1 | [๑] ให้ส่วนบุญแก่สัตว์ทั้งหลาย สัตว์ใดที่ไม่รู้ขอเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้นให้รู้. (พุทธาปทาน) 70/7/170/7/1 70/7/4 |
2 | [๑] ทิศทั้ง 10 มีอยู่ในโลก ก็ในทิศาภาคนั้น มีพุทธเขตนับไม่ถ้วน (พุทธาปทาน) 70/9/270/9/2 70/9/2 |
3 | [๑] ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้าน ความวิวาท ความประมาทโดยเป็นภัยนี้เป็นอนุสาสนีของพระพุทธเจ้า (พุทธาปทาน) 70/9/2170/9/21 70/9/25 |
4 | [๑] พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอจินไตย พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอจินไตย เมื่อบุคคลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และพระธรรมอันเป็นอจินไตย ย่อมมีวิบากเป็นอจินไตย. (พุทธาปทาน) 70/10/1270/10/12 70/10/12 |
5 | โทษของที่จงกรมมี 5 อย่าง คือ แข็งและขรุขระ , มีต้นไม้ภายใน , ปกคลุมด้วยรกชัฏ , แคบเกินไป , กว้างเกินไป (อ.ทูเรนิทาน) 70/22/1170/22/11 70/21/21 |
6 | สมณสุข 8 ประการ ไม่มีการหวงแหนทรัพย์และข้าวเปลือก เป็นต้น. (อ.ทูเรนิทาน) 70/23/1770/23/17 70/22/21 |
7 | การอยู่โคนไม้ มีคุณ 10 ประการ (อ.ทูเรนิทาน) 70/29/1570/29/15 70/28/1 |
8 | ความปรารถนาเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะสำเร็จได้ เพราะประชุมธรรม 8 ประการ.(อ.ทูเรนิทาน) 70/37/970/37/9 70/35/11 |
9 | ต้นไม้ตรัสรู้ของพระพุทธโคดม ชื่อ อัสสัตถพฤกษ์ (อ.ทูเรนิทาน) 70/41/170/41/1 70/38/3 |
10 | เมื่อสุเมธดาบสได้รับคำพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว มหาชนในที่นั้นต่างก็ตั้งความปรารถนาที่จะได้พบในกาลที่ดาบสได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต..(อ.ทูเรนิทาน) 70/41/1370/41/13 70/39/11 |
11 | สุเมธดาบส เลือกเฟ้นบารมี 10 ประการ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา (อ.ทูเรนิทาน) 70/48/1870/48/18 70/45/18 |
12 | พระพุทธเจ้าทีปังกร มีพระวรกายสูง 80 ศอก อยู่ครองเรือนหมื่นปี จึงออกบวชตั้งความเพียรเพียง 10 เดือน จึงตรัสรู้. (อ.ทูเรนิทาน) 70/66/1070/66/10 70/62/6 |
13 | ล่วงไปได้หนึ่งอสงไขย พระโกณฑัญญพุทธเจ้า เสด็จอุบัติมีพระวรกายสูง 88 ศอกพระชนมายุได้แสนปี พระโพธิสัตว์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ชื่อ วิชิตาวี สละราชสม-บัติ ออกบวช เรียนพระไตรปิฎก (อ.ทูเรนิทาน) 70/67/2170/67/21 70/63/19 |
14 | ล่วงไปหนึ่งอสงไขย ในกัปเดียวกันมี พระพุทธเจ้า 4 พระองค์ บังเกิดขึ้น คือ พระมังคละ พระสุมนะ พระเรวตะ พระโสภิตะ , พระมังคลพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 80 ศอก พระชนมายุ 90,000 ปี มีพระรัศมี แผ่ไปตลอดหมื่นโลกธาตุอยู่เป็นนิตย์ พระโพธิสัตว์เป็นพราหมณ์ชื่อ สุรุจิ ทิ้งสมบัติบวชเรียนเอาพุทธพจน์..(อ.ทูเรนิทาน) 70/68/2070/68/20 70/64/14 |
15 | พระสุมนพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 90 ศอก พระชนมายุ 90,000 ปี พระโพธิสัตว์เป็นพญานาค ชื่อ อตุละ ได้ถวายมหาทานแล้วตั้งอยู่ในสรณคมน์ทั้งสาม..(อ.ทูเรนิทาน) 70/76/1370/76/13 70/71/5 |
16 | พระเรวตพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 80 ศอก พระชนมายุ 60,000 ปี พระโพธิ-สัตว์ เป็นพราหมณ์ ชื่อ อติเทวะ (อ.ทูเรนิทาน) 70/77/1470/77/14 70/72/1 |
17 | พระโสภิตพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 58 ศอก พระชนมายุ 90,000 ปี พระโพธิสัตว์เป็นพราหมณ์ ชื่อ อชิตะ ได้ตั้งอยู่ในสรณะสาม และถวายมหาทาน..(อ.ทูเรนิทาน) 70/78/1070/78/10 70/72/19 |
18 | ล่วงไปได้อสงไขยหนึ่ง ในกัปเดียวกัน มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 3 พระองค์ คือ พระอโนมทัสสี พระปทุมะและพระนารทะ, พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 58 ศอก พระชนมายุ แสนปี พระโพธิสัตว์เป็นเสนาบดีของยักษ์ตนหนึ่ง ได้ถวายมหาทาน (อ.ทูเรนิทาน) 70/79/670/79/6 70/73/11 |
19 | พระปทุมพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 58 ศอก พระชนมายุ แสนปี พระโพธิสัตว์เป็นราชสีห์ (อ.ทูเรนิทาน) 70/80/470/80/4 70/74/7 |
20 | พระนารทพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 80 ศอก พระชนมายุ 90,000 ปี พระโพธิสัตว์บวชเป็นฤๅษี ถวายมหาทาน และกระทำการบูชาด้วยจันทน์แดง (อ.ทูเรนิทาน) 70/81/670/81/6 70/75/6 |
21 | ในที่สุดแสนกัปแต่กัปนี้ พระปทุมุตตรพุทธเจ้า เสด็จอุบัติ มีพระวรกายสูง 58 ศอกพระชนมายุแสนปี พระโพธิสัตว์เป็นผู้ครองแคว้นใหญ่ ชื่อว่า ชฏิละ ได้ถวายทานพร้อมทั้งจีวร แก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน. กาลนี้ไม่มีพวกเดียรถีย์เพราะเทวดาและมนุษย์ทั้งปวง ได้ถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้น เป็นสรณะ (อ.ทูเรนิทาน) 70/82/370/82/3 70/75/24 |
22 | ล่วงไปได้ สามหมื่นกัป ในกัปเดียวกัน มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ คือ พระสุเมธะพระสุชาตะ , พระสุเมธพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 80 ศอก พระชนมายุ 90,000 ปีพระโพธิสัตว์เป็นอุตตรมาณพ สละทรัพย์ 80 โกฏิ ถวายมหาทานฟังธรรมแล้วออกบวช (อ.ทูเรนิทาน) 70/83/170/83/1 70/76/18 |
23 | พระสุชาตพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 50 ศอก มีพระชนมายุ 90,000 ปี พระโพธิ-สัตว์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถวายราชสมบัติในมหาทวีปทั้ง 4 พร้อมกับรัตนะทั้ง 7แก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วออกบวช ชาวรัฐทั้งสิ้นต่าง ถือเอาเงินที่เกิดขึ้นในรัฐ จัดการกิจของคนผู้ทะนุบำรุงวัด. (อ.ทูเรนิทาน) 70/83/1970/83/19 70/77/13 |
24 | ในที่สุด 1,800 กัปแต่กัปนี้ ในกัปเดียวกัน มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ คือ พระปิย-ทัสสี พระอรรถทัสสี พระธรรมทัสสี , พระปิยทัสสีพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 80 ศอกพระชนมายุ 90,000 ปี พระโพธิสัตว์ เป็นกัสสปมาณพ ให้สร้างวัดด้วยทรัพย์แสนโกฏิ ตั้งอยู่ในสรณะและศีล (อ.ทูเรนิทาน) 70/84/1870/84/18 70/78/9 |
25 | พระอรรถทัสสีพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 80 ศอก พระชนมายุ แสนปี พระโพธิสัตว์เป็นสุสีมดาบส นำเอาฉัตรที่ทำด้วยดอกมณฑารพมาจากเทวโลก บูชาพระศาสดา.(อ.ทูเรนิทาน) 70/85/1570/85/15 70/79/4 |
26 | พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 80 ศอก พระชนมายุแสนปี พระโพธิสัตว์เป็นท้าวสักกเทวราช ได้กระทำการบูชาด้วยดอกไม้หอมอันเป็นทิพย์ และดนตรีทิพย์ (อ.ทูเรนิทาน) 70/86/970/86/9 70/79/21 |
27 | ในที่สุด 94 กัป แต่กัปนี้ พระสิทธัตถพุทธเจ้า เสด็จอุบัติ มีพระวรกายสูง 60 ศอกพระชนมายุ แสนปี พระโพธิสัตว์เป็นดาบสชื่อ มังคละ ได้นำเอาผลหว้าใหญ่มาถวายพระตถาคต. (อ.ทูเรนิทาน) 70/87/470/87/4 70/80/10 |
28 | ในที่สุด 92 กัปแต่กัปนี้ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ คือ พระติสสะ พระผุสสะ,พระติสสพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 60 ศอก พระชนมายุแสนปี พระโพธิสัตว์เป็นกษัตริย์ ชื่อ สุชาตะ บวชเป็นฤๅษี ได้เอาดอกมณฑารพ ดอกปทุม ดอกปาริฉัตรทิพย์ไปบูชาพระตถาคต ทำเป็นเพดานดอกไม้ในอากาศ. (อ.ทูเรนิทาน) 70/87/2070/87/20 70/81/1 |
29 | พระผุสสพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 58 ศอก พระชนมายุ 90,000 ปี พระโพธิสัตว์เป็นกษัตริย์ ชื่อ วิชิตาวี สละราชสมบัติ ออกบวช เรียนพระไตรปิฎก บำเพ็ญศีล-บารมี (อ.ทูเรนิทาน) 70/88/1870/88/18 70/81/21 |
30 | ในกัปที่ 91 แต่นี้ไป พระวิปัสสีพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 80 ศอก พระชนมายุ80,000 ปี พระโพธิสัตว์เป็นอตุลนาคราช ได้ถวายตั่งใหญ่ทำด้วยทอง ขจิตด้วยแก้ว 7 ประการ (อ.ทูเรนิทาน) 70/89/1370/89/13 70/82/12 |
31 | ในกัปที่ 31 แต่นี้ไป ได้มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ คือ พระสิขี และพระเวสสภู , พระสิขีพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 70 ศอก พระชนมายุ 70,000 ปี พระโพธิสัตว์เป็นพระราชา ชื่อ อรินทมะ ได้ถวายมหาทานพร้อมทั้งจีวร แล้วถวายช้างแก้ว ประดับด้วยแก้ว 7 ประการแล้วได้ถวายกัปปิยภัณฑ์ให้มีขนาดเท่าตัวช้าง (อ.ทูเรนิทาน) 70/90/870/90/8 70/83/4 |
32 | พระเวสสภูพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 60 ศอก พระชนมายุ 60,000 ปี พระโพธิ-สัตว์เป็นพระราชา ชื่อ สุทัสสนะได้ถวายมหาทานพร้อมทั้งจีวร แล้วบวช.(อ.ทูเรนิทาน) 70/91/670/91/6 70/83/23 |
33 | ในกัปนี้ มีพระพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น 4 พระองค์ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ และพระพุทธเจ้าของเรา, พระกกุสันธพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 40 ศอก พระชนมายุ 40,000 ปี พระโพธิสัตว์เป็นพระราชา ชื่อ เขมะ ถวายมหา-ทานพร้อมทั้งจีวร และเภสัชมียาหยอดตา เป็นต้น. (อ.ทูเรนิทาน) 70/92/170/92/1 70/84/15 |
34 | พระโกนาคมนพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 30 ศอก พระชนมายุ 30,000 ปี พระโพธิ-สัตว์เป็นพระราชา ชื่อ ปัพพตะ ถวายมหาทานแล้วถวายผ้าต่างๆ และเครื่องลาดขนสัตว์ทำด้วยทอง แล้วบวชในสำนักพระศาสดา (อ.ทูเรนิทาน) 70/92/1970/92/19 70/85/8 |
35 | พระกัสสปพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง 20 ศอก พระชนมายุ 20,000 ปี พระโพธิสัตว์เป็นโชติปาลมาณพ ได้ฟังธรรมแล้วบวชเล่าเรียนพระไตรปิฎก (อ.ทูเรนิทาน) 70/93/1870/93/18 70/86/5 |
36 | พระโพธิสัตว์ของเราได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า 24 พระองค์.(อ.ทูเรนิทาน) 70/95/1670/95/16 70/87/17 |
37 | พระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงต่อโพธิญาณแล้ว จะไม่เกิดในอเวจี เป็นต้น (อ.ทูเรนิทาน) 70/96/1470/96/14 70/88/14 |
38 | ในโลกย่อมมีความโกลาหล 3 ประการ คือ โกลาหลเรื่องกัป โกลาหลเรื่องพระพุทธเจ้า โกลาหล เรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ (อวิทูเรนิทานกถา) 70/101/770/101/7 70/93/2 |
39 | พระมหาสัตว์ ตรวจดู ปัญจมหาวิโลกนะ คือ สิ่งที่จะต้องเลือกใหญ่ 5 ประการคือ กาล ทวีป ประเทศ ตระกูล และกำหนดอายุของมารดา (อวิทูเรนิทานกถา) 70/103/170/103/1 70/94/11 |
40 | ในเทวโลกทุกชั้น มีนันทนวันทั้งนั้น (อวิทูเรนิทานกถา) 70/105/1470/105/14 70/96/22 |
41 | ในขณะที่พระโพธิสัตว์ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมารดา ปุพพนิมิต32 ประการ ได้ปรากฏขึ้นในหมื่นจักรวาล (อวิทูเรนิทานกถา) 70/107/1970/107/19 70/98/17 |
42 | พระโพธิสัตว์พอคลอดออกมาจากครรภ์ของพระมารดา เท่านั้น เปล่งวาจาได้ใน3 อัตภาพ คือ อัตภาพเป็นมโหสถ พระเวสสันดรและในอัตภาพสุดท้ายนี้.(อวิทูเรนิทานกถา) 70/112/570/112/5 70/102/9 |
43 | สหชาตทั้ง 7 (อวิทูเรนิทานกถา) 70/113/570/113/5 70/103/4 |
44 | กาฬเทวิลดาบส จะเกิดใน อรูปภพ ที่พระพุทธเจ้าร้อยองค์ พันองค์ ไม่อาจเสด็จไปให้ตรัสรู้ได้ (อวิทูเรนิทานกถา) 70/115/170/115/1 70/104/16 |
45 | ท่านนาลกะเข้าเฝ้าพระศาสดา ขอให้ตรัสนาลกปฏิปทาแล้วกลับเข้าป่าหิมพานต์บรรลุพระอรหันต์ แล้วปฏิบัติปฏิปทาอย่างอุกฤษฏ์ รักษาอายุได้ 7 เดือน เท่านั้นยืนพิงภูเขาทอง ปรินิพพาน (อวิทูเรนิทานกถา) 70/116/770/116/7 70/105/16 |
46 | เมื่อพระโพธิสัตว์ยังทรงพระเยาว์อยู่ ในงานวัปปมงคล ทรงนั่งขัดสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก ทำปฐมฌานให้เกิด เงาของต้นไม้อื่นคล้อยไป แต่เงาของต้น-หว้าตรงที่ทรงนั่งอยู่ นั้นยังตั้งอยู่ตามเดิม (อวิทูเรนิทานกถา) 70/120/1170/120/11 70/109/3 |
47 | พระโพธิสัตว์ของเรา ไม่มีกิจที่จะต้องศึกษาศิลปศาสตร์ (อวิทูเรนิทานกถา) 70/121/1570/121/15 70/110/1 |
48 | กิจในการปลงพระเกศา และพระมัสสุ ของพระพุทธเจ้าไม่มี (อวิทูเรนิทานกถา) 70/132/970/132/9 70/119/23 |
49 | จุฬามณีเจดีย์ อยู่ในดาวดึงส์พิภพ (อวิทูเรนิทานกถา) 70/132/1770/132/17 70/120/6 |
50 | ฆฏิการพรหม นำบริขาร 8 มาถวายพระโพธิสัตว์ (อวิทูเรนิทานกถา) 70/133/270/133/2 70/120/13 |
51 | เทวดาช่วยทำอาหาร (อวิทูเรนิทานกถา) 70/138/1670/138/16 70/125/4 |
52 | เวลาที่แผ่นดินใหญ่งอกขึ้นได้ประมาณ 1 โยชน์ 3 คาวุต ได้เป็นเสมือนวันนี้ หรือวันพรุ่งนี้ สำหรับพญากาฬนาคราช (อวิทูเรนิทานกถา) 70/141/2270/141/22 70/127/24 |
53 | มารยกกองทัพมาเพื่อจะทำลายพระโพธิสัตว์ (อวิทูเรนิทานกถา) 70/143/2170/143/21 70/129/15 |
54 | เมื่อพระมหาบุรุษ ทรงพิจารณา ปัจจยาการ อันประกอบด้วยบท 12 บท ยังหมื่นโลกธาตุได้ไหวถึง 12 ครั้ง จนจรดน้ำรองแผ่นดินเป็นที่สุด. (อวิทูเรนิทานกถา) 70/150/970/150/9 70/135/1 |
55 | พระพุทธเจ้า หลังจากตรัสรู้แล้ว ยังทรงนั่งอยู่บริเวณโพธิมณฑล และบริเวณใกล้เคียงตลอด 7 สัปดาห์ (สันติเกนิทานกถา) 70/152/1070/152/10 70/136/22 |
56 | พานิช 2 พี่น้อง ชื่อ ตปุสสะ และภัลลิกะ ได้ถวายข้าวตูก้อนและขนมน้ำผึ้ง แด่พระพุทธเจ้า และเป็นผู้ถึงพระพุทธเจ้า และพระธรรมว่าเป็นที่พึ่งครั้งแรกและนำพระเกศธาตุไป ประดิษฐานในพระเจดีย์ที่นครของตน (สันติเกนิทานกถา) 70/158/870/158/8 70/141/25 |
57 | พระพุทธเจ้า ทรงพิจารณาถึง ความที่ธรรมอันพระองค์ทรงบรรลุแล้วเป็นธรรมลึกซึ้ง ความตรึกอันพระพุทธเจ้าทั้งปวงเคยประพฤติกันมา ถึงอาการคือ ความไม่ประสงค์จะทรงแสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่น (สันติเกนิทานกถา) 70/159/1270/159/12 70/142/25 |
58 | พระพุทธเจ้าทรงแผ่เมตตาจิต โดยเจาะจง แก่ปัญจวัคคีย์ (สันติเกนิทานกถา) 70/161/770/161/7 70/144/9 |
59 | เมื่อพระเจ้าพิมพิสาร ถวายเวฬุวันวิหาร มหาปฐพีได้หวั่นไหวซึ่งมีอันให้รู้ว่า มูล-รากของพระศาสนาได้หยั่งลงแล้ว (สันติเกนิทานกถา) 70/167/870/167/8 70/149/9 |
60 | ในวันที่พระสารีบุตร บรรลุพระอรหันต์ ได้ทรงกระทำสันนิบาต คือ ประชุมพระสาวก(สันติเกนิทานกถา) 70/168/670/168/6 70/150/4 |
61 | ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ในสมาคมพระญาติ (สันติเกนิทานกถา) 70/174/170/174/1 70/154/22 |
62 | " บุคคลไม่ควรประมาทในก้อนข้าวที่ตนพึงลุกขึ้นยืนรับ พึงประพฤติธรรมให้สุจริต บุคคลผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า".(สันติเกนิทานกถา) 70/177/1570/177/15 70/157/20 |
63 | พระเจ้าสุทโธทนะ ได้บรรลุพระอรหัต ภายใต้เศวตฉัตร ในสมัยใกล้จะสวรรคต.(สันติเกนิทานกถา) 70/178/170/178/1 70/158/7 |
64 | การถวายวิหารแก่สงฆ์เพื่อเร้นอยู่ เพื่อความสุข เพื่อเพ่งพิจารณา และเพื่อเห็นแจ้งพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ (สันติเกนิทานกถา) 70/183/1970/183/19 70/163/4 |
65 | เศรษฐีที่บริจาคทรัพย์ สร้างวิหาร ถวายพระพุทธเจ้า ตั้งแต่พระวิปัสสีพุทธเจ้า.(สันติเกนิทานกถา) 70/184/1470/184/14 70/163/20 |
66 | ความหมายในคำว่า พุทโธ (พระพุทธเจ้า) (พรรณนาอัพภันตรนิทาน) 70/187/1270/187/12 70/166/20 |
67 | พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายแม้จะแสดงธรรม ก็ไม่อาจทำหมู่สัตว์นับไม่ถ้วนให้ตรัสรู้ได้ (พรรณนาอัพภันตรนิทาน) 70/189/1270/189/12 70/168/7 |
68 | ชื่อว่า เถระ เพราะดำรงอยู่นาน , เพราะประกอบด้วยคุณ (พรรณนาอัพภันตรนิทาน) 70/189/1770/189/17 70/168/12 |
69 | หน่วยในการนับจำนวน จากสิบ ถึง อสังเขยยะ (พรรณนาอัพภันตรนิทาน) 70/195/270/195/2 70/173/17 |
70 | เวชยันตปราสาทของพระเจ้าติโลกวิชัย จักรพรรดิราช. (พรรณนาอัพภันตรนิทาน) 70/203/870/203/8 70/181/12 |
71 | กรรมฝ่ายอกุศล ที่พระพุทธเจ้าได้รับ 12 อย่าง (พรรณนาอัพภันตรนิทาน) 70/213/770/213/7 70/190/4 |
72 | [๒] สร้างบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าทั้งปวง ยังไม่ได้บรรลุธรรม เมื่อมีปัญญากล้า ถึงจะเว้น พระพุทธเจ้าก็ย่อมบรรลุปัจเจกโพธิญาณได้ (ปัจเจกพุทธาปทาน) 70/237/1070/237/10 70/211/12 |
73 | พระนามของพระปัจเจกพุทธเจ้า (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/249/670/249/6 70/224/8 |
74 | บุตร 4 ประเภท คือ บุตรที่เกิดในตน บุตรที่เกิดในภริยา บุตรที่เขาให้ บุตรคือ ลูกศิษย์ (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/251/1270/251/12 70/226/12 |
75 | สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริย-มรรคมีองค์ 8 เรียกว่า เอกายนมรรค ทางเป็นที่ไปสำหรับคนผู้เดียว.(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/254/770/254/7 70/228/23 |
76 | จริยา 8 มีอิริยาบถจริยา เป็นต้น (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/256/570/256/5 70/230/11 |
77 | " ความอาลัยในบุตร และภรรยา เปรียบเหมือน ไม้ไผ่ใหญ่เกี่ยวเกาะกันอยู่ บุคคลไม่ข้องอยู่ในบุตรและภรรยาเหมือนหน่อไม้ไผ่ พึงเป็นผู้เดียวเที่ยวไปเหมือนนอแรดฉะนั้น" (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/258/1570/258/15 70/232/25 |
78 | " ถ้าไม่ได้สหายผู้มีปัญญาเครื่องรักษาตน ผู้เป็นนักปราชญ์มีปกติอยู่ยังประโยชน์ให้สำเร็จไว้เที่ยวไปด้วยกันพึงเป็นผู้เดียวเที่ยวไป เหมือนพระราชาทรงละแว่น-แคว้นที่พระองค์ชนะแล้ว และเหมือนช้างชื่อ มาตังคะในป่า ฉะนั้น".(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/259/2070/259/20 70/234/9 |
79 | " ความจัญไร หัวฝี อันตราย โรค บาดแผล และภัย นี้จะพึงมีแก่เรา บุคคลเห็นภัยนี้ในกามคุณทั้งหลายพึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรดฉะนั้น".(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/260/1470/260/14 70/235/8 |
80 | " ไม่พึงทำความกำหนัดในรส ไม่โลเล ไม่ต้องเลี้ยงผู้อื่น เที่ยวบิณบาตตามลำดับตรอก มีจิตไม่ข้องเกี่ยวในสกุล พึงเป็นผู้เดียวเที่ยวไปเหมือนนอแรดฉะนั้น".(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/262/1470/262/14 70/237/17 |
81 | เหตุเกิดพระสูตร 4 อย่าง (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/264/870/264/8 70/238/14 |
82 | อานิสงส์ 5 ประการ ในการทำความเพียร เพื่อความตรัสรู้ (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/265/470/265/4 70/239/9 |
83 | ความปรารถนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย โดยกำหนดอย่างต่ำ 4 อสงไขยแสนกัป,อย่างกลาง 8 อสงไขยแสนกัป, อย่างสูง 16 อสงไขยแสนกัป .(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/265/1970/265/19 70/239/23 |
84 | องค์คุณ 8 ประการ ของผู้ที่จะตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า.(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/267/170/267/1 70/240/22 |
85 | พระโพธิสัตว์ ผู้ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว ย่อมไม่เข้าถึงฐานะอันไม่ควร 18 ประการ (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/269/1570/269/15 70/243/12 |
86 | พุทธภูมิ 4 ประการ และอัชฌาสัย 6 ประการ เพื่อบ่มโพธิญาณของพระโพธิสัตว์.(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/270/670/270/6 70/243/24 |
87 | องค์คุณ 5 ประการ ของผู้ตั้งความปรารถนาเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า.(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/271/370/271/3 70/244/18 |
88 | ความปรารถนาของพระอัครสาวก เป็นไป 1 อสงไขยแสนกัป ส่วนของพระมหาสาวกพุทธบิดา พุทธมารดา พุทธอุปัฏฐาก พุทธบุตร ใช้เวลา แสนกัป .(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/271/1870/271/18 70/245/7 |
89 | พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้นในสกุลกษัตริย์ พราหมณ์ หรือ คหบดีสกุลใดสกุลหนึ่ง (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/272/770/272/7 70/245/19 |
90 | พระพุทธเจ้าทุกพระองค์และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่เกิดขึ้นในสังวัฏฏกัปคือ กัปเสื่อม พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมแทงตลอดอรรถรสเท่านั้น ไม่แทงตลอดธรรมรส (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/272/1170/272/11 70/245/23 |
91 | พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมประชุมกันทำอุโบสถที่รัตนมาฬกะโรงแก้ว ณ ควงต้นไม้สวรรค์ บนภูเขาคันธมาทน์. (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/272/2270/272/22 70/246/9 |
92 | พระปัจเจกพุทธเจ้าที่ไม่บำเพ็ญคตปัจจาคตวัตรให้บริบูรณ์ แล้วบรรลุปัจเจก-โพธิญาณ ย่อมไม่มี (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/273/1470/273/14 70/246/24 |
93 | กรรมฐานมี 2 อย่าง คือ กรรมฐานที่ใช้ทั่วทุกที่ และกรรมฐานที่จะต้องบริหาร.(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/275/1570/275/15 70/248/22 |
94 | พระมหาผุสสเทวเถระ บำเพ็ญ คตปัจจาคตวัตร 19 ปี ในปีที่ 20 ได้บรรลุพระอรหัต เทวดาที่อยู่ทางจงกรมทำแสงสว่างให้ ท้าวมหาราชทั้ง 4 ท้าวสักกะ ท้าว-มหาพรหมต่างมาบำรุง (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/277/1470/277/14 70/250/12 |
95 | พระมหานาค และภิกษุ 50 รูป ได้บำเพ็ญคตปัจจาคตวัตร ก็ได้บรรลุพระอรหัต..(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/278/670/278/6 70/251/1 |
96 | อานิสงส์ของผู้บำเพ็ญคตปัจจาคตวัตร (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/280/1070/280/10 70/252/24 |
97 | การบริหารครรภ์ (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/281/270/281/2 70/253/12 |
98 | ที่ตั้งแห่งภูเขาคันธมาทน์ (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/292/770/292/7 70/263/4 |
99 | ความเกี่ยวข้องมี 5 อย่าง (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/297/2070/297/20 70/267/25 |
100 | มิตร 2 จำพวก คือ อคาริยมิตร (มิตรคฤหัสถ์) อนคาริยมิตร (มิตรบรรพชิต) ,มิตรบรรพชิต โดยพิเศษเป็นแต่ผู้บอกทางให้เท่านั้น (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/302/370/302/3 70/271/17 |
101 | สันถวะ (ความสนิทสนม) 3 อย่าง คือ ตัณหาสันถวะ ทิฏฐิสันถวะ และมิตต-สันถวะ (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/304/370/304/3 70/273/7 |
102 | สัตว์ที่มาจากนรก ย่อมมีความร้อนอยู่ด้วย เป็นเหตุทำให้ครรภ์ร้อน .(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/307/1570/307/15 70/276/21 |
103 | ลูกสาวเศรษฐีได้ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้อกุศลกรรมที่นางได้เสวยผลอยู่ หมดสิ้นไป เพราะไม่มีโอกาส (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/310/770/310/7 70/278/26 |
104 | ความปรารถนาบุตร ของสตรีผู้มีศีล ย่อมสำเร็จ (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/311/970/311/9 70/279/23 |
105 | จัญไร เป็นชื่อของเหตุแห่งความฉิบหายอันเป็นส่วนแห่งอกุศลที่จรมา. ชื่อว่า อุปัทวะ เพราะอรรถว่า รบกวน ทำความพินาศให้เกิด เป็นชื่อของหัวฝี คือ ราคะเป็นต้น เพราะฉะนั้นกามคุณ ก็ชื่อว่า จัญไร ชื่อว่าอุปัทวะ .(พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/341/1770/341/17 70/306/21 |
106 | ความหนาวมี 2 อย่าง คือ ความหนาวมีธาตุภายในกำเริบ เป็นปัจจัย และความหนาวมีธาตุภายนอกกำเริบเป็นปัจจัย (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/343/1370/343/13 70/308/19 |
107 | อนุธัมมจารี ได้แก่ ประพฤติวิปัสสนา ธรรมอันไปแล้วเนืองๆ โดยปรารภธรรมนั้นๆเป็นไป (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/378/870/378/8 70/340/21 |
108 | ศีลเป็นปทัฏฐานของสมถะ สมถะเป็นปทัฏฐานของสมาธิ สมาธิเป็นปทัฏฐานธิชองของวิปัสสนา (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/383/670/383/6 70/345/17 |
109 | ความหมายของ คำว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/386/1470/386/14 70/348/16 |
110 | พระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่า มาตังคะ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หลังสุด เมื่อพระโพธิสัตว์ของเราทั้งหลายอุบัติขึ้นแล้ว พระมาตังคปัจเจกพุทธเจ้า กำลังออกจากสมาบัติ ได้ยินเทวดาบอก ถึงการอุบัติของพระโพธิสัตว์ จึงเหาะไปภูเขาชื่อมหาปปาตะในหิมวันตประเทศ เพื่อปรินิพพาน (พรรณนาปัจเจกพุทธาปทาน) 70/388/670/388/6 70/350/4 |
111 | [๓] ในกาลแห่งพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า พระสารีบุตรเป็นดาบสชื่อ สุรุจิ มีลูกศิษย์24,000 ล้วนเป็นผู้มีอภิญญา 5 สมาบัติ 8 ท่านได้บูชาด้วยดอกไม้ และชมเชยพระญาณของพระพุทธองค์ และได้รับคำพยากรณ์ว่าจะได้เป็นอัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญาในอนาคต. (สารีปุตตเถราปทาน) 70/402/770/402/7 70/363/21 |
112 | [๓] พระอัสสชิ ซึ่งเป็นอาจารย์ ของพระสารีบุตรอยู่ในทิศใด พระเถระจะนอนหันศีรษะไปทิศนั้น. (สารีปุตตเถราปทาน) 70/424/1670/424/16 70/385/10 |
113 | พระศาสดาทรงเข้านิโรธสมาบัติด้วยประสงค์ว่า ผลใหญ่จงมีแก่ดาบสเหล่านั้น. (พรรณนาสารีปุตตเถราปทาน) 70/429/1470/429/14 70/389/20 |
114 | สุรุจิดาบส สรทดาบส เป็นคนเดียวกัน (พรรณนาสารีปุตตเถราปทาน) 70/460/1070/460/10 70/417/21 |
115 | ในแสนโกฏิจักรวาล เว้นพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครมีปัญญาเท่าพระสารีบุตร.(พรรณนาสารีปุตตเถราปทาน) 70/472/1970/472/19 70/429/11 |
116 | [๔] พระมหาโมคคัลลานะ เคลื่อนจากนรกแล้ว มาเกิดเป็นบุตรพราหมณ์ มีนามว่า โกลิตะ (มหาโมคคัลานเถราปทาน) 70/485/1170/485/11 70/441/2 |
117 | ในคราวที่พระมหาโมคคัลลานะ ได้กระทำความปรารถนาในวาระที่สอง ท่านได้เกิดเป็นนาคราช มีชื่อว่า วรุณ เป็นนาคอยู่ในมหาสมุทร.(พรรณนามหาโมคคัลานเถราปทาน) 70/488/970/488/9 70/443/21 |
118 | พวกเดียรถีย์จ้างโจร 500 ให้ฆ่าพระมหาโมคคัลลานะ ที่กาฬศิลาประเทศ พวกโจรทุบพระเถระจนแหลกแล้วโยนไว้หลังพุ่มไม้ พระเถระประสานร่างกายด้วยฤทธิ์ แล้วเหาะไปลาพระศาสดา เพื่อปรินิพพาน พระเจ้าอชาตศัตรู ให้พวกจาร-บุรุษไปสืบหาจับโจรได้แล้ว จึงสั่งฆ่าโจร และเดียรถีย์เหล่านั้น..(พรรณนามหาโมคคัลานเถราปทาน) 70/490/2270/490/22 70/446/10 |
119 | บุรพกรรมของพระมหาโมคคัลลานะ ได้ฆ่าพ่อแม่ซึ่งตาบอด แล้วไหม้อยู่ในนรกหลายแสนปี ด้วยเศษกรรมท่านต้องถูกทุบจนแหลกละเอียดตายสิ้น ร้อยอัตภาพ.(พรรณนามหาโมคคัลานเถราปทาน) 70/494/370/494/3 70/448/24 |
120 | บุคคลใดประทุษร้ายคนผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมเข้าถึงฐานะ 10 อย่าง มี ย่อมถึงเวทนาอันหยาบ เป็นต้น (พรรณนามหาโมคคัลานเถราปทาน) 70/495/1770/495/17 70/450/6 |
121 | พระมหาโมคคัลลานะ ทรมานนันโทปนันทนาคราช (พรรณนามหาโมคคัลานเถราปทาน) 70/505/1470/505/14 70/458/16 |
122 | พระเถระเกิดเป็น เวเทหกุฎุมพี มีทรัพย์ 80 โกฏิ ได้ถวายมหาทานแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า และภิกษุ 6,800,000 รูป ตั้งความปรารถนาเป็นภิกษุผู้เลิศศในธุในธุดงค์ เมื่อพระศาสดาปรินิพพานแล้วก็ได้ชวนญาติ และมิตรสร้างเจดีย์สูง100 ศอก กว้าง 150 ศอก (พรรณนามหากัสสปเถราปทาน) 70/514/1770/514/17 70/466/16 |
123 | ในกัปที่ 91 ท่านเกิดเป็น เอกสาฎกพราหมณ์ ได้ถวายผ้าห่ม แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า.(พรรณนามหากัสสปเถราปทาน) 70/517/2170/517/21 70/469/5 |
124 | ลูกสาวเศรษฐีผู้มีกลิ่นตัวเหม็น ด้วยอานุภาพของกรรม (พรรณนามหากัสสปเถราปทาน) 70/522/1670/522/16 70/473/9 |
125 | พระเถระเกิดเป็นบุตรอำมาตย์ แล้วได้ครองราชสมบัติกรุงพาราณสี เป็นพระเจ้านันทราช ได้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้า 500 พระองค์ ผู้เป็นโอรสของพระนางปทุมวดี. (พรรณนามหากัสสปเถราปทาน) 70/524/1170/524/11 70/474/21 |
126 | ในกาลนี้เกิดเป็นปิปผลิมาณพ มีลักษณะของมหาบุรุษ 7 ประการ ได้อุปสมบทด้วยโอวาท 3 ข้อ จากพระศาสดา ทำความเพียร 7 วัน วันที่ 8 ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเลิศภิกษุผู้ทรงธุดงค์.(พรรณนามหากัสสปเถราปทาน) 70/530/1370/530/13 70/479/25 |
127 | [๖] ผลแห่งการถวายประทีป (อนุรุทธเถราปทาน) 70/546/370/546/3 70/492/14 |
128 | ท่านได้ถวายมหาทาน 7 วัน ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้มีทิพยจักษุ แด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า เมื่อพระศาสดาปรินิพพานแล้ว ท่านได้บูชาด้วยประทีปอย่างโอฬารที่สถูปทองขนาด 7 โยชน์ , ครั้นสมัยพระกัสสปพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านได้เอาถาดประทีปวางไว้บนศีรษะ เดินเวียนรอบเจดีย์อยู่ตลอดคืน.(พรรณนาอนุรุทธเถราปทาน) 70/547/1970/547/19 70/494/10 |
129 | นายอันนภาระ ให้ส่วนบุญแก่สุมนเศรษฐี เศรษฐีมีใจเลื่อมใส ให้ทรัพย์พันหนึ่งแก่เขา (พรรณนาอนุรุทธเถราปทาน) 70/549/1670/549/16 70/496/1 |
130 | ในกาลนี้เกิดเป็นโอรสของพระเจ้าสุกโกทนศากยะ ออกบวชพร้อมกับบรรดาเจ้า-ศากยะ มีตนเป็นที่ 7 เรียนกรรมฐานในสำนักของพระสารีบุตร ไปทำความเพียรตรึกถึงมหาปุริสวิตก 7 ข้อ พระศาสดาเสด็จไปแสดงอริยวังสปฏิปทา และบอกมหาปุริสวิตกข้อ 8 ให้ จากนั้นจึงบรรลุพระอรหันต์ (พรรณนาอนุรุทธเถราปทาน) 70/550/1670/550/16 70/496/20 |
131 | ท่านได้ฟังธรรมในสำนักของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า กระทำมหาสักการะ ตั้งความปรารถนาเป็นเลิศภิกษุผู้เป็นธรรมกถึก ในกาลนี้ เกิดเป็นบุตรน้องสาวของพระอัญญาโกณฑัญญะ บวชในสำนักพระเถระ บรรลุพระอรหัต สอนลูกศิษย์ 500ด้วยกถาวัตถุ 10 ครั้นท่านได้มาเข้าเฝ้าพระศาสดา ได้สนทนาธรรมกับพระสารี-บุตรถึงลำดับแห่งวิสุทธิ เปรียบด้วยรถ 7 ผลัด. (พรรณนาปุณณมันตานีปุตตเถราปทาน) 70/557/1070/557/10 70/503/6 |
132 | [๘] ท่านเกิดเป็นพรามหมณ์ ชื่อ สุชาต เห็นสุนันทดาบสได้รับคำพยากรณ์จากพระปทุมุตตรพุทธเจ้าว่าจะได้เป็นเลิศภิกษุผู้ธรรมกถึก ในอนาคต จึงได้ถวายมหาทาน ตั้งความปรารถนาตำแหน่งเลิศภิกษุผู้ทรงวินัย (อุปาลีเถราปทาน) 70/563/370/563/3 70/507/15 |
133 | [๘] ในกัปที่ 2 แห่งกัปนี้ ได้เป็นโอรสของพระเจ้าแผ่นดินพระนามว่า อัญชสะชื่อว่า จันทนะ เพราะความเมาในยศ จึงไสช้างเข้าไปทำร้ายพระเทวลปัจเจกพุทธเจ้าแล้วถึงความเร่าร้อน พระราชากับชาวแว่นแคว้นได้พาไปขอขมาต่อพระปัจเจก-พุทธเจ้า ด้วยกรรมนี้ท่านจึงเกิดในกำเนิดต่ำทราม (อุปาลีเถราปทาน) 70/576/470/576/4 70/519/26 |
134 | [๘] ยาพิษอันกล้าแข็งที่บุคคลดื่มแล้ว ย่อมยังชีวิตให้พินาศได้ครั้งเดียว แต่คนที่ผิดในพระศาสนาแล้ว ย่อมถูกเผาในโกฏิกัป (อุปาลีเถราปทาน) 70/580/170/580/1 70/523/14 |
135 | นกยางตัวผู้ย่อมไม่มี เมื่อได้ฟังเสียงเมฆร้องกระหึ่ม นางนกยางย่อมตั้งครรภ์.(พรรณนาอุปาลีเถราปทาน) 70/595/1370/595/13 70/537/19 |
136 | อภิญญา 6 (พรรณนาอุปาลีเถราปทาน) 70/621/2170/621/21 70/563/23 |
137 | [๙] เมื่อพระปทุมุตตรพุทธเจ้าทรงบรรลุพุทธภูมิแล้ว เทพบุตรจากภพดุสิตลงมาถวายอาหารเป็นครั้งแรกแก่พระพุทธเจ้า และพระองค์ทรงพยากรณ์เทพบุตรนั้น . (อัญญาโกณฑัญญเถราปทาน) 70/623/370/623/3 70/564/13 |
138 | ท่านเกิดเป็นคฤหบดีมหาศาล ได้ถวายมหาทาน แด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า มีภิกษุแสนหนึ่งเป็นบริวาร แล้วตั้งความปรารถนารู้แจ้งธรรมก่อนผู้อื่น , ในกัปที่ 91 ท่านเป็นกุฎุมพีชื่อมหากาลได้ให้ทานอันเลิศในนาข้าว 9 ครั้ง ในกาลนี้ ได้บรรลุธรรมพร้อมกับพรหม 18 โกฏิ เมื่อบรรลุพระอรหัตแล้วได้ไปอยู่สระฉัททันต์ 12 ปี ก็ปรินิพพาน (พรรณนาอัญญาโกณฑัญญเถราปทาน) 70/625/770/625/7 70/566/16 |
139 | ท่านเกิดเป็นราชสีห์ ได้คาบดอกปทุมมาบูชาพระปทุมุตตรพุทธเจ้า แล้วเฝ้าอารักขา อยู่ 7 วัน ตายจากนั้นไปเกิดเป็นมนุษย์ ในตระกูลที่มีโภคะมาก ได้ถวายทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานอยู่ ตลอด 7 วัน ทำบุญทั้งหลายจนชั่วชีวิต.(พรรณนาปิณโฑลภารทวาชเถราปทาน) 70/635/470/635/4 70/576/4 |
140 | ในกาลนี้ ท่านเกิดเป็นบุตรปุโรหิตของพระเจ้าอุเทน ท่านเป็นผู้กินจุ เพราะเห็นลาภสักการะในศาสนานี้จึงบวช พระศาสดาทรงสอนด้วยอุบาย ทำให้รู้ประมาณในอาหาร เมื่อท่านบรรลุพระอรหัตแล้ว ได้บันลือสีหนาทต่อหน้าพระพักตร์พระศาสดาว่าผู้ใดมีความสงสัยในมรรคและผล ผู้นั้นจงถามเรา .(พรรณนาปิณโฑลภารทวาชเถราปทาน) 70/636/170/636/1 70/576/23 |
141 | ท่านเป็นนายท่าเรือ ได้ประกอบเรือขนาน นำพระปทุมุตตรพุทธเจ้า และภิกษุหนึ่งแสน ข้ามฟากและถวายมหาทาน ตั้งความปรารถนาตำแหน่งเลิศแห่งภิกษุผู้อยู่ป่า, ในกาลนี้เกิดเป็นน้องชายของพระสารีบุตร ได้ลวงญาติทั้งหลาย หนีเข้าไปบรรพชา กับภิกษุทั้งหลาย (พรรณนาขทิรวนิยเรวตเถราปทาน) 70/642/470/642/4 70/582/6 |
142 | ท่านเป็นน้องชายต่างมารดา ของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ได้ถวายมหาทาน สร้างอาราม และอุปัฏฐาก พระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ตลอด 3 เดือน ตั้งความปรารถนา เป็นพุทธอุปัฏฐาก(พรรณนาอานันทเถราปทาน) 70/652/170/652/1 70/591/1 |
143 | ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านได้เอาผ้าห่มรับบาตรพระเถระรูปหนึ่ง ผู้กำลังบิณฑบาตอยู่ ได้ไปเกิดในสวรรค์ , เมื่อเป็นพระเจ้าพาราณสีได้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้า 8 องค์ อยู่หมื่นปี , ในกาลนี้ เกิดเป็นโอรสของพระเจ้าอมิโตทน-ศากยะ ออกบวชแล้วได้ฟังธรรมของพระปุณณมันตานีบุตร จึงบรรลุโสดาปัตติผลได้ขอพร 8 ประการต่อพระศาสดาแล้วทำหน้าที่ พุทธอุปัฏฐาก .(พรรณนาอานันทเถราปทาน) 70/655/570/655/5 70/593/17 |