสุเมธ-พุทธเจ้าทรงเสด็จไปที่นั้น ท่านจึงลาดหนังสัตว์ถวาย แล้วรีบขึ้นภูเขาเก็บเอาผลมะม่วง ดอกรัง และแก่นจันทน์มาเข้าเฝ้า ได้ถวายผลไม้บูชาด้วยดอกรัง และลูบ-ไล้ด้วยแก่นจันทน์ ด้วยกรรมนั้น เมื่อตายแล้วไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต , ในกาลนี้ได้ออกบวชตอนอายุ 5 ขวบ เมื่อปลงผมเสร็จก็ได้บรรลุพระอรหัต.(จันทนมาลิยเถราปทาน) 72/126/1872/126/18 72/133/13 |
77 | [๗๖] ในกัปที่ 94 เมื่อพระสิทธัตถพุทธเจ้า ปรินิพพานแล้ว ท่านได้นำพวกญาติมาทำการบูชาพระธาตุ ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ธาตุปูชกเถราปทาน) 72/131/372/131/3 72/137/7 |
78 | [๗๗] ในกัปที่ แสนแต่กัปนี้ ท่านเป็นดาบสชื่อ เทวละ มีลูกศิษย์ 84,000 คน ท่านก่อเจดีย์ทราย บูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และสอนลูกศิษย์ถึงพุทธคุณ เมื่อพระปทุมุตตรโพธิสัตว์ ถือปฏิสนธิในครรภ์พระมารดา หมื่นโลกธาตุหวั่นไหว ท่านจึงบอกนิมิตนั้นแก่ศิษย์ แล้วสิ้นกำลังด้วยป่วยหนัก ระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วสิ้นใจขณะที่บรรดาศิษย์กำลังเผาศพ ท่านก็ลงมาพร่ำสอนลูกศิษย์แล้วกลับเทวโลก.(ปุฬินุปปาทกเถราปทาน) 72/131/1872/131/18 72/138/7 |
79 | [๗๘] ท่านเป็นเต่าได้ส่งพระอัตถทัสสีพุทธเจ้าข้ามฝั่งแม่น้ำ พระศาสดาทรงพยา-กรณ์ว่าจะได้รื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด 1,800 กัป จากเทวโลกมามนุษยโลกนี้ เป็นผู้อันกุศลมูลตักเตือนแล้วนั่ง ณ อาสนะเดียว จะข้ามพ้นกระแส คือ ความสงสัยได้(ตรณิยเถราปทาน) 72/137/1572/137/15 72/143/9 |
80 | [๗๙] ท่านเป็นเมฆมาณพ ได้ฟังคำพยากรณ์ว่า สุเมธดาบส จะได้เป็นพระพุทธเจ้า จึงได้บวชตามสุเมธดาบสแต่ถูกมิตรชั่วชักนำให้ ออกจากทางอันชอบ และได้ทำการฆ่ามารดา จึงต้องไปตกอเวจี และไปสู่วินิบาต ไม่ได้เห็นสุเมธดาบสอีกเลย,ในกาลนี้ เกิดเป็นปลาติมิงคละในมหาสมุทร เมื่อจะกินเรือ ได้ยินเสียงพ่อค้าร้องว่า โคตโม จึงนึกถึงสัญญาเก่าได้ ต่อจากนั้นก็ตายมาเกิดใน กรุงสาวัตถี เป็นคนเกลียดบาปกรรมทุกอย่างพออายุ 7 ขวบได้พบพระพุทธเจ้าจึงบวช.(ธัมมรุจิเถราปทาน) 72/140/372/140/3 72/145/12 |
81 | [๘๐] ท่านเข้าไปสู่ป่ารังสร้างอาศรมมุงบังด้วยดอกรัง อยู่ในป่า ครั้งนั้น พระปิยะ-ทัสสีพุทธเจ้า เสด็จมาประทับนั่งเข้าสมาธิ ในป่านั้น ท่านจึงทำปะรำมุงบังด้วยดอกรังไว้ 7 วัน เมื่อพระศาสดาออกจากสมาบัติแล้วได้พยากรณ์ว่า ท่านจะได้เป็นทายาทในธรรมของพระศาสดามีพระนามว่าโคดม ในกัปที่ 1,800 ในอานาคต.(สาลมัณฑปิยเถราปทาน) 72/146/272/146/2 72/151/3 |
82 | [๘๑] ท่านเห็นพระวิปัสสีพุทธเจ้า ประทับนั่งที่ซอกเขา จึงเก็บดอกกระดึงทอง3 ดอกมาบูชา ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ ตายแล้วได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (ตีณิกิงกณิปุปผิยเถราปทาน) 72/151/472/151/4 72/156/4 |
83 | [๘๒] ในกัปที่ 91 ท่านได้เห็นผ้าบังสุกุลจีวรห้อยอยู่บนยอดไม้ จึงมีใจร่าเริงยินดีเก็บเอาดอกกระดึงทอง 3 ดอกมาบูชาผ้าบังสุกุลจีวร เพราะบูชาธงชัยพระอรหันต์ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ปังสุกูลปูชกเถราปทาน) 72/152/372/152/3 72/157/8 |
84 | [๘๓] ในกัปที่ 92 ท่านกับบิดาและปู่ เป็นคนทำงานในป่า เลี้ยงชีพด้วยการฆ่าปศุสัตว์ กุศลกรรมไม่เคยทำได้เห็นรอยพระบาทที่พระติสสพุทธเจ้า ทรงเหยียบไว้3 รอยใกล้ที่อยู่ของท่าน จึงเอาดอกหงอนไก่ใส่ผอบมาบูชา ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน) 72/153/372/153/3 72/158/11 |
85 | [๘๔] ในกัปที่ 31 ท่านเห็นต้นทองกวาวมีดอก จึงประนมกรอัญชลี นึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดแล้วบูชาในอากาศ ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ เมื่อละร่างกายมนุษย์แล้วได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไม่รู้จักทุคติเลย.(กิงสุกปุปผิยเถราปทาน) 72/154/1172/154/11 72/160/3 |
86 | [๘๕] ท่านเป็นลูกจ้างของคนอื่น เห็นพระสาวกของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ชื่อว่าสุชาตะ แสวงหาผ้าบังสุกุลที่กองหยากเยื่อใกล้ทางรถ จึงได้ถวายผ้าครึ่งผืนแล้วอภิวาทด้วยเศียรเกล้า ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย. (อุปัฆฒทุสสทายกเถราปทาน) 72/155/672/155/6 72/161/3 |
87 | [๘๖] ในกัปที่ 94 ท่านเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าป่าใหญ่ทรงประชวรด้วยโรคลม จึงทำจิตให้เลื่อมใสนำกากเปรียงเข้าไปถวาย ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(ฆตมัณฑทายกเถราปทาน) 72/156/1372/156/13 72/162/10 |
88 | [๘๗] ท่านมีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ในภิกษุสงฆ์ผู้ยอดเยี่ยมของ พระปทุมุตตรพุทธเจ้า จึงได้ตักน้ำใส่หม้อน้ำฉันจนเต็ม ในเวลาที่ท่านต้องการน้ำ จะเป็นยอดภูเขา ยอดไม้ในอากาศ หรือพื้นดิน น้ำย่อมเกิดแก่ท่านทันที.(อุทกทายกเถราปทาน) 72/157/1872/157/18 72/164/3 |
89 | [๘๘] ท่านเป็นชฎิลผู้มีตบะใหญ่ มีศิษย์ 40,000 คนบำรุง ได้ก่อพระสถูปทรายปิดทองไว้ที่ริมแม่น้ำ อมริกาแล้วบูชาด้วยดอกกระดึงทอง 3,000 ดอก นมัสการทุกเช้าเย็น เหมือนกับถวายบังคมพระพุทธเจ้าในที่เฉพาะพระพักตร์ เมื่อตายแล้วไปสู่พรหมโลก , ในกาลนี้ เมื่อบิดา มารดานำสถูปทองออกมาบูชาทุกวันอุโบสถ กล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณอยู่ตลอด 3 ยาม ท่านเห็นสถูปทองเสมอ จึงระลึกถึงเจดีย์ทรายได้ นั่งบนอาสนะเดียว บรรลุอรหัตแล้วตอนอายุ 7 ขวบ ท่านได้บรรพชากับพระสารีบุตร พระศาสดาให้อุปสมบท. (ปุฬินถูปิยเถราปทาน) 72/158/1472/158/14 72/165/3 |
90 | [๘๙] ในกัปที่ 31 ท่านได้ทำเรือนไม้อ้อแล้วมุงบังด้วยหญ้า และชำระที่จงกรมถวายพระสยัมภูพระนามว่า นารทะ ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(นฬกุฏิกทายกเถราปทาน) 72/163/1472/163/14 72/169/3 |
91 | [๙๐] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นพรานเนื้อ เที่ยวอยู่ในป่า ได้เห็นพระพุทธเจ้า จึงเอาผลมะหาดมาถวายด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(ปิยาลผลทายกเถราปทาน) 72/165/372/165/3 72/170/12 |
92 | [๙๑] ท่านเป็นวิทยาธร สัญจรไปในอากาศ ได้เห็นพระสุเมธพุทธเจ้าทรงประทับนั่งขัดสมาธิ อยู่ในป่าหิมพานต์จึงเก็บดอกกรรณิการ์ 3 ดอกมาบูชา ครั้งนั้น ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าดอกไม้นั้นเอาขั้วขึ้นเอากลีบลงเป็นเงาบังแด่พระศาสดา ,ในกาลนี้ ได้ออกบวช มีอายุได้ 7 ขวบแต่กำเนิดได้บรรลุอรหัต.(ตีณิกณิการปุปผิยเถราปทาน) 72/167/472/167/4 72/173/4 |
93 | [๙๒] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นช่างหม้อ ได้ถวายบาตรดินแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดด้วยกรรมนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (เอกปัตตทายกเถราปทาน) 72/172/672/172/6 72/177/11 |
94 | [๙๓] ในกัปที่ 31 ท่านได้พบพระพุทธเจ้า ประทับนั่งอยู่ซอกภูเขา จึงมีจิตเลื่อมใสประนมกรอัญชลีเหนือเศียรเกล้า แล้วเอาผลไม้มะรื่น ถวายแด่พระองค์ ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (กาสุมาริกผลทายกเถราปทาน) 72/174/372/174/3 72/179/3 |
95 | [๙๔] ในกัปที่ 94 ท่านเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สยัมภู เสด็จออกบิณฑบาตจึงเข้าเฝ้าถวายผลไม้ ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อวฏผลิยเถราปทาน) 72/175/372/175/3 72/180/3 |
96 | [๙๕] ในกัปที่ 91 ท่านได้ถวายผลมะม่วงกะล่อนทองแด่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณเหมือนทองคำด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(จารผลิยเถราปทาน) 72/175/1972/175/19 72/181/3 |
97 | [๙๖] ในกัปที่ 31 ท่านได้เอาผลมะงั่วถวายแด่พระศาสดาผู้เป็นทักขิเณยยบุคคลด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (มาตุลุงคผลทายกเถราปทาน) 72/176/1172/176/11 72/182/3 |
98 | [๙๗] ในกัปที่ 94 ท่านเอามือประคองผลไม้รกฟ้า ซึ่งมีขนาดเท่าหม้อ ถือร่มใบไม้แล้วถวายแด่ พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อชินะ ด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อัชเชลผลทายกเถราปทาน) 72/177/872/177/8 72/183/3 |
99 | [๙๘] ในกัปที่ 91 ท่านได้ถวายผลอโมระ แด่พระสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณปานดังทองคำ ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อโมรผลิยเถราปทาน) 72/178/372/178/3 72/184/3 |
100 | [๙๙] ในกัปที่ 94 ท่านมีจิตเลื่อมใส ได้ถวายผลตาล แด่พระสยัมภูพระนามว่า สตรังสี ด้วยกรรมนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ตาลผลิยเถราปทาน) 72/178/1672/178/16 72/185/3 |
101 | [๑๐๐] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นชาวสวน ได้พบพระพุทธเจ้า กำลังเหาะอยู่ในอากาศจึงเอาผลมะพร้าวถวาย พระองค์ประทับยืนอยู่ในอากาศ ทรงรับแล้ว ด้วยกรรมนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (นาลิเกรผลทายกเถราปทาน) 72/179/1172/179/11 72/186/3 |
102 | [๑๐๑] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นพรานเนื้อ ได้ถวายผลอัญชันขาวแด่พระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดเป็นเนื้อนาบุญด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(กุรัญชิยผลทายกเถราปทาน) 72/181/472/181/4 72/188/4 |
103 | [๑๐๒] ในกัปที่ 91 ท่านได้ถวายผลมะขวิด แด่พระสัมพุทธเจ้า ด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (กปิฏฐผลทายกเถราปทาน) 72/182/372/182/3 72/189/7 |
104 | [๑๐๓] ในกัปที่ 31 ท่านได้ถวายผลสะคร้อ แด่พระนราสภผู้ประเสริฐกว่าทวยเทพด้วยการถวายผลไม้นั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย (โกสุมพผลิยเถราปทาน) 72/182/1772/182/17 72/190/5 |
105 | [๑๐๔] ในกัปที่ 92 ท่านได้พบพระพุทธเจ้าผู้อุดมบุรุษประทับนั่งอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำวินตานที ด้วยจิตเลื่อมใส จึงบูชา พระองค์ด้วยดอกเกดซึ่งมีกลิ่นหอมเหมือนน้ำผึ้ง ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (เกตกปุปผิยเถราปทาน) 72/183/1172/183/11 72/191/3 |
106 | [๑๐๕] ในกัปที่ 91 ท่านได้เอาดอกกากะทิงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (นาคปุปผิยเถราปทาน) 72/184/872/184/8 72/192/3 |
107 | [๑๐๖] ท่านเป็นกินนร ได้เห็นพระสยัมภูพุทธเจ้า จึงมีความเลื่อมใสเกิดปราโมทย์ประนมกรอัญชลี แล้วถือเอาดอกรกฟ้าขาว มาบูชาพระสยัมภู ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และการตั้งเจตน์จำนงไว้ เมื่อละร่างกินนรแล้วได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์.(อัชชุนปุปผิยเถราปทาน) 72/185/372/185/3 72/193/3 |
108 | [๑๐๗] ในกัปที่ 31 ท่านถือเอาดอกอัญชันเขียวจบเหนือเศียรเกล้าแล้ว บูชาแด่พระสยัมภูพุทธเจ้า พระนามว่า สุทัสสนะ ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(กุฏชปุปผิยเถราปทาน) 72/186/672/186/6 72/194/7 |
109 | [๑๐๘] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นพรานเนื้อเที่ยวอยู่ในไพรวัน ได้พบพระสิขีพุทธเจ้ากำลังประกาศสัจจะ 4 อันหมู่เทวดาห้อมล้อม จึงยังจิตให้เลื่อมใสในพระสุรเสียง ด้วยการได้สัญญานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (โฆสสัญญกเถราปทาน) 72/187/372/187/3 72/195/12 |
110 | [๑๐๙] ท่านเป็นพราหมณ์ ชื่อว่า วรุณะ เป็นผู้เรียนจบมนตร์ ทิ้งบุตร 10 คนเข้าไปสร้างอาศรมอยู่กลางป่า พระปทุมุตตรพุทธเจ้า ทรงเสด็จไปยังอาศรมเพื่ออนุเคราะห์ ท่านจึงเก็บใบไม้มาเย็บเป็นกระทง แล้วเอาผลไม้ใส่จนเต็มหาบ ถวายพระองค์ทั้งหาบ พระองค์ให้ท่านหาบเดินตามหลังพระองค์นำไปถวายสงฆ์ ท่านยังจิตให้เลื่อมใสในภิกษุสงฆ์แล้วเข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต(สัพพผลทายกเถราปทาน) 72/188/372/188/3 72/196/16 |
111 | [๑๑๐] ในกัปที่ 31 ท่านถือเอาดอกปทุมบูชา พระพุทธเจ้าพระนามว่า อภิสัมภวะ ผู้ประทับอยู่กลางแจ้งด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ปทุมธาริยเถราปทาน) 72/191/1172/191/11 72/199/16 |
112 | [๑๑๑] ในกัปที่ 94 ท่านเป็นนายพราน อยู่ในราวป่า ได้ถวายหญ้ากำหนึ่ง เพื่อเป็นที่ประทับนั่ง แด่พระสัมพุทธเจ้า พระนามว่า ติสสะ แล้วหลีกไป เดินไปไม่นานก็ถูกราชสีห์ฆ่าตาย ได้ไปเกิดยังเทวโลก ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ติณมุฏฐิทายกเถราปทาน) 72/193/472/193/4 72/201/4 |
113 | [๑๑๒] ในกัปที่ 91 ท่านได้เลื่อมใส ถวายส้วมหลังหนึ่ง แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า ท่านได้ยานช้าง ยานม้าและยานทิพย์ ได้บรรลุเป็นที่สิ้นอาสวะ ก็เพราะการถวายส้วมนั้น (เวจจกทายกเถราปทาน) 72/194/2072/194/20 72/203/3 |
114 | [๑๑๓] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นอาชีวก ได้ขึ้นเรือไปด้วยกันกับภิกษุ เมื่อเรือกำลังจะอับปาง ภิกษุได้ให้สรณะแก่ท่าน เพราะสรณะนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(สรณคมนิยเถราปทาน) 72/195/1472/195/14 72/204/3 |
115 | [๑๑๔] ในกัปที่ 91 ท่านนุ่งหนังเสือเหลืองถือ คนโทน้ำ ได้พบพระสยัมภูพุทธเจ้าแล้วเลื่อมใสโสมนัสจึงถวายยาหยอดตา ด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(อัพภัญชนทายกเถราปทาน) 72/196/672/196/6 72/205/3 |
116 | [๑๑๕] ในกัปที่ 91 ท่านได้ถวายผ้าอย่างดีมีเนื้อเบา แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า แล้วบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัป (สุปฏทายกเถราปทาน) 72/197/672/197/6 72/206/7 |
117 | [๑๑๖] ในกัปที่ 94 ท่านเข้าป่าตัดเอาไม้ไผ่มาทำเป็นไม้เท้า ถวายแด่พระสงฆ์ ด้วยการถวายไม้เท้านั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ทัณฑทายกเถราปทาน) 72/198/372/198/3 72/207/6 |
118 | [๑๑๗] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นพรานเนื้อ เที่ยวอยู่ในป่าได้พบพระพุทธเจ้าผู้ปราศจาก กิเลสธุลี จึงได้บูชาด้วยดอกอัญชันเขียว ด้วยการบูชานั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย.(คิริเนลปูชกเถราปทาน) 72/198/1872/198/18 72/208/6 |
119 | [๑๑๘] ท่านเก็บใบโพธิ์ที่ถูกทิ้งไว้ ณ ลานพระเจดีย์เอาไปทิ้ง จึงได้คุณ 20 ประการมีการไม่เป็นผู้มีโรคเรื้อน ฝี กลาก ตกกระ หูดและหิดเปื่อย เป็นต้น.(โพธิสัมมัชชกเถราปทาน) 72/199/1572/199/15 72/209/8 |
120 | [๑๑๙] ท่านเอาผลไม้ใส่หาบ หาบมาได้พบพระปทุมุตตรพุทธเจ้า กำลังเสด็จจงกรมอยู่ จึงมีจิตเลื่อมใสประนมกรอัญชลีเหนือเศียรเกล้า ถวายบังคมแล้วถวายผลแฟง ด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (อามัณฑผลทายกเถราปทาน) 72/203/372/203/3 72/212/10 |
121 | [๑๒๐] ท่านเป็นเศรษฐีบุตรผู้มียศใหญ่ ในพระนครพาราณสี มีทรัพย์และข้าวเปลือกมากมาย เมื่อได้ฟังธรรมของพระกัสสปพุทธเจ้า แล้วจึงละโภคทรัพย์ออกบวช เป็นพหูสูตเป็นพระธรรมกถึก มีปฏิภาณอันวิจิตร เป็นผู้องอาจได้พรรณนาพระคุณของพระศาสดา ในท่ามกลางบริษัทบ่อยๆ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดในชั้นดุสิตเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีกลิ่นปากหอม กลิ่นกายหอม มีปัญญาเห็นแจ้งอรรถอันละเอียด (สุคันธเถราปทาน) 72/204/372/204/3 72/213/14 |
122 | [๑๒๑] ท่านเป็นฤๅษีได้นำดอกไม้จากป่าหิมพานต์มาบูชาพระปทุมุตตรพุทธเจ้าตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้ประกาศธรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าวโดยย่อนั้นได้โดยพิสดาร , ในกาลแห่งพระสุเมธพุทธเจ้า ท่านเป็นวิทยาธร ได้บูชาพระองค์ด้วยดอกไม้ , ครั้นพระกัสสปพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านได้เอาแผ่นอิฐทองคำบูชาพระเจดีย์, ในกาลนี้ เป็นปุโรหิตของพระเจ้าจัณฑปัชโชต พระราชาส่งท่านมาพร้อมพราหมณ์ 7 คน เพื่อนิมนต์พระศาสดา เมื่อฟังธรรมแล้วได้บรรลุพระอรหันต์ ด้วยความปรารถนาครั้งก่อน ปกรณ์ทั้ง 3 คือ กัจจายนปกรณ์ , มหานิรุตติปกรณ์ , เนตติปกรณ์ จึงได้ปรากฏแล้วในท่ามกลางสงฆ์ (มหากัจจายนเถราปทาน) 72/212/472/212/4 72/221/4 |
123 | [๑๒๒] ท่านได้ถวายมหาทาน 7 วัน ปรารถนา ตำแหน่งเลิศภิกษุผู้สัทธาธิมุต ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า (วักกลิเถราปทาน) 72/218/1472/218/14 72/227/8 |
124 | [๑๒๒] ในกาลนี้ เมื่อยังเป็นทารกท่านถูกปีศาจคุกคาม มารดาของท่านจึงนำท่านไปถวายแด่พระศาสดา พระองค์ทรงรับด้วยพระหัตถ์ จำเดิมแต่นั้น ท่านก็เป็นผู้รักษาโดยพระพุทธเจ้า จึงพ้นจากความป่วยไข้(วักกลิเถราปทาน) 72/221/1372/221/13 72/229/18 |
125 | [๑๒๒] พระพุทธองค์ทรงตำหนิพระวักกลิว่า " อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียด ซึ่งชนพาลชอบเล่า ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บันฑิตนั้นชื่อว่า เห็นเราผู้ไม่เห็นสัทธรรม ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น" (วักกลิเถราปทาน) 72/222/1072/222/10 72/230/10 |
126 | [๑๒๓] ท่านเป็นผู้พิพากษาอยู่ในพระนครหังสวดี ได้เข้าไปฟังธรรมพระปทุมุตตรพุทธเจ้าแล้ว นิมนต์พระตถาคตพร้อมด้วยศิษย์ให้เสวย แล้วปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้กล่าวสอนภิกษุทั้งหลาย , ครั้งหนึ่ง ท่านเกิดเป็นหัวหน้าช่างหูก ได้อุปัฏฐากพระปัจจเจกพุทธเจ้า 500 องค์ ตลอด 3 เดือน. (มหากัปปินเถราปทาน) 72/230/372/230/3 72/238/3 |
127 | สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเป็นหัวหน้ากุฎุมพีได้ร่วมกันกับบริวาร สร้างบริเวณและเรือนยอด 1000 หลัง (อ.มหากัปปินเถราปทาน) 72/238/2172/238/21 72/245/6 |
128 | พระเจ้ามหากัปปินะ ให้คนเที่ยวสืบเสาะฟังข่าว การอุบัติของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ (อ.มหากัปปินเถราปทาน) 72/241/872/241/8 72/247/4 |
129 | พระราชาและอำมาตย์ 1,000 คน อาศัยอานุภาพ แห่งพระรัตนตรัย แล้วขี่ม้าข้ามแม่น้ำ 3 สาย (อ.มหากัปปินเถราปทาน) 72/244/1272/244/12 72/249/16 |
130 | [๑๒๔] พื้นปฐพีทั้งหมดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งหนาได้ไหวสะเทือน สาครสมุทรพูดได้ แม่น้ำร้องอย่างน่าสงสาร อมนุษย์ตีกลองดังทั่วทั้งสี่ทิศ อสนีบาตอันน่ากลัวตกลงไปรอบๆ อุกกาบาตตกจากท้องฟ้า ดาวหางปรากฏเกลียวแห่งเปลวไฟมีควันพวยพุ่งหมู่มฤคร้องครวญครางอย่างน่าสงสาร แสดงเหตุว่าพระศาสนาจะสิ้นสูญ.(ทัพพมัลลปุตตเถราปทาน) 72/258/1872/258/18 72/260/20 |
131 | ท่านเป็นเศรษฐี ได้ถวายมหาทาน 7 วัน ตั้งความปรารถนาตำแหน่งเลิศภิกษุผู้จัดแจงเสนาสนะ ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า , ในกัปที่ 91 ท่านได้กล่าวตู่พระอรหันต์สาวกของพระวิปัสสีพุทธเจ้า ด้วยเรื่องไม่จริง และได้ถวายสลากภัตรน้ำนมแด่พระสาวกทั้งหลาย , เมื่อศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้ากำลังสิ้นสูญ ภิกษุ 7 รูปได้ขึ้นภูเขาทำความเพียร พระเถระได้บรรลุพระอรหันต์ พระเถระองค์ที่ 2 ได้พระอนาคามี อีก 5 รูปเป็นผู้มีศีล บริสุทธิ์ ตายแล้วไปเกิดในเทวโลก , ในกาลนี้ ท่านได้บวชบรรลุพระอรหัตแล้ว พระศาสดาตั้งท่านไว้ในตำแหน่งจัดเสนาสนะ และจัดแจงเรื่องภัตรแก่ภิกษุทั้งหลาย (อ.ทัพพมัลลปุตตเถราปทาน) 72/261/1572/261/15 72/263/5 |
132 | [๑๒๕] ท่านได้ถวายมหาทาน 7 วัน ตั้งความปรารถนา เป็นเลิศภิกษุผู้กล่าวธรรมอันวิจิตร ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า, กาลหนึ่งได้เป็นลูกเนื้ออยู่ในท้องนางเนื้อซึ่งเป็นบริวารของเนื้อสาขะ แต่ได้มาคบ และทำตามโอวาทของเนื้อนิโครธ จึงไปเกิดอยู่ชั้นดุสิต, เมื่อศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้ากำลังสิ้นสูญ ท่านได้ขึ้นภูเขาบำเพ็ญเพียรตามคำสอนของพระศาสดา (กุมารกัสสปเถราปทาน) 72/266/1372/266/13 72/267/9 |
133 | ในกาลนี้ มารดาของท่านไม่รู้ว่าตนตั้งครรภ์ แล้วมาบวชเป็นภิกษุณี เมื่อคลอดบุตรแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงนำไปเลี้ยงดู ท่านบวชในเวลาเป็นเด็ก ได้ปัญหา15 ข้อ จากพรหมสุทธาวาส ผู้เคยบำเพ็ญร่วมกัน แล้วนำไปถามพระศาสดา เรียนปัญหาตามที่พระศาสดาตอบแล้ว ยังวิปัสสนาให้เกิด ได้บรรลุพระอรหัต. . (อ.กุมารกัสสปเถราปทาน) 72/271/1572/271/15 72/271/14 |
134 | [๑๒๖] ท่านได้ถวายมหาทานแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า และภิกษุสงฆ์ตลอด 7 วันตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้ตรัสรู้เร็ว (พาหิยเถราปทาน) 72/274/1072/274/10 72/274/3 |
135 | [๑๒๖] " น้ำ ดิน ไฟ และลม ไม่ตั้งอยู่ในนิพพานใด ในนิพพานนั้น บุญกุศลส่องไปไม่ถึง พระอาทิตย์ส่องแสงไม่ถึง พระจันทร์ก็ส่องแสงไม่ถึง ความมืดก็ไม่มี อนึ่งเมื่อใด พราหมณ์ผู้ชื่อว่ามุนีเพราะความเป็นผู้นิ่ง รู้จริงด้วยตนเองแล้ว เมื่อนั้นเขาย่อมพ้นจากรูปและอรูป สุขและทุกข์ พระโลกนาถผู้เป็นมุนี เป็นที่นับถือของโลกทั้งสามได้ภาษิตไว้ด้วยประการดังกล่าวมาฉะนี้แล" (พาหิยเถราปทาน) 72/280/172/280/1 72/278/23 |
136 | ภิกษุ 7 รูป เมื่อศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้าจะอันตรธาน ได้ขึ้นไปบำเพ็ญบนภูเขา (อ.พาหิยเถราปทาน) 72/282/572/282/5 72/280/10 |
137 | ท่านพาหิยะ เมื่อได้รับการยกย่องจากประชาชน ก็คิดว่าตนเป็นพระอรหันต์ พรหมชั้นสุทธาวาสที่เคยบำเพ็ญ ร่วมกันจึงลงมาเตือน และบอกให้รู้ว่า พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว (อ.พาหิยเถราปทาน) 72/284/972/284/9 72/282/8 |
138 | อมนุษย์ผู้มีเวรกันในกาลก่อนเข้าสิงในร่างของโคแม่ลูกอ่อน ขวิดพระพาหิยะเข้าที่โคนขาซ้าย ตายอยู่กองขยะ พระศาสดาให้ทำการฌาปนกิจ เก็บเอาธาตุไว้ก่อเป็นสถูป (อ.พาหิยเถราปทาน) 72/289/2272/289/22 72/287/22 |
139 | [๑๒๗ ท่านได้ถวายมหาทาน 7 วัน ปรารถนาเป็นเลิศภิกษุ ผู้แตกฉานในปฏิสัม-ภิทา ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า , ในกาลนี้ ออกบวชโดยมีพระมหาโมคคัลลานะเป็นอาจารย์ พระสารีบุตรเป็นอุปัชฌาย์กำลังปลงผมได้บรรลุพระโสดาบัน กำลังนุ่งผ้ากาสาวะ ก็ได้บรรลุพระอรหัต (มหาโกฏฐิตเถราปทาน) 72/292/272/292/2 72/289/7 |
140 | [๑๒๘] ท่านได้ถวายทานพร้อมกันกับพราหมณ์ 1000 คน ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้มีบริวารมาก ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า , ในกัปที่ 92 ท่าน 3 คนพี่น้องเป็นน้องชายต่างมารดา ของพระผุสสพุทธเจ้าได้ทำชนบทให้สงบ แล้วได้รับพรอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า , ในกาลนี้ ท่านพร้อมบริวาร 1000 คน ได้บวชด้วยเอหิภิกขุและบรรลุพระอรหันต์ด้วยได้ฟังอาทิตตปริยายสูตร (อุรุเวลกัสสปเถราปทาน) 72/300/372/300/3 72/296/3 |
141 | [๑๒๙] ท่านตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้มีปฏิภาณ ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า, ในกาลนี้ ท่านเกิดในสกุลที่ยากจน ได้ถวายภิกษาทัพพีหนึ่งแก่พระสารีบุตร เมื่อแก่แล้วเข้าไปอยู่วัด พระศาสดาจึงให้พระสารีบุตรบวชให้ (ราธเถราปทาน) 72/310/372/310/3 72/304/9 |
142 | [๑๓๐] ท่านทำไฟลนพื้นที่หอฉัน จึงไหม้แล้วในนรกพันปี ด้วยเศษกรรม เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ จึงเป็นผู้มีรอยเครื่องหมาย ถึง 500 ชาติโดยลำดับ เพราะกรรมนั้น จึงเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยโรคเรื้อน ถึง 500 ชาติ (โมฆราชเถราปทาน) 72/317/1072/317/10 72/309/19 |
143 | [๑๓๑] ท่านตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้มีเสียงไพเราะ ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า , ในกัปที่ 92 ท่านเป็นนกดุเหว่า ได้ถวายผลมะม่วงแด่พระผุสสพุทธเจ้า จึงเป็นผู้มีเสียงไพเราะ, ท่านเป็นผู้ทำพระเจดีย์ของพระกัสสปทศพล ผู้ไม่มีประมาณให้ลดต่ำเหลือ 1 โยชน์ จึงเป็นคนเตี้ย , ในกาลนี้ ได้บวชแล้ว วันหนึ่งเห็นฟันของหญิงโสเภณีคนหนึ่งที่หัวเราะเยาะท่าน จึงได้ถือนิมิตแห่งฟัน ทำฌานให้เป็นบาทเจริญวิปัสสนาบรรลุอนาคามิผล ต่อมาได้ฟังธรรมของพระสารีบุตร แล้วบรรลุพระอรหัต (ลกุณฏกภัททิยเถราปทาน) 72/321/472/321/4 72/314/4 |
144 | [๑๓๒] ท่านตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้มีปกติเพ่งพินิจ ยินดีในฌาน , ในกาลนี้ เกิดในสกุลกษัตริย์ในโกลิยนคร ได้เลื่อมใสในคราวที่พระศาสดาแสดงธรรมในนครกบิลพัสดุ์ จึงออกบวช ท่านมีความสงสัยในสิ่งที่ควรและไม่ควรมากมายพระศาสดาได้ทรงแนะนำข้อสงสัยทั้งปวง ท่านก็ข้ามพ้นสงสารได้. (กังขาเรวตเถราปทาน) 72/328/1772/328/17 72/320/11 |
145 | [๑๓๓] ท่านตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้มีลาภมาก ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า,ในกัปที่ 91 ท่านได้ถวายนมส้มกับน้ำผึ้งใหม่ แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้ากับภิกษุสงฆ์ 6,800,000 รูป. (สีวลิเถราปทาน) 72/332//972/332//9 72/323/13 |
146 | " บุคคลใดล่วงพ้นหนทางลื่น หล่ม สงสาร โมหะได้ ข้ามฝั่งแล้ว มีความเพียรเพ่งพินิจไม่มีความหวั่นไหวหมดความสงสัย ดับแล้วเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น เราเรียกบุคคลนั้นว่าเป็นพราหมณ์" (อ.สีวลิเถราปทาน) 72/343/1972/343/19 72/333/1 |
147 | กรรมที่ทำให้พระสีวลีต้องอยู่ในท้องมารดาถึง 7 ปี 7 เดือนและหลงครรภ์อยู่อีก 7 วัน(อ.สีวลิเถราปทาน) 72/344/1872/344/18 72/333/22 |
148 | พระสีวลีทดลองบุญของตนในที่ 8 แห่ง (อ.สีวลิเถราปทาน) 72/345/1672/345/16 72/334/17 |
149 | " พระอรหันต์อยู่ในที่ใด จะเป็นบ้านก็ตาม ป่าก็ตาม ที่ลุ่มก็ตาม ที่ดอนก็ตามที่นั้นย่อมเป็นภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ใจ" (อ.สีวลิเถราปทาน) 72/350/1272/350/12 72/338/26 |
150 | พระพุทธเจ้าทรงประกาศ สังวรวินัย ไว้แล้วจำนวน 9 พันโกฏิ ,180 โกฏิ* (ในฉบับปรับปรุงใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็น 8,000 โกฏิ),5 ล้านและอื่นอีก 36 (อ.สีวลิเถราปทาน) 72/351/472/351/4 72/339/14 |
151 | [๑๓๔] ท่านตั้งความปรารถนาตำแหน่งภิกษุผู้กล้ากว่านักพูด ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า, ในกาลนี้ ท่านรู้วิชาเคาะหัวกะโหลกคนตายแล้วร่ายมนตร์ ก็จะรู้สถานที่เกิดของผู้ตาย แต่ไม่สามารถรู้คติของพระอรหันต์จึงขอบวช พระศาสดาทรงบอกอาการ 32 เป็นกรรมฐาน เมื่อท่านกำลังสาธยายอาการ 32 อยู่ก็เริ่มบำเพ็ญวิปัสสนาแล้วกระทำให้แจ้งพระอรหัต. (วังคีสเถราปทาน) 72/352/372/352/3 72/340/17 |
152 | [๑๓๕] ท่านได้ถวายทานในพระปทุมุตตรพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ แล้วตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้ให้โอวาทแก่นางภิกษุณีทั้งหลาย , ในกาลนี้ ได้เห็นอัศจรรย์ ในวันที่พระศาสดาทรงรับพระเชตวัน จึงออกบวชได้บรรลุอรหัตผลโดยกาลไม่นาน ท่านสอนธรรมแก่นางภิกษุณีทั้งหลาย 500 รูป ด้วยกันล้วนเป็นผู้ไม่มีอาสวะ (นันทกเถราปทาน) 72/364/1572/364/15 72/352/3 |
153 | [๑๓๖] ท่านเกิดในสกุลอำมาตย์ในนครหังสวดี ได้สดับธรรมอันไพเราะ และทำสักการะ แด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้าแล้วตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้ทำสกุลให้เลื่อมใส , ในกาลนี้เกิดวันเดียวกันกับพระโพธิสัตว์ พระเจ้าสุทโธทนะ ส่งท่านมาทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ ครั้นได้ฟังธรรม แล้วก็ได้บรรลุอรหันต์.(กาฬุทายีเถราปทาน) 72/368/772/368/7 72/355/11 |
154 | สิ่ง 7 อย่าง ได้เป็นสหชาติกับพระโพธิสัตว์ และเกิดในวันเดียวกัน.(อ.กาฬุทายีเถราปทาน) 72/373/1872/373/18 72/360/1 |
155 | พระเจ้าสุทโธทนะ ได้บรรลุพระอรหัต ภายใต้เศวตฉัตร แล้วปรินิพพาน.(อ.กาฬุทายีเถราปทาน) 72/388/2172/388/21 72/372/12 |
156 | [๑๓๗] ท่านเกิดเป็นบุตรพราหมณ์ในนครหังสวดี ฉลาดในนิรุตติ ได้ฟังธรรมพระปปทุมุตตรพุทธเจ้าแล้วจึงบวช ได้รับสมมติให้เป็นเจ้าหมู่ เจ้าคณะในพระพุทธพจน์อันละเอียด ท่านได้กล่าวสดุดีพระพุทธเจ้า แล้วแสดงธรรมทุกวัน , ในกาลนี้ เป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร บวชแล้วไม่นาน ก็ได้บรรลุพระอรหัต ท่านกล่าวสดุดีพระชินวรเจ้าทุกเมื่อ จึงเป็นผู้มีร่างกาย และปากมีกลิ่นหอม มีปัญญากล้า มีปัญญาร่าเริง มีปัญญาเร็ว มีปัญญามาก และปฏิภาณอันวิจิตร ไม่ไปสู่อบายภูมิตลอดแสนกัป (อภยเถราปทาน) 72/390/1072/390/10 72/374/3 |
157 | [๑๓๘] ท่านบวชในศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้า กับเพื่อนชื่อจันทนะ จุติจากนั้นแล้ว ได้เข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต , ในกาลนี้ จันทนเทพบุตรเข้าถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ท่านเองเกิดเป็นโอรสของเจ้าศากยะในกบิลพัสดุ์ ได้เห็นปาฏิหาริย์ในคราวพระศาสดาเสด็จกบิลพัสดุ์ จึงบวชอาศัยอยู่ในกบิลพัสดุ์นั้น จันทนเทพบุตรได้มาเตือนท่านจึงได้ไปเรียน คาถาผู้มีราตรีเดียวเจริญกับพระศาสดา ท่านเรียนเอาสูตรนั้นบำเพ็ญกัมมัฏฐานได้บรรลุพระอรหันต์แล้ว (โสมสติยเถราปทาน) 72/396/372/396/3 72/379/3 |
158 | กัปมี 5 อย่าง คือ สารกัป มัณฑกัป สารมัณฑกัป วรกัป และภัททกัป.(อ.โสมสติยเถราปทาน) 72/401/872/401/8 72/383/14 |
159 | [๑๓๙] ท่านได้บวชในพระศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้า ประพฤติพรหมจรรย์จนสิ้นอายุ แล้วเกิดอยู่ชั้นดาวดึงส์ จากนั้นได้เกิดเป็นนกพิราบอยู่ใกล้ชิดคุ้นเคยกับภิกษุผู้อยู่ป่า ตายแล้วก็ได้ไปสวรรค์, ในกาลนี้เกิดในครรภ์ภรรยาของพราหมณ์วัจฉโคตร ในกบิลพัสดุ์ ได้เป็นสหายสนิทกับพระโพธิสัตว์ เมื่อพระโพธิสัตว์เสด็จออกบวชท่านก็บวชเข้าป่าหิมพานต์ เมื่อได้พบกับพระกัสสปะผู้อยู่ป่า สดับข่าวพระศาสดาจึงเดินทางไปเข้าเฝ้า ฟังธรรม บวชแล้วก็เข้าอยู่ในป่านั้น เป็นผู้ไม่ประมาทก็ได้เห็นอภิญญา 6 (วนวัจฉเถราปทาน) 72/402/372/402/3 72/384/5 |
160 | [๑๔๐] ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านได้ฟังธรรมแล้ว ถึงสรณะตลอดชีวิต ได้เอาของหอมทาพื้นพระคันธกุฎี เดือนหนึ่ง 8 วัน โดยปรารถนาให้ร่างกายมีกลิ่นหอมในภพที่เกิด , ในกาลนี้ เกิดในสกุลอันมั่งคั่ง เมื่ออยู่ในครรภ์มารดา มารดาก็ได้มีกลิ่นตัวหอม เมื่อคลอดออกมาได้มีกลิ่นหอมทั่วพระนคร. เมื่อท่านบวชบรรลุอรหันต์แล้ว สถานที่ที่ท่านอยู่มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว (จูฬสุคันธเถราปทาน) 72/406/1372/406/13 72/388/7 |
161 | [๑๔๑] ท่านเกิดเป็นพญานาค ได้ถวายข้าวและน้ำ พร้อมคู่ผ้าแด่พระสุเมธพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์หนึ่งแสนรูป , ในกาลแห่งพระสิทธัตถพุทธเจ้าได้เอารัตนะ 7 ประการบูชารอบต้นมหาโพธิ์, ครั้งพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านได้บวชในศาสนาบำเพ็ญสมณ-ธรรม , ในกาลนี้ เกิดเป็นบุตรนางสุชาดา ผู้ถวายภัตผสมน้ำนมแด่พระโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้ ท่านได้บรรลุโสดาบันจากการฟังธรรมพระศาสดา ได้บรรลุพระอรหัตขณะที่พระศาสดาแสดงธรรมแก่เศรษฐีผู้เป็นบิดา (ยสเถราปทาน) 72/415/472/415/4 72/395/4 |
162 | เศรษฐีผู้เป็นบิดาของพระยสเถระ ได้เป็นอุบาสกคนแรกในโลก ผู้กล่าวถึงสรณะ 3 .(อ.ยสเถราปทาน) 72/424/1272/424/12 72/402/25 |
163 | [๑๔๒] ท่านบวชเป็นดาบส ได้ถวายผลมะม่วงสุกแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า ด้วยการถวายผลไม้นั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (นทีกัสสปเถราปทาน) 72/428/372/428/3 72/406/3 |
164 | พระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ ทรมานอุรุเวลกัสสปะ และบริวาร.(อ.นทีกัสสปเถราปทาน) 72/430/672/430/6 72/407/19 |
165 | พระศาสดาแสดงอาทิตตปริยายสูตร แก่ภิกษุผู้เคยเป็นชฏิลเก่า 1,000 จบพระสูตรภิกษุเหล่านั้น มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะ (อ.นทีกัสสปเถราปทาน) 72/448/172/448/1 72/422/1 |
166 | [๑๔๓] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นดาบส ได้หาบผลไม้มายังอาศรม พระผู้มีพระภาคพระชินเจ้า ทรงแผ่พระรัศมีเสด็จมายังอาศรมนั้น ท่านมีจิตเลื่อมใสถวายบังคม แล้วประคองอัญชลี ถวายผลพุทราแด่พระพุทธเจ้า ด้วยการถวายผลไม้นั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (คยากัสสปเถราปทาน) 72/451/1672/451/16 72/424/3 |
167 | [๑๔๔] ท่านเก็บเอาดอกเข็มมาทำเป็นมณฑปบรรจุพระธาตุของพระกุกสันธพุทธเจ้า ด้วยกรรมนั้นท่านไม่รู้จักทุคติเลย (กิมิลเถราปทาน) 72/454/1672/454/16 72/426/12 |
168 | [๑๔๕] ในกัปที่ 94 ท่านได้ถวายผลไม้หมดทั้งพวง แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระรัศมีเป็นพัน ผู้ทรงออกจากนิโรธแล้ว เสด็จเที่ยวบิณฑบาตอยู่ ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย , ในกาลนี้ เกิดเป็นโอรสของเจ้าวัชชี ได้ฟังธรรมพระศาสดา มี ศรัทธาบวชแล้วบำเพ็ญวิปัสสนาไม่นาน ก็ได้อภิญญา 6 เมื่อใกล้กำหนดทำปฐม-สังคายนาท่านได้เตือนพระอานนท์ ผู้แวดล้อมอยู่กับบริษัทใหญ่ ให้สลดใจ ทำความอุตสาหะเพื่อบรรลุมรรคผลที่สูงกว่านั้น. (วัชชีปุตตเถราปทาน) 72/457/1172/457/11 72/428/20 |
169 | [๑๔๖] ท่านเป็นวิทยาธร ได้บูชาพระสุเมธพุทธเจ้า ด้วยดอกไม้ จึงได้รับ ผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า (อุตตรเถราปทาน) 72/461/1072/461/10 72/432/8 |
170 | ในกาลนี้ ท่านเป็นบุตรพราหมณ์มหาศาลในกรุงราชคฤห์ มีอัธยาศัยในการบวชจึงปฏิเสธ วัสสการพราหมณ์ที่จะยกลูกสาวให้. ท่านจึงได้บรรพชากับพระสารีบุตร วันหนึ่งถูกพวกตำรวจจับเพราะเข้าใจว่าเป็นโจร วัสสการพราหมณ์ไม่ได้ไต่สวนเลยสั่งเสียบหลาวแล้ว พระศาสดาเสด็จไปเอาพระหัตถ์ลูบศีรษะท่านแล้วแสดง ธรรมเพราะญาณแก่กล้า ท่านจึงได้บรรลุอภิญญา 6 แล้วแสดงปาฏิหาริย์ในที่นั้น.(อ.อุตตรเถราปทาน) 72/468/1672/468/16 72/437/5 |
171 | การเล่นจับแมลง และสัตว์เสียบหลาว ต้องเสวยทุกข์ถูกเสียบหลาว ตั้งหลายร้อยชาติ (อ.อุตตรเถราปทาน) 72/470/2172/470/21 72/438/22 |
172 | [๑๔๗] ในกัปที่ 94 เมื่อพระสิทธัตถพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านได้ประชุมกันระหว่างพวกญาติ ทำการบูชาพระธาตุ เพราะกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย, ในกาลนี้ ได้เห็นยมกปาฏิหาริย์ ที่เมืองสาวัตถี แล้วเลื่อมใส ครั้นบรรพชาแล้วไปยังกรุงราชคฤห์กับพระศาสดา ได้อุปสมบทแล้วเที่ยวจาริกไป เริ่มเจริญวิปัสสนา ไม่นานก็ได้อภิญญา 6 (อปรอุตตรเถราปทาน) 72/472/372/472/3 72/439/20 |
173 | [๑๔๘] ท่านเป็นดาบสได้ถวายเหง้าบัว น้ำนม เนยใส และน้ำผึ้ง แด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า เมื่อกลับไปยังอาศรม นั่งระลึกถึงทานนั้นอยู่ ฟ้าได้ผ่าท่านตายไปเกิดอยู่ชั้นดุสิต ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (ภัททชิเถราปทาน) 72/474/872/474/8 72/442/3 |
174 | ในกัปที่ 91 ท่านได้นิมนต์ ภิกษุ *1,800,000 รูป (ในฉบับปรับปรุงใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นภิกษุ 6,800,000 รูป) ให้ใช้สอยไตรจีวร ,ในกาลหนึ่ง ได้บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า 500 พระองค์ ด้วยปัจจัย 4 , ครั้งหนึ่งได้บำรุงบุตรของตน ผู้บรรลุพระปัจเจกโพธิญาณ แล้วถือเอาพระธาตุสร้างเป็นเจดีย์บูชา.(อ.ภัททชิเถราปทาน) 72/478/172/478/1 72/445/1 |
175 | คฤหัสถ์ผู้บรรลุพระอรหัตแล้ว ถ้าไม่บวช ก็ต้องนิพพานในวันนั้น.(อ.ภัททชิเถราปทาน) 72/478/2072/478/20 72/445/20 |
176 | พวกญาติของพระภัททชิในครั้งก่อน ได้เกิดเป็นปลาเต่าและกบ ด้วยความโลภในปราสาท (อ.ภัททชิเถราปทาน) 72/480/672/480/6 72/446/25 |
177 | [๑๔๙] ในกัปที่ 91 ท่านได้ถวายขนมกุมมาสจนเต็มบาตร แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า,ในกาลนี้ เกิดในสกุลพราหมณ์ในกรุงราชคฤห์ เมื่อจบการศึกษาศิลปะทั้งหลายแล้วออกบวชเป็นดาบสท่องเที่ยวจาริกไป ได้เข้าเฝ้าพระศาสดาฟังธรรมแล้ว ได้มีศรัทธาบวช บำเพ็ญวิปัสสนา ไม่นาน ก็ได้บรรลุพระอรหัต (สิวกเถราปทาน) 72/481/372/481/3 72/448/3 |
178 | [๑๕๐] พวกมนุษย์ เทวดา ครุฑ นาค กุมภัณฑ์ ยักษ์ และคนธรรพ์ สร้างพระสถูปของพระปทุมุตตรพุทธเจ้าสูง 7 โยชน์ มียักษ์ชื่อ อภิสัมมตะ เป็นผู้นำสิ่งบูชาลอยขึ้นไปในอากาศ (อุปวานเถราปทาน) 72/483/372/483/3 72/450/3 |
179 | [๑๕๐] ท่านเป็นคนทำงานรับจ้าง ได้ทำความสะอาด เช็ดล้างพระสถูปและยกธงแผ่นผ้าขึ้นปลายไม้ไผ่ เห็นธงของตนลอยไปในอากาศ มีจิตเลื่อมใสแล้วเข้าไปหาภิกษุ ถามถึงวิบากในการถวายธง (อุปวานเถราปทาน) 72/488/1072/488/10 72/453/16 |
180 | เมื่อพระศาสดาอาพาธด้วยโรคลม ท่านได้เข้าไปขอน้ำอุ่นและเภสัช กับเทวหิต-พราหมณ์ ที่ได้ไปปวารณาด้วยปัจจัย 4 แก่ท่านไว้ ทำโรคของพระศาสดาให้ระงับไป.(อ.อุปวานเถราปทาน) 72/492/1972/492/19 72/457/2 |
181 | [๑๕๑] ท่านได้สละทรัพย์ให้สร้างปราสาท กระทำการถวายทานด้วยเครื่องไทย-ธรรมมีราคามาก แด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า และภิกษุสงฆ์ , ในกัปที่ 92 ได้เป็นผู้ทำกิจบำเพ็ญบุญให้แก่ พระราชโอรส 3 พระองค์ ซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดากับพระผุสสพุทธเจ้า , ในกาลนี้ บังเกิดในเรือนของรัฐปาลเศรษฐี ได้ฟังธรรมพระศาสดาแล้วมีศรัทธาอ้อนวอนบิดา มารดา เพื่อให้อนุญาตในการบวช ท่านต้องอดอาหารถึง 7 วันครั้นบวชแล้ว เจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัต (รัฐปาลเถราปทาน) 72/496/372/496/3 72/460/3 |
182 | [๑๔๑] ท่านได้ร่วมกันกับหญิงสหายอีก 2 คน คือ นางธนัญชานี นางเขมา ได้สร้างสังฆาราม มอบถวายสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข , สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ได้เป็นพระสหายของราชธิดา 7 พระองค์ ของพระเจ้ากิกี ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ในเรือน ครั้นละร่างมนุษย์ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเสวยสุขในสวรรค์ชั้นสูงขึ้นไป.(สุเมธาเถรีอปทาน) 72/505/672/505/6 72/466/7 |
183 | [๑๔๒] ท่านได้ถวายสายสะอิ้ง(สายรัดเอวหญิง) เพื่องานสร้างพระสถูปของพระสิทธัตถพุทธเจ้าด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติ (เมขลทายิกาเถรีอปทาน) 72/508/372/508/3 72/469/3 |
184 | [๑๔๓] ท่านได้ให้นายช่างสร้างมณฑปถวายพระพุทธเจ้าพระนามว่าโกนาคมนะและได้สร้างพระสถูปอันบวรของพระพุทธเจ้า ท่านไปยังชนบท นิคมหรือราชธานีใดๆ ย่อมได้รับการบูชาในที่นั้นๆ นี้เป็นผลของบุญ (มัณฑปทายิกาเถรีอปทาน) 72/509/872/509/8 72/470/3 |
185 | [๑๔๔] เมื่อพระโกณฑัญญพุทธเจ้า เสด็จดำเนินไปที่ถนน ท่านออกจากเรือน แล้วนอนคว่ำหน้า ครั้งนั้นพระศาสดาได้เสด็จเหยียบไปบนศีรษะของท่าน แล้วเสด็จเลยไป ท่านได้ไปสวรรค์ชั้นดุสิต ก็เพราะจิตเลื่อมใสนั้น (สังกมนทาเถรีอปทาน) 72/510/372/510/3 72/471/3 |
186 | [๑๔๕] ในกัปที่ 94 ท่านได้เกิดเป็นนางกินรีอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ได้พบพระสยัมภูพุทธเจ้า แล้วมีจิตเลื่อมใสประนมอัญชลี เก็บเอาดอกอ้อมาบูชา พระสยัมภูเพราะกรรมนั้น และเพราะการตั้งเจตน์จำนงไว้ ตายแล้วได้ไปสู่ดาวดึงส์.(นฬมาลิกาเถรีอปทาน) 72/510/1972/510/19 72/472/3 |
187 | [๑๔๖] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นอัครมเหสีของ กษัตริย์ พระนามว่า พันธุมาได้ถวายข้าวที่ระคนด้วยน้ำนมและนมส้ม แก่สมณะผู้มีอินทรีย์อบรมแล้วรูปหนึ่ง ท่านนึกถึงอารมณ์นั้นตลอดสิ้นชีวิต ยังจิตให้เลื่อมใสแล้วได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์.(เอกปิณฑปาตทายิกาเถรีอปทาน) 72/512/372/512/3 72/473/8 |
188 | [๑๔๗] ในกัปที่ 92 ท่านได้ตักภิกษาทัพพีหนึ่ง ถวายบิณฑบาตแด่พระติสสพุทธเจ้าด้วยทานนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (กฏัจฉุภิกขาทายิกาเถรีอปทาน) 72/514/372/514/3 72/475/6 |
189 | [๑๔๘] ในกัปที่ 31 ท่านเป็นอัครมเหสีของ พระมหากษัตริย์ พระนามว่าอรุณ ได้บูชาพระสัมพุทธเจ้า ด้วยดอกอุบล 7 ดอก ดอกอุบลเหล่านั้น กั้นแดดอยู่เหนือพระเศียรพระพุทธเจ้า ท่านยังจิตให้เลื่อมใสในกาลนั้น แล้วได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไม่รู้จักทุคติเลย (สัตตอุปลมาลิกาเถรีอปทาน) 72/515/1472/515/14 72/477/3 |
190 | [๑๔๙] ในกัปที่ แสนแต่กัปนี้ ท่านเป็นหญิงนักท่องเที่ยวจากอารามสู่อาราม ได้อธิษฐานให้เกิดปาฏิหาริย์ที่ไม้โพธิ์ เมื่อเห็นปาฏิหาริย์แล้ว จึงนั่งใต้ต้นโพธิ์ 7 วัน7 คืน แล้วบูชาด้วยประทีป 5 ดวง ในกาลนี้ พอเกิดได้อายุ 7 ขวบ ได้บรรลุอรหัตพระศาสดาจึงให้อุปสมบท (ปัญจทีปิกาเถรีอปทาน) 72/518/1172/518/11 72/479/15 |
191 | [๑๕๐] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นหญิงหาบน้ำขาย ได้ตั้งไว้ในซุ้มน้ำ ถวายในบุญเขตอันยอดเยี่ยม ด้วยกรรมนั้นในสรีระ ไม่มีความเร่าร้อน หรือความกระวนกระวายเลยละอองธุลีก็ไม่มีในกาย ต้องการน้ำเมื่อใด ย่อมได้โดยเร็วพลัน. (อุทกทายิกาเถรีอปทาน) 72/522/372/522/3 72/482/14 |
192 | [๑๕๑] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นนางกุมภทาสี เห็นเสนาพร้อมด้วยพระมหากษัตริย์ ยังรักษาอุโบสถ จึงพิจารณาเห็นทุคติและความเป็นคนยากไร้ แล้วทำให้จิตใจร่าเริงรักษาอุโบสถศีล ได้ไปเกิดอยู่ดาวดึงส์ มีทุกอย่างตามประสงค์ ตั้งแต่วิมาน ยานเครื่องประดับ ข้าว น้ำ เป็นต้น , ในกาลนี้ มีอายุ 7 ขวบ ได้ออกบวชบรรลุอรหัตเมื่อยังไม่ทันจะถึงครึ่งเดือน (เอกุโปสถิกาเถรีอปทาน) 72/525/472/525/4 72/485/4 |
193 | [๑๕๒] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นนางกินรี ได้เห็นพระวิปัสสีพุทธเจ้า เสด็จจงกรมอยู่จึงเก็บดอกช้างน้าวมาถวายแด่พระองค์ ด้วยกรรมนั้น ท่านไม่รู้จักทุคติเลย. (สลฬปุปผิกาเถรีอปทาน) 72/527/1572/527/15 72/487/14 |
194 | [๑๕๓] ท่านเป็นนางกุมภทาสี ได้ถวายขนมต้ม 3 ชิ้น แก่สมณะผู้มีจิตสงบ มีใจเป็นสมาธิ เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และการตั้งเจตน์จำนงไว้ จึงไม่ได้ไปสู่วินิบาตเลยตลอด 29 กัป (โมทกทายิกาเถรีอปทาน) 72/528/1772/528/17 72/489/3 |
195 | [๑๕๔] ในกัปที่แสน แต่กัปนี้ ท่านเป็นหญิงช่างกรอง(ร้อย)ดอกไม้ ได้พบพระสมณกำลังเดินไปตามถนนในเวลาจะเที่ยงวัน จึงปูอาสนะด้วยผ้าโกเชาว์อันวิจิตร นิมนต์ให้รับอาหารที่หุงต้มไว้ ด้วยทานนั้น จึงไม่รู้จักทุคติ (เอกาสนทายิกาเถรีอปทาน) 72/529/1372/529/13 72/490/3 |
196 | [๑๕๕] ผลของการถวายประทีป 5 ดวง (ปัญจทีปทายิกาเถรีอปทาน) 72/532/1672/532/16 72/493/3 |
197 | [๑๕๖] ท่านเกิดเป็นนางกินนรี ได้พบพระสยัมภูพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี จึงมีจิตเลื่อมใสเกิดปีติ ประนมอัญชลีแล้วเก็บเอาดอกอ้อมาบูชาพระสยัมภู ด้วยพุทธ-บูชานั้น.ท่านไม่รู้จักทุคติเลย (นฬมาลิกาเถรีอปทาน) 72/536/372/536/3 72/496/3 |
198 | [๑๕๗] พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ได้ปลงอายุสังขาร พร้อมภิกษุณี 500 รูป และพระเขมาภิกษุณี เป็นต้น พื้นภูมิภาคหวั่นไหว กลองทิพย์ดังขึ้นเอง แล้วเสด็จไปกราบทูลอนุญาตจากพระศาสดา ช่วงนั้นพระโกณฑัญญะ พระอานนท์ พระราหุล ยังมีชีวิตอยู่ (มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/537/1172/537/11 72/497/13 |
199 | [๑๕๗] เมื่อพระมหาปชาบดีโคตมี ไปลาพระราหุล พระอานนท์และพระนันทะ เพื่อนิพพาน พระอานนท์ได้ร้องไห้คร่ำครวญ (มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/547/1972/547/19 72/505/25 |
200 | [๑๕๗] " ท่านจงดูสาวกทั้งหลายผู้ปรารภความเพียร ตั้งใจแน่วแน่ มีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ เป็นคนพร้อมเพรียงกัน นี้เป็นการชมเชยพระพุทธเจ้าทั้งหลาย".(มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/549/1972/549/19 72/507/14 |
201 | [๑๕๗] พระศาสดา ให้พระโคตมีเถรี แสดงฤทธิ์เพื่อตัดความสงสัยของคนพาล ในการตรัสรู้ธรรมของสตรีทั้งหลาย (มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/550/1272/550/12 72/508/11 |
202 | [๑๕๗] ท่านเกิดในสกุลอำมาตย์ ได้ถวายมหาทาน 7 วัน ตั้งความปรารถนาเป็นพระภิกษุณีผู้เป็นพระมาตุจฉาต่อ พระปทุมุตตรพุทธเจ้า , สมัยหนึ่งได้เป็นภรรยาหัวหน้าทาส ร่วมกันกับญาติ 500 คน อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้า 500 พระองค์ตลอด 4 เดือน แล้วถวายไตรจีวร (มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/552/2172/552/21 72/510/7 |
203 | [๑๕๗] พระพุทธเจ้าทรงตำหนิรูปกายของพระองค์ว่าเป็นของเลวทราม.(มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/559/572/559/5 72/515/4 |
204 | [๑๕๗] พระมหาปชาบดีเถรี ได้เข้ารูปฌาน และอรูปฌาน ตามลำดับอนุโลม และปฏิโลม แล้วเข้าปฐมฌานถึง จตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌาน แล้วดับไป เหมือนเปลวประทีปที่หมดเชื้อดับไปฉะนั้น (มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/560/872/560/8 72/515/24 |
205 | [๑๕๗] งานศพของพระมหาปชาบดีเถรี มีพระพุทธเจ้า และภิกษุสงฆ์ไปร่วมด้วย.(มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน) 72/561/1672/561/16 72/517/1 |
206 | [๑๕๘] ท่านเกิดในสกุลเศรษฐี ได้ถวายมหาทาน 7 วัน ตั้งความปรารถนา เป็นเลิศภิกษุณีผู้มีปัญญามากต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า , ในกัปที่ 91 ได้บวชในศาสนาของพระวิปัสสีพุทธเจ้า เป็นพหูสูต มีปัญญาละเอียดประพฤติพรหมจรรย์อยู่หมื่นปี (เขมาเถรีอปทาน) 72/566/1872/566/18 72/521/3 |
207 | [๑๕๘] ครั้งพระโกนาคมนพุทธเจ้า ท่านได้ร่วมกับหญิงสหายอีก 2 คน ชื่อธนัญชานีและสุเมธา สร้างวิหารอุทิศถวายพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวก , สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเป็นราชธิดาคนใหญ่ของ พระเจ้ากิกี ประพฤติกุมารีพรหม-จรรย์ 20,000 ปี (เขมาเถรีอปทาน) 72/569/2172/569/21 72/523/16 |
208 | [๑๕๙] พระศาสดาให้พระอุบลวรรณาเถรี แสดงฤทธิ์ ตัดความสงสัยแห่งบริษัท 4ในวันนั้น (อุบลวรรณาเถรีอปทาน) 72/580/672/580/6 72/532/3 |
209 | [๑๕๙] ท่านเป็นนางนาคกัญญา ได้ถวายมหาทาน ปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้มีฤทธิ์ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้าในกัปที่ 91 ได้ถวายมหาทานแด่พระวิปัสสีพุทธเจ้าพร้อมพระสงฆ์ , สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเป็นธิดาคนที่สองของพระเจ้ากิกีได้ประพฤติกุมารีพรหมจรรย์อยู่ 20,000 ปี (อุบลวรรณาเถรีอปทาน) 72/584/172/584/1 72/534/21 |
210 | [๑๕๙] ท่านได้ถวายข้าวตอก แด่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ปรารถนามีบุตร500 คน , กาลหนึ่ง เกิดเป็นนางปทุมวดี มีบุตร 500 คน ได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง 500 พระองค์ (อุบลวรรณาเถรีอปทาน) 72/588/772/588/7 72/538/11 |
211 | [๑๖๐] ท่านเกิดในสกุลเศรษฐีได้ถวายมหาทาน 7 วัน ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้ทรงวินัย , ครั้งพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเกิดเป็นธิดาคนที่ 3 ของพระเจ้า-กิกี , ในกาลนี้ เป็นลูกสาวเศรษฐี ได้ไปอยู่ชนบทกับสามี มีลูก 2 คน เมื่อคนเหล่านั้นตายพร้อมๆ กันจึงเศร้าโศก ได้ฟังพระพุทธพจน์ บรรลุโสดาบัน เมื่อบวชแล้วไม่นานก็บรรลุอรหันต์ (ปฏาจาราเถรีอปทาน) 72/592/372/592/3 72/542/3 |
212 | [๑๖๑] ท่านเกิดในสกุลเศรษฐี ได้ถวายทานแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้ตรัสรู้เร็ว , ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเกิดเป็นธิดาองค์ที่ 4 ของพระเจ้ากิกี , ในกาลนี้ เป็นธิดาเศรษฐีได้โจรเป็นสามี ท่านเอาชีวิตรอดจากสามีที่ปรารถนาจะฆ่าท่านได้แล้ว จึงไปบวชเป็นปริพาชิกา เมื่อได้ฟังธรรมพระศาสดาแล้วยังธรรมจักษุให้หมดจด บวชแล้วได้เห็นน้ำล้างเท้าน้อยหนึ่งคิดเห็นว่า สังขารทั้งปวงย่อมมีความเกิด และความดับ ได้บรรลุพระอรหันต์.(กุณฑลเกสีเถรีอปทาน) 72/598/372/598/3 72/548/4 |
213 | [๑๖๒] ท่านได้ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง , ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า เกิดเป็นราชธิดาองค์ที่ 5 ของพระเจ้ากิกี ได้ประพฤติพรหม-จรรย์อยู่ 20,000 ปี , ในกาลนี้ บุตรของท่านตาย ด้วยความโศกเศร้าจึงอุ้มศพบุตรน้อยเข้าไปเฝ้าทูลขอยาที่แก้บุตรตายให้กลับเป็น จากพระศาสดา พระองค์สั่งให้ไปหาเมล็ดพันธุ์ผักกาดจากเรือนที่ไม่มีคนตายมา ครั้นหาจนทั่วเมืองจึงกลับได้สติ ทิ้งศพลูกน้อย แล้วไปฟังธรรมยังธรรมจักษุให้หมดจด ครั้นบวชแล้วประกอบความเพียรไม่นาน ก็บรรลุพระอรหันต์ (กิสาโคตมีเถรีอปทาน) 72/604/1572/604/15 72/554/11 |
214 | [๑๖๒] " อนิจจตาธรรมนี้ ไม่ใช่ธรรมเฉพาะบ้าน ไม่ใช่ธรรมเฉพาะนิคม ไม่ใช่ธรรมเฉพาะสกุลเดียว เป็นธรรมของโลกทั้งปวง พร้อมทั้งเทวโลก" (กิสาโคตมีเถรีอปทาน) 72/608/1472/608/14 72/557/15 |
215 | [๑๖๓] ท่านเป็นหญิงรับจ้างทำการงานของคนอื่น ได้ถวายอาหารแด่พระสุชาตะอัครสาวกของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า แล้วได้เป็นลูกสะใภ้เศรษฐี จากนั้นได้ถวายมหาทาน ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้เป็นธรรมกถึก ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า , ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า เกิดเป็นพระราชธิดาองค์ที่ 6 ของพระเจ้ากิกีได้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ 20,000 ปี , ในกาลนี้ เมื่อสามีได้บรรลุอนาคามิผล แล้วท่านจึงขออนุญาตสามีออกบวช ไม่นานได้บรรลุอรหัตผล (ธรรมทินนาเถรีอปทาน) 72/610/672/610/6 72/559/3 |
216 | [๑๖๔] ท่านเป็นพระภคินีต่างมารดาแห่งพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ได้ถวายทานและบูชา พระพุทธเจ้าแล้วตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้มีทิพยจักษุ , ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเป็นปริพาชิกา มีใจผ่องใสเอาน้ำมันตามประทีปบูชาพระเจดีย์แห่งพระพุทธเจ้า , ในกาลนี้ เกิดในสกุลพราหมณ์ ได้เห็นพระศาสดามีจิตเลื่อมใสได้บรรพชา แล้วไม่นานก็บรรลุอรหัตผล (สกุลาเถรีอปทาน) 72/615/372/615/3 72/563/3 |
217 | [๑๖๕] ท่านเกิดในสกุลเศรษฐี ได้ถวายมหาทานตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้มีฌาน , ในกาลนี้ เป็นพระธิดาของพระเจ้าสุทโธทนะ เป็นผู้มีรูปงาม ได้ออกบวชด้วยความไม่เต็มใจ อาศัยรูปเนรมิตที่พระศาสดาทรงแสดงให้เห็น อสุภารมณ์แล้วตรัสธรรมนั้น ได้บรรลุซึ่งอรหัตผล (นันทาเถรีอปทาน) 72/620/372/620/3 72/567/3 |
218 | [๑๖๖] ท่านได้ความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุณีผู้ปรารภความเพียร, ในกาลนี้เกิดในสกุลเศรษฐี ไปสู่สกุลสามีคลอดบุตรชาย 10 คน ทั้งสามีและบุตรไปบวชหมด ท่านจึงไปบวช พวกภิกษุณีให้ท่านต้มน้ำอยู่ในสำนักคนเดียว ขณะนั้นท่านก็เริ่มเพียรทางจิต พิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา ได้บรรลุอรหัตผล (โสณาเถรีอปทาน) 72/627/1772/627/17 72/573/7 |
219 | [๑๖๗] ในกัปที่ แสนแต่กัปนี้ ท่านเป็นภรรยาของวิเทหเศรษฐี เศรษฐีนั้นได้ถวายมหาทาน 7 วัน ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้ทรงธุดงค์ ต่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้า เมื่อพระศาสดาปรินิพพานแล้ว เศรษฐีพร้อมญาติมิตรได้สร้างพระสถูป สูง 7 โยชน์ ส่วนภรรยาเอารัตนะ 7 อย่าง ทำตะเกียง 7 แสนดวง และสร้างเครื่องบูชาพระศาสดา ได้ถวายทานแก่พระสงฆ์ผู้กล่าวธรรม ตลอดชั่วชีวิต .(ภัททกาปิลานีเถรีอปทาน) 72/631/372/631/3 72/576/3 |
220 | [๑๖๗] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นพราหมณีของเอกสาฎกพราหมณ์ ได้อนุโมทนาบุญกับพราหมณ์ที่ถวายผ้าห่ม แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า , จากนั้นเกิดเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพาราณสี ได้ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า 8 พระองค์ (ภัททกาปิลานีเถรีอปทาน) 72/634/772/634/7 72/578/14 |
221 | [๑๖๗] ท่านเกิดเป็นหญิงมีกลิ่นตัวเหม็น เพราะทำความไม่ดี หยาบคายต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า (ภัททกาปิลานีเถรีอปทาน) 72/637/172/637/1 72/580/18 |
222 | [๑๖๗] ท่านเกิดเป็นพระมเหสี ของพระเจ้านันทะ ได้บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า 500พระองค์ ผู้เป็นพระโอรสแห่งพระนางปทุมวดี จนตลอดชีวิต และให้สร้างเจดีย์หลายหลายองค์ , ในกาลนี้ เป็นภรรยาของปิปผลายนะพราหมณ์ เมื่อพราหมณ์ออกบวชแล้ว ท่านก็บวชอยู่ในสำนักปริพาชก 5 ปี แล้วเข้าบวชในสำนักพระนางโคตมีเถรี ต่อมาพระศาสดาโปรดสั่งสอน แล้วไม่นาน ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล.(ภัททกาปิลานีเถรีอปทาน) 72/638/472/638/4 72/581/21 |
223 | [๑๖๘] เมื่อพระยโสธราเถรีอายุ 78 ปี ได้เข้าเฝ้ากราบทูลลาเพื่อนิพพาน พระศาสดาตรัสให้แสดงฤทธิ์เพื่อตัดความสงสัยของบริษัททั้งปวงในศาสนา (ยโสธราเถรีอปทาน) 72/640/1472/640/14 72/584/3 |
224 | [๑๖๘] ใน 4 อสงไขยแสนกัป สมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า ท่านเป็นนางสุมิตตา ได้ถวายดอกบัว 5 ดอกแก่ สุเมธดาบส ปรารถนา(ทำกุศลร่วมกัน) เสมอกับดาบสนั้นเพื่อประโยชน์แก่โพธิญาณ (ยโสธราเถรีอปทาน) 72/646/1572/646/15 72/589/9 |
225 | [๑๖๘] ท่านมีอธิการเป็นอันมากได้ถวายทานให้เป็นไปแล้วใน พระพุทธเจ้าเป็นแสนโกฏิใน พระปัจเจกพุทธเจ้า 8 โกฏิ* (ในฉบับปรับปรุงใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า 88 โกฎิ) ในพระพุทธสาวกมาก นับไม่ถ้วน.(ยโสธราเถรีอปทาน) 72/649/2072/649/20 72/592/1 |
226 | [๑๖๙] บุพจริยาของพระเถรี 10,000 รูป ได้ตั้งความปรารถนามาใน 4 อสงไขยแสนกัป จากที่พระทีปังกรพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์ว่า สุเมธบัณฑิตกับนางสุมิตตามีสุขและทุกข์ ร่วมกัน. (ทสสหัสสเถรีอปทาน) 72/653/372/653/3 72/595/11 |
227 | [๑๗๐] บุพจริยาของพระเถรี 18,000 รูป เกิดในศากิยสกุล ได้ตั้งความปรารถนาร่วมกับสุเมธดาบส ตั้งแต่ครั้งพระทีปังกรพุทธเจ้า (อัฏฐารสสหัสสเถรีอปทาน) 72/655/972/655/9 72/597/16 |
228 | [๑๗๑] ขัตติยกัญญาเถรี 18,000 รูป มีพระยสวดีเถรีเป็นหัวหน้า ได้บำเพ็ญกุศล-กรรมแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวกทั้งหลายเพื่อประโยชน์แก่พระศาสดา ทั้งหมดร่วมกันก่อสร้างกรรม(สะพาน)โดยชาติร่วมกัน จึงได้มาเกิดในตระกูลกษัตริย์ร่วมกัน เบื่อหน่ายร่วมกันออกบวชเป็นภิกษุณี 2-3 วัน ก็ดับทุกข์ทั้งหมดด้วยกัน (อัฏฐรสสหัสสขัตติยกัญญาเถรีอปทาน) 72/665/472/665/4 72/606/5 |
229 | [๑๗๒] ในสมัยพระปทุมุตตรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เป็นรัฐบุรุษ ชื่อ ชัชชิยะ(ชฎิละ) ได้ร่วมกันกับเหล่าสตรี บุรุษ สกุลสูงและต่ำ ให้ช่างจัดสร้างสะพานและวิหาร ถวายแก่สงฆ์ แล้วนิมนต์พระพุทธเจ้าถวายมหาทานแล้วปรารถนาความตรัสรู้, ในกาลนี้สตรีทั้ง 84,000 มาเกิดในสกุลพราหมณ์ และได้มาในพระนิเวศน์แห่งพระศากยบุตร (จตุราสีติสหัสสพราหมณกัญญาเถรีปอทาน) 72/667/372/667/3 72/608/8 |
230 | [๑๗๓] ในกัปที่ 91 ท่านเป็นมเหสีของ กษัตริย์องค์หนึ่ง พระนามว่าอรุณ ได้ถวายภัตตาหารอย่างประณีตจนเต็มบาตร แด่พระสมณะองค์หนึ่งผู้อบรมอินทรีย์แล้วได้ถวายผ้าผืนใหญ่ ดอกไม้ และน้ำมันเครื่องไล้ทาอย่างดี , ในกาลนี้ เป็นธิดาแห่งพระเจ้าสุทโธทนะ เบื่อหน่ายในอาคารสถาน (การครองเรือน) จึงออกบวชเป็น ภิกษุณีถึงราตรีที่ 7 ก็ได้บรรลุอรหัตผล (อุปปลทายิกาเถรีอปทาน) 72/674/372/674/3 72/614/3 |
231 | [๑๗๔] ท่านบวชเป็นภิกษุณีในศาสนาของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ตั้งความปรารถนา เป็นเลิศภิกษุณีผู้สัทธาธิมุตติ , ในกาลนี้ เป็นมารดาของสิงคาลมาณพได้ฟังธรรมที่พระศาสดาแสดงแก่บุตรชาย จึงได้บรรลุโสดาปัตติผล แล้วออกบวชเจริญพุทธานุสสติอยู่ไม่นาน ก็ได้บรรลุอรหัตผล (สิงคาลมาตาเถรีอปทาน) 72/677/1472/677/14 72/617/6 |
232 | [๑๗๕] ท่านได้บวชเป็นภิกษุณี ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ตั้งแต่พระวิปัสสีพุทธเจ้าจนถึงพระกัสสปพุทธเจ้า เป็นพหูสูตทรงธรรม , ในกาลนี้ ได้เห็นพุทธานุภาพตอนเสด็จกรุงราชคฤห์ ฟังธรรมแล้ว มีจิตเลื่อมใส ต่อมาก็ออกบวชเป็นภิกษุณีในสำนักของพระธรรมทินนาเถรี ได้บรรลุอรหัตเมื่อกำลังปลงผม เมื่อท่านแสดงธรรมอยู่ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่ประชุมชนหลายพัน (สุกกาเถรีอปทาน) 72/681/1772/681/17 72/621/3 |
233 | [๑๗๖] ในกัปที่ 91 ท่านเกิดในสกุลใหญ่ที่มั่งคั่ง ได้ฟังธรรมพระวิปัสสีพุทธเจ้าแล้วถึงพระองค์เป็นสรณะ ครั้นพระองค์ปรินิพพานแล้ว ได้เอาฉัตรทองบูชาไว้ ณ เบื้องบนแห่งพระสถูปที่บรรจุพระธาตุ , ในกาลนี้ เป็นธิดาของเจ้าเขมกศากยะ เป็นผู้มีรูปงาม พวกศากยราชหมายปองกันมาก พระบิดาจึงให้บวช. ครั้นบวชแล้วพระศาสดาทรงแสดงให้เห็นรูปเนรมิต หญิง 3 ชนิด คือ หญิงสาวสวย หญิงแก่ หญิงตายแล้ว ท่านจึงเบื่อหน่ายในกายได้ และสิ้นอาสวะทั้งปวง (อภิรูปนันทาเถรีอปทาน) 72/686/1272/686/12 72/625/3 |
234 | [๑๗๗] ในสมัย พระกัสสปพุทธเจ้า ท่านได้บวชเป็นภิกษุณีแล้วด่าภิกษุณีผู้เป็นอรหันต์ องค์หนึ่งครั้งเดียวว่านางแพศยา ด้วยกรรมนั้น จึงหมกไหม้ในนรก เศษที่เหลือได้เกิดในสกุลหญิงแพศยา , ในกาลนี้ เกิดในสกุลเศรษฐี ก็ยังถูกตั้งให้เป็นหญิงแพศยา ครั้นได้ฟังธรรมพระศาสดาแล้ว บวชเป็นภิกษุณีด้วยการอุปสมบทด้วยทูต(อัฑฒกาสีเถรีอปทาน) 72/690/372/690/3 72/628/7 |
235 | [๑๗๘] ท่านได้บวชเป็นภิกษุณีในศาสนาของพระพุทธเจ้า 6 พระองค์ ตั้งแต่พระวิปัสสีพุทธเจ้า จนถึงพระกัสสปพุทธเจ้า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นพหูสูต แต่ถือตัวจัดเพราะความเป็นพหูสูต ในกาลนี้ จึงเกิดเป็นนางกุมภทาสี ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ทำโสตถิยพราหมณ์ ผู้อาบน้ำล้างบาป ให้มีความสลดใจไปบวชแล้วได้พระอรหันต์ ท่านให้เศรษฐีอนุโมทนาบุญ(ขออนุญาต) แล้วออกบวชเป็นภิกษุณีไม่นานก็บรรลุพระอรหัต (ปุณณิกาเถรีอปทาน) 72/692/372/692/3 72/630/8 |
236 | [๑๗๙] ท่านเป็นภคินีแห่งพระปุสสพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมถวายมหาทานแล้ว ปรารถนา ซึ่งรูปสมบัติ, ในกัปที่ 31 เกิดในสกุลพราหมณ์ ได้ด่าภิกษุณีผู้เป็นอรหันต์องค์หนึ่ง ในสมัยพระสิขีพุทธเจ้า ว่าเป็นหญิงแพศยาแล้วต้องไปตกนรก จากนั้นเกิดเป็นหญิงแพศยาอยู่ 10,000 ชาติ , ท่านได้บวชเป็นภิกษุณีในศาสนา พระกัสสปพุทธเจ้า ในกาลนี้ เป็นโอปปาติกะเกิดในระหว่างกิ่งมะม่วง ได้เป็นหญิง-แพศยา ประชาชนหลายโกฏิแห่ล้อมมาบวชในพุทธศาสนา แล้วได้บรรลุพระอรหัต.(อัมพปาลีเถรีอปทาน) 72/694/1472/694/14 72/633/3 |
237 | [๑๘๐] ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเกิดในสกุลอุบาสก ได้เห็นพระพุทธเจ้าฟังธรรมเทศนาแล้ว ถึงสรณะสมาทานศีล ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงประกาศอริยสัจในสมาคมแห่งมหาชน ท่านได้เล่าเรียนสอบถามภิกษุทั้งหลายไว้ , ในกาลนี้เกิดสกุลเศรษฐีใหญ่ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าฟังสัทธรรม อันประกอบด้วยสัจจะ บวชแล้วค้นคว้าอรรถธรรมทั้งปวงได้ บรรลุอรหัต (เสลาเถรีอปทาน) 72/697/372/697/3 72/635/3 |