1 | [๑] มนุษย์ผู้มีขนงอกที่ฝ่าเท้า (จัมมขันธกะ) 7/1/107/1/10 7/1/11 |
2 | [๒] พระพุทธองค์ ตรัสแก่พระโสณะว่า " เธอจงตั้งความเพียรแต่พอเหมาะ จงทราบข้อที่อินทรีย์ ทั้งหลายเสมอกัน และจงถือนิมิตในความสม่ำเสมอนั้น " (จัมมขันธกะ) 7/7/207/7/20 7/7/10 |
3 | [๓] ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ มีอาสวะสิ้นแล้วย่อมน้อมใจไปสู่ฐานะ 6 ประการ คือ น้อมใจไปสู่เนกขัมมะ... น้อมใจไปสู่ความไม่หลงใหล (จัมมขันธกะ) 7/9/17/9/1 7/8/7 |
4 | [๕] โมฆบุรุษบางจำพวกในธรรมวินัยนี้ พยากรณ์ อรหัตทำทีเหมือนเป็นของ สนุกภายหลังต้องทุกข์เดือดร้อน (จัมมขันธกะ) 7/13/47/13/4 7/12/4 |
5 | [๕] ทรงอนุญาต รองเท้าชั้นเดียวแก่ พระโสณโกฬิวิสะ และภิกษุสงฆ์ ภิกษุไม่พึง สวมรองเท้า 2 ชั้น, 3 ชั้น, หลายชั้น รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/13/67/13/6 7/12/7 |
6 | [๖] ภิกษุไม่พึงสวมรองเท้า สีเขียวล้วน สีเหลือง สีแดง สีบานเย็น สีดำ สีแสด สีชมพูล้วน รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/14/37/14/3 7/13/2 |
7 | [๖] ภิกษุไม่พึงสวมรองเท้า มีหูสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีบานเย็น สีดำ สีแสด สีชมพู รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/14/137/14/13 7/13/13 |
8 | [๖] ภิกษุไม่พึงสวมรองเท้า ติดแผ่นหลังหุ้มส้น, รองเท้าหุ้มแข้ง, รองเท้าปก หลังเท้า... รองเท้าอันวิจิตร รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/15/47/15/4 7/14/2 |
9 | [๖] ภิกษุไม่พึงสวมรองเท้า ขลิบด้วยหนังราชสีห์ เสือโคร่ง เสือเหลือง ชะมด นาก แมว ค่าง นกเค้า รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/15/177/15/17 7/14/17 |
10 | [๗] ทรงอนุญาต รองเท้าหลายชั้นที่ใช้แล้ว รองเท้าหลายชั้นที่ใหม่ ภิกษุไม่ พึงสวม รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/16/157/16/15 7/15/22 |
11 | [๘] เมื่ออาจารย์ ภิกษุปูนอาจารย์ อุปัชฌาย์ ภิกษุปูนอุปัชฌาย์ เดินไม่ได้สวม รองเท้า ภิกษุไม่พึงเดินสวมรองเท้า รูปใดเดินสวมรองเท้าต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/17/197/17/19 7/17/1 |
12 | [๑๐] ทรงอนุญาตให้ภิกษุ ผู้มีเท้าชอกช้ำ หรือมีเท้าแตก หรืออาพาธ มีหน่อที่ เท้าสวมรองเท้าได้ (จัมมขันธกะ) 7/18/127/18/12 7/17/16 |
13 | [๑๐] ทรงอนุญาตให้สวมรองเท้าในขณะที่คิดว่าประเดี๋ยว จักขึ้นเตียง ตั่ง (จัมมขันธกะ) 7/18/167/18/16 7/18/1 |
14 | [๑๐] ภายในอาราม ทรงอนุญาตให้สวมรองเท้า ใช้คบเพลิงประทีป ไม้เท้าได้ 7/19/17/19/1 7/18/7 |
15 | [๑๐] เขียงเท้าที่ทำด้วยไม้ ภิกษุไม่พึงสวม รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/20/67/20/6 7/19/11 |
16 | [๑๑] เขียงเท้าสานด้วยใบตาล ด้วยใบไผ่ อันภิกษุไม่พึงสวม รูปใดสวมต้อง อาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/21/107/21/10 7/20/11 |
17 | [๑๒] ภิกษุไม่พึงสวมเขียงเท้า สานด้วยหญ้า...ขนสัตว์ เขียงเท้าประดับด้วย ทองคำ... ทองแดง รูปใดสวมต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/23/217/23/21 7/22/16 |
18 | [๑๒] เขียงเท้าบางชนิดที่สำหรับสวมเดิน อันภิกษุไม่พึงสวมรูปใดสวมต้อง อาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/24/77/24/7 7/22/24 |
19 | [๑๒] ทรงอนุญาตเขียงเท้าที่ตรึงอยู่กับที่ ไม่ใช่สำหรับสวมเดิน 3 ชนิด ได้แก่ เขียงเท้าที่สำหรับเหยียบถ่ายอุจจาระ เขียงเท้าที่สำหรับเหยียบถ่ายปัสสาวะ เขียงเท้าที่สำหรับเหยียบในที่ชำระ (จัมมขันธกะ) 7/24/97/24/9 7/22/26 |
20 | [๑๓] ภิกษุไม่พึงจับเขาโค หูโค คอโค หางโค ไม่พึงขี่หลังโค รูปใดจับแล ขึ้นขี่ต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/25/47/25/4 7/23/17 |
21 | [๑๓] องค์กำเนิดโค ภิกษุมีจิตกำหนัด ไม่พึงถูกต้อง รูปใดถูกต้อง ต้องอาบัติ ถุลลัจจัย (จัมมขันธกะ) 7/25/77/25/7 7/23/20 |
22 | [๑๔] ภิกษุไม่พึงไปด้วยยาน รูปใดไปต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/25/157/25/15 7/24/7 |
23 | [๑๔] ทรงอนุญาตยาน สำหรับภิกษุอาพาธ อนุญาตยานที่เทียมด้วยโคตัวผู้ และยานที่ใช้มือลาก อนุญาตคานหามมีตั่งนั่ง และเปลผ้าที่เขาผูกติดกับ ไม้คาน (จัมมขันธกะ) 7/26/97/26/9 7/25/6 |
24 | [๑๕] ภิกษุไม่พึงใช้ที่นั่งและที่นอนอันสูงใหญ่ คือ เตียงมีเท้าสูงเกินประมาณ, มีเท้าทำเป็นรูปสัตว์ร้าย... เครื่องลาดที่ยัดนุ่น... รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/27/97/27/9 7/26/1 |
25 | [๑๖] ภิกษุไม่พึงใช้หนังผืนใหญ่ คือ หนังสีหะ หนังเสือโคร่ง หนังเสือเหลือง รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/28/57/28/5 7/26/19 |
26 | [๑๘] หนังโค ภิกษุไม่พึงใช้ รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ หนังอะไร ๆ ภิกษุไม่ พึงใช้ รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ (จัมมขันธกะ) 7/30/37/30/3 7/28/16 |
27 | [๑๘] ทรงอนุญาตให้นั่งทับเตียง ตั่ง ที่เป็นอย่างของคฤหัสถ์ แต่ไม่อนุญาต ให้นอนทับ ทรงอนุญาตให้นั่งพิงเฉพาะเชือกหนัง (จัมมขันธกะ) 7/30/77/30/7 7/28/22 |
28 | [๑๙] ภิกษุไม่พึงสวมรองเท้าเข้าบ้าน รูปใดสวมเข้าไปต้องอาบัติทุกกฏ ยกเว้น ภิกษุอาพาธ (จัมมขันธกะ) 7/30/167/30/16 7/29/9 |
29 | [๒๓] ทรงอนุญาตการอุปสมบท ด้วยสงฆ์ปัญจวรรค, รองเท้าหลายชั้น, การ อาบน้ำได้เป็นนิตย์ , หนังเครื่องลาด คือ แกะ แพะ มฤค, จีวรยังไม่ควรนับ ราตรีตลอดเวลาที่ยังไม่ถึงมือ ทั่วปัจจันตชนบท (จัมมขันธกะ) 7/38/137/38/13 7/35/20 |
30 | โสณเศรษฐีบุตร เคยเป็นหัวหน้าของบุรุษ 80,000 สร้างบรรณศาลา และอุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าร่วมกัน แล้ววางผ้า ปาวารขนสัตว์ ไว้ในที่เช็ดเท้า ของพระปัจเจกพุทธเจ้า (อ.จัมมขันธกะ) 7/41/127/41/12 7/39/11 |
31 | กุลบุตร แปดหมื่นคน ได้ฟังธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้ว ได้เป็นพระโสดาบัน ส่วนโสณเศรษฐีบุตร ได้บวชแล้ว บรรลุอรหันต์ (อ.จีวรขันธกะ) 7/328/97/328/9 7/314/12 |
32 | รองเท้า สีเขียวล้วนเป็นต้น ภิกษุจะเอาผ้าเช็ดน้ำยาทำลายสีเสีย แล้วสวม ควรอยู่ รองเท้าที่มีหูสีเขียวล้วน เป็นต้น ก็เช่นกัน (อ.จัมมขันธกะ) 7/47/127/47/12 7/45/2 |
33 | รองเท้าที่งดงามต่างๆ ภิกษุแกะเอาของที่ไม่ควรออกแล้ว ใช้เถิด (อ.จัมมขันธกะ) 7/48/97/48/9 7/45/24 |
34 | อาจารย์ 4 จำพวก คือ บรรพชาจารย์ อุปสัมปทาจารย์ นิสสยาจารย์ อุทเทสาจารย์ จัดเป็นอาจารย์ ภิกษุมีพรรษา 6 พอเป็นอาจารย์ ของภิกษุ ผู้ไม่มีพรรษาได้ (อ.จัมมขันธกะ) 7/49/37/49/3 7/46/18 |
35 | ยานที่เทียมด้วยโคผู้ จะมีสตรี หรือมีบุรุษเป็น สารถีก็ตาม ควรอยู่. ส่วนยานที่ ลากไปด้วยมือ สตรีลาก หรือบุรุษลากก็ควร อ.จัมมขันธกะ) 7/50/147/50/14 7/48/9 |
36 | ผ้าปูที่นอนที่ทอด้วยไหมล้วน ใช้ได้ (อ.จัมมขันธกะ) 7/52/17/52/1 7/49/21 |
37 | ที่นอนมีเพดาน เมื่อมีเครื่องลาดที่เป็นอกัปปิยะ ไม่ควร แต่เมื่อไม่มีควรอยู่ (อ.จัมมขันธกะ) 7/52/137/52/13 7/50/7 |
38 | หมอนใด ลูกเดียวเท่านั้น มีสีแดง หรือจะวิจิตร ถ้าประกอบด้วยประมาณ หมอนนั้นย่อมควร (อ.จัมมขันธกะ) 7/52/177/52/17 7/50/11 |
39 | รองเท้าที่ทำด้วยหนัง ชนิดใดชนิดหนึ่ง เว้นหนังมนุษย์เสีย ย่อมควร แม้ใน ถุงรองเท้า ฝักมีด และฝักกุญแจ ก็นัยนี้แล อ.จัมมขันธกะ) 7/56/47/56/4 7/53/26 |
40 | ภิกษุจะปูหนังแกะ และหนังแพะ อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วนอน หรือนั่ง ก็ควร. หนังแห่งมฤคชาติ คือ เนื้อทราย เนื้อสมัน ฟาน กวาง ละมั่ง เท่านั้นควร (อ.จัมมขันธกะ) 7/56/87/56/8 7/54/5 |
41 | ลิง ค่าง นางเห็น ชะมด และสัตว์ร้าย ชั้นที่สุด โค กระบือ กระต่าย แมว พึงทราบว่าสัตว์ร้ายเหมือนกัน. หนังสัตว์ทุกๆ ชนิด ไม่ควร อ.จัมมขันธกะ) 7/56/137/56/13 7/54/9 |
42 | จีวร ที่นำมาถวายแล้ว จีวรที่เขาฝากไปให้ และบอกแล้ว จีวรที่ได้ฟัง ว่าเกิดแล้ว จำเดิมแต่กาลนั้น ภิกษุย่อมได้บริหาร 10 วันเท่านั้น (อ.จัมมขันธกะ) 7/57/57/57/5 7/54/23 |
43 | [๒๕] เภสัช 5 นี้ คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เป็นเภสัชอยู่ ในตัว และเขาสมมติว่า เป็นเภสัช ทั้งสำเร็จประโยชน์ ในอาหารกิจ แก่สัตว์ โลก และ ไม่ปรากฏเป็นอาหารหยาบ (เภสัชชขันธกะ) 7/59/57/59/5 7/56/6 |
44 | [๒๖] ทรงอนุญาต ให้รับประเคนเภสัช 5 แล้ว บริโภคได้ ทั้งในกาล ทั้งนอกกาล . (เภสัชชขันธกะ) 7/60/207/60/20 7/57/21 |
45 | [๒๗] ทรงอนุญาตน้ำมันเปลว เป็นเภสัช คือ น้ำมันเปลวหมี น้ำมันเปลวปลา น้ำมันเปลวปลาฉลาม น้ำมันเปลวหมู น้ำมันเปลวลา ที่รับประเคนในกาล เจียวในกาล กรองในกาล บริโภคอย่างน้ำมัน (เภสัชชขันธกะ) 7/61/47/61/4 7/58/4 |
46 | [๒๘] ทรงอนุญาต รากไม้ที่เป็นเภสัช คือ ขมิ้น ขิง ว่านน้ำ ว่านเปราะ อุตพิด ข่า แฝก แห้วหมู หรือมูลเภสัช แม้ชนิดอื่น รับประเคนแล้วเก็บไว้ได้ ตลอดชีพ มีเหตุจึงให้บริโภค เมื่อเหตุไม่มี ภิกษุบริโภค ต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/61/197/61/19 7/58/19 |
47 | [๒๘] ทรงอนุญาต ตัวหินบด ลูกหินบด (เภสัชชขันธกะ) 7/62/77/62/7 7/59/5 |
48 | [๒๙] ทรงอนุญาต น้ำฝาดที่เป็นเภสัช คือ น้ำฝาดสะเดา น้ำฝาดมูกมัน น้ำฝาด กระดอมหรือขี้กา น้ำฝาดบอระเพ็ดหรือพญามือเหล็ก น้ำฝาดกระถินพิมาน หรือน้ำฝาดอื่น รับประเคนแล้วเก็บไว้ได้ตลอดชีพ ต่อมีเหตุจึงให้บริโภค เมื่อ ไม่มีเหตุ ภิกษุบริโภค ต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/62/117/62/11 7/59/10 |
49 | [๓๐] ทรงอนุญาตใบไม้ที่เป็นเภสัช คือใบสะเดา ใบมูกมัน ใบกระดอมหรือ ขี้กา ใบกะเพรา ใบแมงลัก ใบฝ้าย หรือใบอื่นๆ รับประเคนเก็บไว้จน ตลอดชีพ ต่อมีเหตุจึงบริโภคได้ เมื่อไม่มีเหตุ ภิกษุบริโภคต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/62/217/62/21 7/59/20 |
50 | [๓๑] ทรงอนุญาตผลไม้ ที่เป็นเภสัช คือ ลูกพิลังกาสา ดีปลี พริก สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม โกฏ หรือ ผลอื่น รับประเคนเก็บไว้ได้ตลอดชีพ ต่อมีเหตุ จึงบริโภค เมื่อไม่มีเหตุ ภิกษุบริโภคต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/63/97/63/9 7/60/10 |
51 | [๓๒] ทรงอนุญาตยางไม้ ที่เป็นเภสัช คือ ยางต้นหิงคุ ยางต้นตกะ หรือยาง ที่เป็นเภสัช อื่นๆ รับประเคนเก็บไว้ได้ตลอดชีพ ต่อมีเหตุ จึงบริโภค เมื่อไม่ มีเหตุ ภิกษุบริโภคต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/63/187/63/18 7/60/20 |
52 | [๓๓] ทรงอนุญาตเกลือที่เป็น เภสัช คือ เกลือสมุทร เกลือดำ เกลือสินเธาว์ เกลือดินโป่ง เกลือหุง รับประเคนเก็บไว้ได้ตลอดชีพ ต่อมีเหตุ จึงบริโภค เมื่อไม่มีเหตุ ภิกษุบริโภค ต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/64/97/64/9 7/61/8 |
53 | [๓๔] ทรงอนุญาตเภสัชชนิดผง สำหรับภิกษุผู้เป็นฝี พุพอง สิว ฝีดาษ อีสุกอีใส มีกลิ่นตัวแรง, ทรงอนุญาตโคมัย ดินเหนียว กากน้ำย้อม สำหรับภิกษุ ไม่อาพาธ, อนุญาตครก สาก (เภสัชชขันธกะ) 7/65/67/65/6 7/62/5 |
54 | [๓๕] ทรงอนุญาต วัตถุเครื่องกรองยาผง ผ้ากรองยา (เภสัชชขันธกะ) 7/65/137/65/13 7/62/12 |
55 | [๓๖] ทรงอนุญาต เนื้อดิบ เลือดสด ในเพราะอาพาธเกิดแต่ผีเข้า (เภสัชชขันธกะ) 7/65/217/65/21 7/62/22 |
56 | [๓๗] ทรงอนุญาต ยาตา คือ ยาตาที่ปรุงด้วยเครื่องปรุงหลายอย่าง ยาตา ที่ทำด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ยาตาที่เกิดในกระแสน้ำ หรดาลกลีบทอง เขม่าไฟ (เภสัชชขันธกะ) 7/66/117/66/11 7/63/13 |
57 | [๓๗] ทรงอนุญาต ไม้จันทน์ กฤษณา กะลัมพัก ใบเฉียง แห้วหมู (เภสัชชขันธกะ) 7/66/157/66/15 7/63/18 |
58 | [๓๗] ทรงอนุญาต กลักยาตา. ภิกษุไม่พึงใช้กลักยาตาชนิดต่างๆ รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ. ทรงอนุญาตกลักยาตา ที่ทำด้วยกระดูก งา เขา ไม้อ้อ ไม้ไผ่, ไม้, ยาง, ผลไม้, โลหะ, เปลือกสังข์. (เภสัชชขันธกะ) 7/66/187/66/18 7/63/22 |
59 | [๓๗] ทรงอนุญาตฝาปิด อนุญาตให้ผูกด้าย แล้วพันกับกลักยาตา อนุญาต ให้ถักหุ้มด้วยด้าย อนุญาตไม้ป้ายยาตา อนุญาตภาชนะเก็บไม้ป้ายยาตา อนุญาต ถุงกลักยาตา อนุญาตเชือกผูกเป็นสายสะพาย. (เภสัชชขันธกะ) 7/67/67/67/6 7/64/11 |
60 | [๓๘] ทรงอนุญาตน้ำมันทาศีรษะ อนุญาตการนัตถุ์ อนุญาตกล้องสำหรับ นัตถุ์สำหรับโรคปวดหัว (เภสัชชขันธกะ) 7/68/107/68/10 7/65/17 |
61 | [๓๘] ภิกษุไม่พึงใช้กล้องสำหรับนัตถุ์ ชนิดต่างๆ รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/68/197/68/19 7/66/3 |
62 | [๓๘] ทรงอนุญาตกล้องนัตถุ์หลอดคู่ อนุญาตให้สูดควัน อนุญาตกล้องสูด ควัน ภิกษุไม่พึงใช้กล้องสูดควันชนิดต่างๆ รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ. อนุญาต ฝาปิดกล้อง อนุญาตถุงกล้องสูดควัน, ถุงคู่ อนุญาตเชือกผูกเป็นสายสะพาย. (เภสัชชขันธกะ) 7/69/37/69/3 7/66/9 |
63 | [๓๙] ทรงอนุญาตน้ำมันที่หุง ให้เจือน้ำเมาลงในน้ำมันที่หุงได้. ไม่พึงดื่มน้ำมัน ที่เจือน้ำเมาลงไปเกินขนาด รูปใดดื่มพึงปรับอาบัติตามธรรม ทรงอนุญาต ให้ดื่มน้ำมันที่เจือน้ำเมา ชนิดที่เขาหุงไม่ปรากฏสี กลิ่น รส ของน้ำเมา. น้ำมันที่เจือน้ำเมาลงเกินขนาด ให้ใช้เป็นยาทา (เภสัชชขันธกะ) 7/70/97/70/9 7/67/14 |
64 | [๓๙] ทรงอนุญาตลักจั่น 3 ชนิด คือ ทำด้วยโลหะ ไม้ ผลไม้ (เภสัชชขันธกะ) 7/71/57/71/5 7/68/8 |
65 | [๓๙] ทรงอนุญาตการเข้ากระโจม การรมใบไม้ต่างๆ การรมใหญ่ น้ำที่ต้ม เดือดด้วยใบไม้ต่างชนิด อนุญาตอ่างน้ำสำหรับโรคลมตามอวัยวะ (เภสัชชขันธกะ) 7/71/97/71/9 7/68/14 |
66 | [๔๐] ทรงอนุญาตให้ระบายโลหิตออก ให้ดูดโลหิตออกด้วยเขา สำหรับโรค ลมเสียดยอกตามข้อ (เภสัชชขันธกะ) 7/71/207/71/20 7/69/3 |
67 | [๔๑] ทรงอนุญาตยาทาเท้า อนุญาตให้ปรุงน้ำมันทาเท้า (เภสัชชขันธกะ) 7/72/67/72/6 7/69/11 |
68 | [๔๒] ภิกษุอาพาธ เป็นโรคฝี พระพุทธองค์ ทรงอนุญาตการผ่าตัด อนุญาต น้ำฝาด งาที่บดแล้ว ยาพอก ผ้าพันแผล ถ้าแผลคันให้ชะด้วยน้ำแป้งเมล็ด พันธุ์ผักกาด ถ้าแผลชื้นเป็นฝ้าให้รมควัน ถ้ามีเนื้องอกยื่นออกมา ให้ตัดด้วย ก้อนเกลือ ถ้าแผลไม่งอกจึงทรงอนุญาตน้ำมันทาแผล ผ้าเก่าสำหรับซับ น้ำมัน และการรักษาบาดแผลทุกชนิด (เภสัชชขันธกะ) 7/72/107/72/10 7/69/18 |
69 | [๔๓] กรณีถูกงูกัด ทรงอนุญาต ยามหาวิกัฏ 4 คือ คูถ มูตร เถ้า ดิน ให้ รับประเคนเมื่อมีกัปปิยการก เมื่อกัปปิยการกไม่มี ให้ภิกษุหยิบบริโภคเองได้ (เภสัชชขันธกะ) 7/73/147/73/14 7/70/22 |
70 | [๔๓] กรณีดื่มยาพิษเข้าไป ทรงอนุญาตให้ดื่มน้ำเจือคูถ คูถที่ภิกษุหยิบไว้ตอน กำลังถ่ายเป็นอันรับประเคนแล้ว ไม่ต้องรับประเคนอีก (เภสัชชขันธกะ) 7/74/17/74/1 7/71/8 |
71 | [๔๔] กรณีถูกยาแฝด ทรงอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายจากดินรอยไถ ซึ่งติด ผาลไถ (เภสัชชขันธกะ) 7/74/77/74/7 7/71/15 |
72 | [๔๔] ภิกษุเป็นโรคพรรดึก (อุจจาระเป็นก้อนแข็งกลม) ทรงอนุญาตให้ดื่ม น้ำด่างอามิส (เภสัชชขันธกะ) 7/74/107/74/10 7/71/19 |
73 | [๔๔] ภิกษุเป็นโรคผอมเหลือง ทรงอนุญาตให้ดื่มยาผลสมอดองน้ำมูตรโค 7/74/137/74/13 7/71/22 |
74 | [๔๔] ภิกษุเป็นโรคผิวหนัง ทรงอนุญาตให้ลูบไล้ ด้วยของหอม (เภสัชชขันธกะ) 7/74/167/74/16 7/72/2 |
75 | [๔๔] ภิกษุผู้มีร่างกาย กอปรด้วยโทษ ทรงอนุญาตให้ดื่มยาประจุถ่ายอนุญาต น้ำข้าวใส อนุญาตน้ำถั่วเขียวต้มที่ไม่ข้น น้ำถั่วเขียวต้มที่ข้นนิดหน่อย อนุญาต น้ำเนื้อต้ม (เภสัชชขันธกะ) 7/74/197/74/19 7/72/6 |
76 | [๔๕] ทรงอนุญาตให้มีคนทำการวัด (เภสัชชขันธกะ) 7/76/177/76/17 7/73/23 |
77 | [๔๗] เภสัช 5 ภิกษุรับประเคนแล้ว เก็บไว้ฉันได้ 7 วัน ล่วงกำหนดนั้นไป พึง ปรับอาบัติตามธรรม (เภสัชชขันธกะ) 7/80/207/80/20 7/77/18 |
78 | [๔๘] คนทั้งหลายผสมแป้งบ้าง เถ้าบ้าง ลงในงบน้ำอ้อยเพื่อประสงค์ให้เกาะกัน แน่น งบน้ำอ้อยนั้น ก็ยังเป็นงบน้ำอ้อยนั้นเอง ทรงอนุญาตให้ฉันงบน้ำอ้อย ตามสบาย (เภสัชชขันธกะ) 7/81/157/81/15 7/78/13 |
79 | [๔๘] ถั่วเขียวแม้ที่ต้มแล้ว ถ้ายังงอกได้อนุญาตให้ฉันถั่วเขียวได้ตามสบาย 7/82/37/82/3 7/78/23 |
80 | [๔๘] สำหรับโรคลมในท้องทรงอนุญาตให้ภิกษุอาพาธฉันยาดองโลณโสจิรกะ ได้ ผู้ไม่ป่วยให้เจือน้ำฉันอย่างน้ำปานะ (เภสัชชขันธกะ) 7/82/67/82/6 7/79/3 |
81 | [๔๙] อามิสที่เก็บไว้ในภายในที่อยู่ เป็นอกัปปิยะ แม้ที่หุงต้มภายในที่อยู่ ก็เป็น อกัปปิยะ แม้ที่หุงต้มเองก็เป็นอกัปปิยะ (เภสัชชขันธกะ) 7/83/167/83/16 7/80/12 |
82 | [๔๙] อามิสถ้าเก็บไว้ภายในที่อยู่ หุงต้มภายในที่อยู่ และหุงต้มเอง ถ้าภิกษุฉัน อามิสนั้น ต้องอาบัติทุกกฏ 3 ตัว (เภสัชชขันธกะ) 7/84/47/84/4 7/80/22 |
83 | [๕๐] ทรงอนุญาตให้อุ่นอาหารที่ต้องอุ่น (เภสัชชขันธกะ) 7/85/27/85/2 7/81/19 |
84 | [๕๑] คราวเกิดทุพภิกขภัย ในกรุงราชคฤห์ ทรงอนุญาตอามิสที่เก็บไว้ภายใน ที่อยู่ ที่หุงต้ม ภายในที่อยู่และที่หุงต้มเอง (เภสัชชขันธกะ) 7/85/197/85/19 7/82/14 |
85 | [๕๒] ทรงอนุญาต ภิกษุเห็นของขบเคี้ยว คือผลไม้ในที่ใด ถึงกัปปิยการกไม่มี ก็ให้หยิบนำไปเอง พบกัปปิยการกแล้ว วางไว้บนพื้นดิน ให้กัปปิยการกประเคน แล้วฉัน ทรงอนุญาตให้รับประเคนสิ่งของที่ภิกษุถูกต้องแล้วได้ (เภสัชชขันธกะ) 7/87/47/87/4 7/83/14 |
86 | [๕๓] ทรงอนุญาตให้ภิกษุฉันเสร็จ ห้ามภัตรแล้ว ฉันโภชนะอันไม่เป็นเดน ซึ่ง นำมาจากสถานที่ฉัน (เภสัชชขันธกะ) 7/89/27/89/2 7/85/6 |
87 | [๕๔] ทรงอนุญาตให้ภิกษุ ผู้ฉันเสร็จห้ามภัตรแล้ว ฉันโภชนะอันไม่เป็นเดน ซึ่งรับประเคนไว้ ในปุเรภัตรได้ (เภสัชชขันธกะ) 7/90/27/90/2 7/86/3 |
88 | [๕๕] เมื่อพระสารีบุตร ฉันเหง้าบัว และรากบัวแล้วโรคไข้ตัวร้อน ก็หายทันที 7/91/117/91/11 7/87/11 |
89 | [๕๕] ทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้ฉันเสร็จ ห้ามภัตรแล้ว ฉันโภชนะอันไม่เป็นเดนซึ่ง เกิดในป่า เกิดในสระบัว (เภสัชชขันธกะ) 7/91/167/91/16 7/87/16 |
90 | [๕๖] ทรงอนุญาตให้ฉันผลไม้ ที่ใช้เพาะพันธุ์ไม่ได้ หรือที่ปล้อนเมล็ดออกแล้ว ยังมิได้ทำกัปปะ ก็ฉันได้ (เภสัชชขันธกะ) 7/92/17/92/1 7/87/23 |
91 | [๕๗] ในที่แคบมีผิวเนื้ออ่อน แผลงอกเต็มยาก ผ่าตัดไม่สะดวก ภิกษุไม่พึงทำ สัตถกรรม (การผ่าตัด)ในที่แคบ รูปใดทำ ต้องอาบัติถุลลัจจัย (เภสัชชขันธกะ) 7/93/67/93/6 7/89/1 |
92 | [๕๗] ภิกษุไม่พึงทำสัตถกรรม หรือวัตถิกรรม (การผูกรัด) ในที่ประมาณ 2 นิ้ว โดยรอบแห่งที่แคบ รูปใดทำต้องอาบัติถุลลัจจัย (เภสัชชขันธกะ) 7/93/197/93/19 7/89/14 |
93 | [๕๙] ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉันต้องอาบัติถุลลัจจัย, ภิกษุยังไม่ได้ พิจารณา ไม่พึงฉันเนื้อ รูปใดฉันต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/97/167/97/16 7/93/5 |
94 | [๖๐] ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี เนื้อเสือดาว รูปใดฉันต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/98/57/98/5 7/93/16 |
95 | [๖๑] พราหมณ์ เดินติดตามพระพุทธเจ้านานกว่า 2 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้โอกาส เพื่อถวายภัตตาหาร (เภสัชชขันธกะ) 7/101/147/101/14 7/97/11 |
96 | [๖๑] ข้าวยาคู มีคุณ 10 อย่าง (เภสัชชขันธกะ) 7/103/37/103/3 7/98/23 |
97 | [๖๓] ทรงอนุญาตข้าวยาคู และขนมปรุงด้วยน้ำหวาน (เภสัชชขันธกะ) 7/104/57/104/5 7/99/21 |
98 | [๖๔] ภิกษุอันทายก นิมนต์ไว้แห่งหนึ่ง ไม่พึงฉันยาคูที่แข้นของผู้อื่น รูปใดฉัน พึงปรับอาบัติตามธรรม (เภสัชชขันธกะ) 7/107/127/107/12 7/102/24 |
99 | [๖๕] พราหมณ์ เวลัฏฐกัจจานะ ผู้ถวายงบน้ำอ้อยแด่ พระพุทธเจ้า และภิกษุ สงฆ์ ได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว ได้บรรลุธรรม (เภสัชชขันธกะ) 7/111/167/111/16 7/106/19 |
100 | [๖๖] ทรงอนุญาตงบน้ำอ้อยแก่ภิกษุ ผู้อาพาธ ผู้ไม่อาพาธให้ละลายน้ำอ้อย ในน้ำแล้วฉัน (เภสัชชขันธกะ) 7/112/127/112/12 7/107/12 |
101 | [๖๘-๖๙] โทษแห่งศีลวิบัติ และอานิสงส์แห่งศีลสมบัติ 5 ประการ (เภสัชชขันธกะ) 7/114-1157/114-115 7/109-110 |
102 | [๗๑] เทวดาที่มีศักดิ์ ต่างๆ ยึดถือที่ดิน ณ ที่ใดบรรดามนุษย์ผู้เป็นญาติ ก็จะ น้อมใจสร้างบ้านเรือน ณ ที่นั้น (เภสัชชขันธกะ) 7/116/117/116/11 7/111/4 |
103 | [๗๑] เมืองปาฏลิบุตร จักบังเกิดอันตราย 3 ประการ คือ บังเกิดแต่ไฟ บังเกิด แต่น้ำ และการแตกสามัคคีกัน (เภสัชชขันธกะ) 7/117/137/117/13 7/111/26 |
104 | [๗๓] อุทิศบุญ (ทักษิณา) แก่เหล่าเทพดาผู้สถิตในสถานที่นั้นๆ (เภสัชชขันธกะ) 7/118/137/118/13 7/113/1 |
105 | [๘๐] สีหเสนาบดี ได้บรรลุธรรม (เภสัชชขันธกะ) 7/132/27/132/2 7/125/12 |
106 | [๘๐] ภิกษุรู้อยู่ไม่พึงฉันเนื้อที่เขาทำจำเพาะ รูปใดฉันต้องอาบัติทุกกฏ ทรงอนุญาต ปลา เนื้อที่บริสุทธิ์ โดยส่วน 3 คือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจ (เภสัชชขันธกะ) 7/134/47/134/4 7/127/4 |
107 | [๘๑] ภัตตาหารที่ ทรงอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคราวอัตคัดอาหาร ทรงห้าม จำเดิมแต่นี้ไป (เภสัชชขันธกะ) 7/135/57/135/5 7/128/9 |
108 | [๘๑] ภิกษุไม่พึงฉันอาหารที่เก็บไว้ภายในที่อยู่ อาหารที่หุงต้มภายในที่อยู่ อาหารที่หุงต้มเอง อาหารที่จับต้อง แล้วรับประเคนใหม่ รูปใดฉันต้องอาบัติ ทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/135/127/135/12 7/128/15 |
109 | [๘๑] อาหารที่ทายกนำมาจากที่นิมนต์ อาหารที่รับประเคนฉันในปุเรภัตอาหาร เกิดในป่า และเกิดในสระบัว ยังไม่เป็นเดน ภิกษุฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ไม่พึงฉัน รูปใดฉัน พึงปรับอาบัติตามธรรม (เภสัชชขันธกะ) 7/135/157/135/15 7/128/18 |
110 | [๘๒] สงฆ์สมมติวิหาร ที่ตั้งอยู่สุดเขตวัด ให้เป็นที่เก็บของกัปปิยะ แล้วให้เก็บ ไว้ในสถานที่ ที่สงฆ์จำนง คือ วิหาร เรือนมุงแถบเดียว เรือนชั้น เรือนโล้น ถ้ำก็ได้ สมมติด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา (เภสัชชขันธกะ) 7/136/77/136/7 7/129/11 |
111 | [๘๒] ทรงอนุญาตให้ใช้สถานที่ กัปปิยภูมิ ที่สงฆ์สมมติ ทรงอนุญาตสถานที่ กัปปิยภูมิ 4 ชนิด คือ อุสสาวนันติกา โคนิสาทิกา คหปติกา สมมติกา (เภสัชชขันธกะ) 7/138/27/138/2 7/130/21 |
112 | [๘๔] เมณฑกเศรษฐี ภรรยา บุตร สะใภ้ ทาส ได้ดวงตาเห็นธรรม 7/144/57/144/5 7/136/12 |
113 | [๘๕] ทรงอนุญาต โครส 5 คือ นมสด นมส้ม เปรียง เนยข้น เนยใส (เภสัชชขันธกะ) 7/148/177/148/17 7/140/14 |
114 | [๘๕] หนทางกันดาร อัตคัดน้ำและอาหาร ทรงอนุญาตให้แสวงหาเสบียงได้ คือ ต้องการข้าวสาร ถั่วเขียว ถั่วราชมาส เกลือ น้ำอ้อย น้ำมัน เนยใส ต้องการอันใดพึงแสวงหาอันนั้น (เภสัชชขันธกะ) 7/148/187/148/18 7/140/16 |
115 | [๘๕] มีอยู่ที่ชาวบ้านที่ศรัทธาเลื่อมใส เขามอบเงินทองไว้ในมือกัปปิยการก สั่งว่า สิ่งใดควรแก่พระ ขอท่านจงถวายสิ่งนั้นด้วยกัปปิยภัณฑ์นี้ ทรงอนุญาต ให้ยินดีของอันเป็นกัปปิยะ จากกัปปิยภัณฑ์นั้นไว้ แต่มิได้กล่าวว่าพึงยินดี พึงแสวงหาทอง และเงิน โดยปริยายไรๆ เลย (เภสัชชขันธกะ) 7/149/37/149/3 7/140/22 |
116 | [๘๖] ทรงอนุญาต น้ำปานะ 8 ชนิด คือ น้ำปานะทำด้วยผลมะม่วง หว้า กล้วยมีเมล็ด กล้วยไม่มีเมล็ด มะซาง จันทน์/องุ่น เหง้าบัว มะปราง/ลิ้นจี่ (เภสัชชขันธกะ) 7/152/47/152/4 7/143/17 |
117 | [๘๖] ทรงอนุญาต น้ำผลไม้ทุกชนิด เว้นน้ำต้มเมล็ดข้าวเปลือก (เภสัชชขันธกะ) 7/152/87/152/8 7/143/22 |
118 | [๘๖] ทรงอนุญาต น้ำใบไม้ทุกชนิด เว้นน้ำผักดอง (เภสัชชขันธกะ) 7/152/107/152/10 7/143/23 |
119 | [๘๖] ทรงอนุญาต น้ำดอกไม้ทุกชนิด เว้นน้ำดอกมะซาง อนุญาตน้ำอ้อยสด 7/152/117/152/11 7/143/24 |
120 | [๘๘] การที่จะบันดาล ให้โรชะมัลลกษัตริย์ เลื่อมใสในพระธรรมวินัยนี้ พระตถาคต ทำได้ไม่ยากเลย แล้วทรงแผ่เมตตาจิต ไปยังโรชะมัลลกษัตริย์ (เภสัชชขันธกะ) 7/154/207/154/20 7/146/5 |
121 | [๘๘] โรชะมัลลกษัตริย์ ได้ดวงตาเห็นธรรม (เภสัชชขันธกะ) 7/156/17/156/1 7/147/4 |
122 | [๘๘] ทรงอนุญาตผักสดทุกชนิด และของขบฉันที่ทำด้วยแป้งทุกชนิด 7/158/47/158/4 7/149/4 |
123 | [๘๙] บรรพชิตไม่พึงชักจูงทายก ในสิ่งอันไม่ควร รูปใดชักจูงต้องอาบัติทุกกฏ 7/160/67/160/6 7/151/2 |
124 | [๘๙] ภิกษุผู้เคยเป็นช่างกัลบก ไม่พึงเก็บรักษาเครื่องตัดโกนผมไว้สำหรับตัว รูปใดเก็บไว้ต้องอาบัติทุกกฏ (เภสัชชขันธกะ) 7/160/87/160/8 7/151/4 |
125 | [๙๐] ทรงอนุญาตผลไม้ทุกชนิด (เภสัชชขันธกะ) 7/160/187/160/18 7/151/14 |
126 | [๙๑] พืชของสงฆ์ที่ปลูกในที่ของบุคคล พึงให้ส่วนแบ่ง แล้วบริโภค พืชของ บุคคลที่เพาะปลูกในที่ของสงฆ์ พึงให้ส่วนแบ่งแล้วบริโภค (เภสัชชขันธกะ) 7/161/57/161/5 7/151/20 |
127 | [๙๒] ทรงอนุญาต มหาประเทศ 4 คือ ข้ออ้างสำหรับเทียบ วัตถุอันเป็นกัปปิยะ และอกัปปิยะ (เภสัชชขันธกะ) 7/161/97/161/9 7/152/1 |
128 | [๙๓] พระพุทธานุญาต กาลิกระคน (เภสัชชขันธกะ) 7/162/27/162/2 7/152/15 |
129 | ภิกษุย่อมเปียกด้วยน้ำฝนเหยียบย่ำโคลน แดดย่อมกล้าในระหว่าง ๆ บ้าง ทำให้ดีของภิกษุย่อมซึมเข้าไปในลำใส้ ทำให้อาพาธ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/165/127/165/12 7/156/5 |
130 | จุรณ แห่งไม้ซึก และดอกคำ หรือจุรณแห่งเครื่องหอมทุกๆ อย่าง ควรแก่ภิกษุ ที่มีกลิ่นตัวแรง จะเอาจุรณนั้น แช่น้ำอาบก็ควร (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/167/57/167/5 7/157/17 |
131 | ภาชนะยาตา ที่แล้วด้วยกระดูก ที่เหลือ เว้นกระดูกมนุษย์ ควร (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/168/67/168/6 7/158/17 |
132 | การหุงน้ำมันทุกชนิด เป็นอันว่าทรงอนุญาต ให้ใส่เครื่องยาอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงไปได้แท้ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/168/177/168/17 7/159/5 |
133 | การรมใหญ่ได้แก่ ใส่ถ่านไฟให้เต็มหลุม ประมาณเท่าตัวคน แล้วกลบด้วยทราย ลาดใบไม้แก้ลมต่างๆ ชนิด แล้วนอนพลิกไปมาบนใบไม้นั้น ด้วยตัวที่ทาน้ำมัน แล้ว (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/169/37/169/3 7/159/12 |
134 | อนุญาตให้ใช้อ่าง หรือรางที่เติมด้วยน้ำอุ่น แล้วลงในอ่าง หรือรางนั้นทำการ นึ่งให้เหงื่อออก (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/169/97/169/9 7/159/19 |
135 | อนุญาตให้ใส่ยาต่างๆ ลงในกะลามะพร้าว เป็นต้น ปรุงน้ำเมา คือให้หุงยา เป็น ที่สบายแก่เท้าทั้ง 2 (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/169/147/169/14 7/159/26 |
136 | นอกจากงูแล้ว แม้สัตว์มีพิษอื่นกัด ก็ถือยามหาวิกัติ ฉันเองได้ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/170/57/170/5 7/160/14 |
137 | อุจจาระที่ตกถึงดินแล้ว ต้องรับประเคนใหม่ แต่จะถือเอาในขณะที่ยังไม่ถึง ดินควรอยู่ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/170/97/170/9 7/160/19 |
138 | ผู้มีธาตุไฟเผาอาหารเสีย อุจจาระออกอยาก ทรงอนุญาตให้ภิกษุเผาข้าวสุก ที่ตากแห้ง ให้ไหม้แล้วดื่มน้ำด่างที่ไหลออกจากเถ้านั้น (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/170/157/170/15 7/160/24 |
139 | ภิกษุจะหุงต้ม อามิสเองไม่ควร เฉพาะอามิสที่สุกแล้ว จะอุ่นควรอยู่ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/171/97/171/9 7/161/22 |
140 | ชนทั้งหลายใส่ใบผักชี ขิง เกลือ ลงในข้าวต้มที่ร้อนสำหรับภิกษุ ภิกษุจะคน แม้ซึ่งข้าวต้มนั้นย่อมไม่ควร แต่จะคนด้วยคิดจะให้ข้าวต้มเย็น ควรอยู่ 7/171/107/171/10 7/161/24 |
141 | ในนมสด และ ฆี (คือนมเปรี้ยวอย่างข้น) ที่เขาต้มเดือดแล้วครั้งหนึ่ง ภิกษุจะ ก่อไฟควรอยู่ เพราะการทำให้สุกอีก พระพุทธองค์ทรงอนุญาต (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/171/157/171/15 7/162/5 |
142 | ไม่ควรทำการตัด ผ่า เจาะ กรีด ด้วยของมีคมเป็นมีด เข็ม หนาม หอก สะเก็ดหิน หรือเล็บ เพราะเป็นสัตถกรรมในที่แคบ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/172/107/172/10 7/163/1 |
143 | การบีบทั้งหมดเป็นวัตถิกรรม โรคอัณฑะโต ก็ไม่ควรผ่า แต่จะย่างด้วยไฟและ ทายาไม่มีการห้าม (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/172/157/172/15 7/163/5 |
144 | ในทวารหนัก กรวยใบไม้ และเกลียวชุดที่ทายาแล้ว หลอดไม้ไผ่ ซึ่งสำหรับ หยอดน้ำด่าง และกรอกน้ำมันย่อมควร (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/173/17/173/1 7/163/15 |
145 | เนื้อ กระดูก เลือด หนัง ขน แห่งสัตว์ 10 ชนิด มีมนุษย์ เป็นต้น ไม่ควร ทั้งหมด เมื่อภิกษุรู้ไม่รู้ก็ตาม ฉันเป็นอาบัติ , รู้เมื่อใดพึงแสดงเมื่อนั้น, ไม่ถาม ก่อนรับด้วยตั้งใจว่า เราจะฉันต้องทุกกฏ. แม้เพราะรับ. รับด้วยตั้งใจว่าจักถาม ก่อนจึงฉันไม่เป็นอาบัติ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/174/87/174/8 7/164/20 |
146 | เทวดาเติมโอชะอันละเอียดลงในน้ำอ้อยงบที่เหลือนั้น พระพุทธองค์จึงให้ เททิ้ง เพราะย่อมไม่ถึงความย่อยไปได้สำหรับชนเหล่าอื่น (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/175/87/175/8 7/165/22 |
147 | คำว่า ปฏิจจกรรม นี้ เป็นชื่อของ นิมิตกรรม แม้มังสะท่านเรียกว่า ปฏิจจกรรม เพราะผู้ใดบริโภคมังสะที่เจาะจงตนกระทำ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น 7/180/47/180/4 7/170/14 |
148 | กัปปิยภูมิแม้จะไม่สวดกรรมวาจา สมมติด้วยอปโลกน์แทน ก็ควร (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/180/157/180/15 7/171/4 |
149 | ที่อยู่ของนางภิกษุณี ของคนวัด ของพวกเดียรถีย์ ของเทวดา นาค หรือพรหม ย่อมเป็นกัปปิยกุฎี. ประเภทคหปติได้ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/182/167/182/16 7/173/2 |
150 | ของที่เป็นสัตตาหกาลิก และยาวชีวิก เก็บไว้ในอกัปปิยะภูมิได้ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/183/77/183/7 7/173/17 |
151 | ภิกษุเอาเนยใสที่เก็บไว้ในอกัปปิยกุฎี และผักที่เป็นยาวชีวิก ทอดเข้าด้วยกัน ผักนั้น เป็นของปราศจากอามิส ควรฉันได้ 7 วัน ถ้าฉันปนกับอามิส ผักนั้น เป็นอันโตวุตถะ ด้วยเป็น สามปักกะ ด้วย (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/183/217/183/21 7/174/6 |
152 | ถามว่า กัปปิยกุฎี เหล่านี้ เมื่อไรจะละวัตถุเล่า ? (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/184/17/184/1 7/174/10 |
153 | ถ้าวัดใดไม่มีกัปปิยภูมิ 4 พึงให้อนุปสัมบัน ทำให้เป็นของเธอแล้วฉัน 7/184/177/184/17 7/175/1 |
154 | การขอเสบียง พึงแสวงหาจากสำนัก ญาติ และคนปวารณา หรือด้วย ภิกขาจารวัตร ถ้าไม่ได้ พึงขอจากคนไม่ได้ปวารณา ก็ได้ (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/185/197/185/19 7/176/4 |
155 | น้ำมะม่วงที่ภิกษุรับประเคน แล้วทำเอง ย่อมควรในปุเรภัตเท่านั้น ส่วนที่ อนุปสัมบันทำ ภิกษุรับประเคนในปุเรภัตย่อมควร แม้ด้วยบริโภคเจืออามิส ในปุเรภัต ที่รับประเคนในปัจฉาภัตย่อมควรโดยบริโภคปราศจากอามิสจนถึง เวลาอรุณขึ้น (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/186/137/186/13 7/176/22 |
156 | รสแห่งผัก ที่เป็นยาวกาลิก ย่อมควรในปุเรภัตเท่านั้น, รสแห่งผักที่เป็นยาวชีวิก ถ้าสุกด้วยน้ำล้วน ควรฉันได้ตลอดชีวิต ถ้าสุกพร้อมกับเนยใสฉันได้ 7 วัน ภิกษุจะต้มผักที่เป็นยาวชีวิก ให้สุกพร้อมกับนมสดเอง ไม่ควร แม้ที่ชนเหล่า อื่นให้สุกแล้วย่อมนับว่ารสผักเหมือนกัน (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/187/147/187/14 7/177/21 |
157 | ภิกษุใดไม่เคยเป็นช่างกัลบก จะรักษามีดโกนไว้ย่อมควร จะโกนผมด้วยมีด โกนนั้น หรืออันอื่นก็ควร (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/189/117/189/11 7/180/1 |
158 | การให้ส่วนที่ 10 นี้ เป็นธรรมเนียมเก่าในชมพูทวีป เพราะเหตุนั้นพึงแบ่งเป็น 10 ส่วน แล้วให้แก่พวกเจ้าของที่ดิน ส่วนหนึ่ง (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/189/147/189/14 7/180/4 |
159 | มหาผล 9 อย่าง ได้แก่ ตาล มะพร้าว ขนุน สาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไท แตงโม ฟักทอง เป็นอันทรงห้าม และอปรัณชาติทุกชนิด มีคติอย่างธัญชาติ เหมือนกันจึงไม่ควรในปัจฉาภัต (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/189/247/189/24 7/180/14 |
160 | พวกทายกถวายข้าวปายาสเย็นวางก้อนเนยใสไว้ข้างบน เนยใสใดไม่ปนกับ ข้าวปายาส จะเอาเนยใสนั้นออกไว้ฉัน 7 วันก็ควร (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/191/167/191/16 7/182/7 |
161 | ทายกถวายบิณฑบาต ใส่กระวาน และลูกจันทน์ กระวาน และลูกจันทน์นั้น พึงยกออกล้างไว้ ฉันได้ตลอดชีวิต (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/191/207/191/20 7/182/11 |
162 | กาลิกใดๆ เป็นของมีรส ระคนปนกันไม่ได้ กาลิกนั้นๆ แม้รับประเคนพร้อมกัน ล้างหรือปอกเสีย จนบริสุทธิ์แล้วฉัน ด้วยอำนาจแห่งกาลิกนั้นๆ ย่อมควร (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/192/17/192/1 7/182/15 |
163 | ยาวชีวิกที่รับประเคนในวันนั้น หรือ วันก่อนๆ ก็ดี ปนกับสัตตาหกาลิก ซึ่งรับ ประเคนในวันนั้น ย่อมควรเพียง 7 วัน (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/192/147/192/14 7/182/23 |
164 | ใน กาลิก 4 นี้ ยาวกาลิก ยามกาลิก เป็นอันโตวุตถะด้วย เป็นสันนิธิด้วย แต่สัตตาหกาลิก และยาวชีวิก แม้จะเก็บไว้ในอกัปปิยกุฏิ ก็ควร ทั้งไม่ให้เกิด สันนิธิ ด้วย (อ.เภสัชชขันธกะ) 7/192/187/192/18 7/183/9 |
165 | [๙๖] ทรงอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลาย ผู้จำพรรษาแล้วได้กรานกฐิน จะได้อานิสงส์ 5 ประการ (กฐินขันธกะ) 7/194/167/194/16 7/185/14 |
166 | [๙๗] กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยเหตุ 24 ประการ (กฐินขันธกะ) 7/195/197/195/19 7/186/17 |
167 | [๙๘] กฐินเป็นอันกราน ด้วยเหตุ 17 ประการ (กฐินขันธกะ) 7/197/67/197/6 7/188/2 |
168 | [๙๙] มาติกา (หัวข้อ) เพื่อเดาะกฐิน 8 ข้อ (กฐินขันธกะ) 7/198/77/198/7 7/188/24 |
169 | [๑๒๖] กฐิน มีปลิโพธ (ความกังวลที่เป็นเหตุให้กฐินยังไม่เดาะ) มี 2 คือ อาวาสปลิโพธ จีวรปลิโพธ (กฐินขันธกะ) 7/222/167/222/16 7/212/2 |
170 | ภิกษุชาวปาเฐยยะ 30 รูป คือ พวกภัททวัคคิยเถระ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมพระบิดา ของพระเจ้าโกศล ใน 30 รูปนั้น รูปที่เป็นใหญ่กว่าทุกๆ รูปเป็นพระอนาคามี รูปที่ด้อยกว่าทุกๆ รูป เป็นพระโสดาบัน (กฐินขันธกะ) 7/226/97/226/9 7/215/18 |
171 | พระพุทธองค์ตรัสสอน อนมตัคคิยกถาจบ ทั้ง 30 รูป ได้บรรลุอรหัต แล้วเหาะ ไปในอากาศ (อ.กฐินขันธกะ) 7/227/147/227/14 7/216/24 |
172 | ธรรมดาการ กรานกฐินนี้ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ทรงบัญญัติแล้ว(อ.กฐินขันธกะ) 7/227/207/227/20 7/217/4 |
173 | จีวรที่จ่ายมาด้วยค่า กัลปนาของสงฆ์ ซึ่งเกิดขึ้นในสีมานั้นก็ตาม จะเป็นของ พวกเธอ ผู้จำพรรษา และได้กรานกฐินแล้ว (อ.กฐินขันธกะ) 7/228/177/228/17 7/218/5 |
174 | ภิกษุ 5 รูปเป็นอย่างต่ำ ย่อมได้กรานกฐิน ภิกษุผู้จำพรรษาต้น ปวารณาใน วันปฐมปวารณา ย่อมได้อานิสงส์ ภิกษุผู้มีพรรษาขาด หรือผู้จำพรรษาใน ปัจฉิมพรรษา (เข้าพรรษาหลัง) แม้ผู้จำพรรษาในวัดอื่น ก็ไม่ได้อานิสงส์ แต่ ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง เป็นคณปูรกะ ของภิกษุผู้จำพรรษาต้น ก็ได้ (อ.กฐินขันธกะ) 7/229/57/229/5 7/218/12 |
175 | กฐินใครถวายจึงใช้ได้ ?, บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งจะเป็นเทวดา หรือมนุษย์ หรือ สหธรรมมิกทั้ง 5 คนใดคนหนึ่งถวาย ก็ใช้ได้ (อ.กฐินขันธกะ) 7/230/27/230/2 7/219/7 |
176 | ธรรมเนียมของผู้ถวายกฐิน ถ้าเขาไม่รู้จึงถาม ภิกษุพึงบอกเขาได้ (อ.กฐินขันธกะ) 7/230/57/230/5 7/219/10 |
177 | สงฆ์ควรให้จีวร แก่ ภิกษุใดที่มีจีวรเก่า, พึงให้แก่ผู้เฒ่า,ให้แก่มหาบุรุษผู้สามารถ ทำจีวรเสร็จทันกรานในวันนั้น แต่สงฆ์ควรทำความสงเคราะห์แก่พระมหาเถระ . (อ.กฐินขันธกะ) 7/231/17/231/1 7/220/5 |
178 | หากผ้ากฐินนั้น เป็นของมีบริกรรมเสร็จสรรพแล้ว อย่างนั้น นั่นเป็นการดี หากมีบริกรรมยังไม่สำเร็จ ต้องช่วยกันทำ (อ.กฐินขันธกะ) 7/231/177/231/17 7/220/22 |
179 | วิธีกรานกฐิน พึงถอนผ้าเก่า อธิษฐานผ้าใหม่ แล้วลั่นวาจาว่า ข้าพเจ้ากราน กฐินด้วยผ้านี้ เชิญให้ภิกษุทั้งหลายอนุโมทนา (อ.กฐินขันธกะ) 7/232/67/232/6 7/221/10 |
180 | ผ้าอานิสงส์กฐินที่ยังเหลือ พึงแจกกันโดยลำดับ แห่งผ้าจำนำพรรษา. เพราะไม่มี ลำดับ พึงแจกตั้งแต่เถรอาสน์ ลงมา คุรุภัณฑ์ไม่ควรแจก แต่ถ้าในสีมาเดียวมี หลายวิหาร ต้องให้ภิกษุทั้งหลายประชุมกรานกฐินในที่เดียวกัน (อ.กฐินขันธกะ) 7/233/77/233/7 7/222/9 |
181 | ผ้ากฐินนี้ แม้แต่มารดาก็ไม่ควรออกปากขอ (อ.กฐินขันธกะ) 7/235/127/235/12 7/224/15 |
182 | ว่าด้วยการรื้อกฐิน (อ.กฐินขันธกะ) 7/237/87/237/8 7/226/8 |
183 | [๑๒๘] หมอชีวกเป็นบุตรของนางสาลวดี หญิงงามเมืองประจำกรุงราชคฤห์ (จีวรขันธกะ) 7/242/137/242/13 7/231/13 |
184 | [๑๒๙] ชีวกโกมารภัจจ์ เดินทางไปเรียนศิลปะการแพทย์ที่ตักกสิลา อยู่ 7 ปี (จีวรขันธกะ) 7/244/47/244/4 7/233/2 |
185 | [๑๓๐] หมอชีวกรักษาอาการปวดหัวของภรรยาเศรษฐีซึ่งเป็นมา 7 ปี ด้วย การนัตถุ์ยาที่หุงด้วยเนยใส (จีวรขันธกะ) 7/246/177/246/17 7/235/15 |
186 | [๑๓๒] หมอชีวกผ่ากะโหลกศีรษะ นำสัตว์ออกจากสมองเศรษฐีเมืองราชคฤห์ (จีวรขันธกะ) 7/251/57/251/5 7/239/19 |
187 | [๑๓๓] หมอชีวกผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ แก่บุตรเศรษฐี เมืองพาราณสี (จีวรขันธกะ) 7/254/17/254/1 7/242/9 |
188 | [๑๓๔] พระเจ้าจัณฑปัชโชต มีมหาดเล็กชื่อ กากะ ซึ่งอาศัยเกิดกับอมนุษย์ เดินทางได้วันละ 60 โยชน์ (จีวรขันธกะ) 7/256/117/256/11 7/244/18 |
189 | [๑๓๕] หมอชีวกได้อบก้านอุบล 3 ก้านด้วยยาต่างๆ เมื่อสูดดมแล้วจะทำ ให้ถ่าย (จีวรขันธกะ) 7/259/67/259/6 7/247/1 |
190 | [๑๓๕] ทรงอนุญาตคหบดีจีวร รูปใดปรารถนา จงถือผ้าบังสุกุล รูปใดปรารถนา จงยินดีคหบดีจีวร แต่พระองค์สรรเสริญ การยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้ (จีวรขันธกะ) 7/262/117/262/11 7/250/2 |
191 | [๑๓๗] ทรงอนุญาต ผ้าปาวาร ผ้าปาวารแกมไหม ผ้าโกเชาว์ (จีวรขันธกะ) 7/263/47/263/4 7/250/15 |
192 | [๑๓๘-๑๓๙] ทรงอนุญาต ผ้ากัมพล อนุญาตจีวร 6 ชนิด ได้แก่ ผ้าที่ทำด้วย เปลือกไม้ ฝ้าย ไหม ขนสัตว์ ป่าน ของเจือกัน (จีวรขันธกะ) 7/264/97/264/9 7/251/18 |
193 | [๑๓๙] ทรงอนุญาตให้ภิกษุ พึงยินดีคหบดีจีวร ยินดีผ้าบังสุกุลได้ แต่พระองค์ สรรเสริญความสันโดษ ด้วยจีวร ทั้ง 2 นี้ (จีวรขันธกะ) 7/264/217/264/21 7/252/8 |
194 | [๑๔๐] ส่วนแบ่งจีวรในสุสาน ทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้ไม่ปรารถนา ไม่ต้องแบ่ง ส่วน แก่พวกที่ไม่รอคอย และพวกที่แวะเข้าไปทีหลัง แต่ต้องให้ส่วนแบ่ง แก่พวก ที่รอคอย พวกที่แวะเข้าไปพร้อมกัน หรือพวกที่นัดแนะกัน แล้วแวะเข้าไป (จีวรขันธกะ) 7/265/87/265/8 7/252/19 |
195 | [๑๔๑-๑๔๒] ทรงอนุญาตให้สมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 ให้เป็นผู้รับจีวร ผู้เก็บจีวร ด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา (จีวรขันธกะ) 7/267/17/267/1 7/254-256 |
196 | [๑๔๓-๑๔๔] ทรงอนุญาตให้สมมติ วิหาร เพิง เรือนชั้น เรือนโล้น ถ้ำ ที่สงฆ์ จำหมายให้เป็นเรือนคลัง และทรงอนุญาตให้สมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 เป็นเจ้าหน้าที่รักษาเรือนคลัง ด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา (จีวรขันธกะ) 7/269/77/269/7 7/256-257 |
197 | [๑๔๕] ภิกษุไม่พึงย้าย เจ้าหน้าที่ผู้รักษาเรือนคลัง รูปใดย้าย ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/271/67/271/6 7/258/4 |
198 | [๑๔๖] ทรงอนุญาตให้สมมติ ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 เป็นเจ้าหน้าที่แจกจีวร (จีวรขันธกะ) 7/271/137/271/13 7/258/12 |
199 | [๑๔๖] วิธีแจกจีวรทรงอนุญาตให้คัดเลือกผ้าก่อน แล้วตีราคาถัวกัน นับภิกษุผูกผ้า เป็นมัดๆ แล้วตั้งส่วนจีวรไว้ ให้มอบส่วนกึ่งหนึ่งแก่พวกสามเณร (จีวรขันธกะ) 7/272/167/272/16 7/259/12 |
200 | [๑๔๖] ทรงอนุญาตให้มอบส่วนของตนแก่ภิกษุ ผู้รีบเดินทางไป (จีวรขันธกะ) 7/273/37/273/3 7/259/21 |
201 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/337/77/337/7 7/323/1 |
202 | [๑๔๖] ทรงอนุญาตให้มอบส่วนพิเศษ สำหรับภิกษุผู้ปรารถนาจะรีบเดินทาง ไปกับส่วนพิเศษในเมื่อให้สิ่งของทดแทนสมกัน (จีวรขันธกะ) 7/273/67/273/6 7/260/1 |
203 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/337/177/337/17 7/323/11 |
204 | [๑๔๖] ทรงอนุญาตให้สมยอม ส่วนที่บกพร่อง แล้วทำการจับสลาก (จีวรขันธกะ) 7/273/97/273/9 7/260/6 |
205 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/338/97/338/9 7/324/1 |
206 | [๑๔๗] ทรงอนุญาตน้ำย้อม 6 อย่าง คือ น้ำย้อมเกิดจากราก หรือเหง้าต้นไม้ เปลือกไม้ ใบไม้ ดอกไม้ ผลไม้ (จีวรขันธกะ) 7/273/147/273/14 7/260/11 |
207 | [๑๔๗] ทรงอนุญาตหม้อย้อมขนาดเล็กเพื่อต้มน้ำย้อม ทรงอนุญาตให้ผูก ตะกร้อกันล้น (จีวรขันธกะ) 7/273/187/273/18 7/260/17 |
208 | [๑๔๗] ทรงอนุญาตให้หยดหยาดน้ำลงในน้ำ หรือหลังเล็บ เพื่อให้รู้ว่าน้ำย้อมสุก หรือไม่สุก (จีวรขันธกะ) 7/274/17/274/1 7/260/22 |
209 | [๑๔๗] ทรงอนุญาตกระบวยตักน้ำย้อม อ่างสำหรับย้อม หม้อสำหรับย้อม รางสำหรับย้อม (จีวรขันธกะ) 7/274/67/274/6 7/261/3 |
210 | [๑๔๗] สำหรับตากจีวร ทรงอนุญาตเครื่องรองทำด้วยหญ้า ราวจีวร สายระเดียง ให้ผูกมุมจีวรไว้ (จีวรขันธกะ) 7/274/137/274/13 7/261/11 |
211 | [๑๔๗] ทรงอนุญาตด้ายผูกมุมจีวร ให้ตากจีวรพลิกกลับไปกลับมา แต่เมื่อ น้ำย้อมยังหยด ไม่ขาดสาย อย่าหลีกไป สำหรับผ้าเนื้อแข็งให้จุ่มจีวรลงในน้ำ ถ้าผ้ากระด้างให้ทุบด้วยฝ่ามือ (จีวรขันธกะ) 7/275/27/275/2 7/261/21 |
212 | [๑๔๘] ภิกษุไม่พึงใช้จีวรที่มิได้ตัด รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/275/167/275/16 7/262/11 |
213 | [๑๔๙] ทรงอนุญาตผ้าสังฆาฏิตัด อุตราสงค์ตัด อันตรวาสกตัด (จีวรขันธกะ) 7/277/17/277/1 7/263/21 |
214 | [๑๕๐] ทรงอนุญาตไตรจีวร คือ ผ้าสังฆาฏิ 2 ชั้น ผ้าอุตราสงค์ชั้นเดียว ผ้าอันตรวาสกชั้นเดียว (จีวรขันธกะ) 7/279/47/279/4 7/265/22 |
215 | [๑๕๑] อนุญาตให้ทรงอดิเรกจีวรได้ 10 วัน เป็นอย่างยิ่ง ทรงอนุญาตให้ วิกัปอดิเรกจีวร (จีวรขันธกะ) 7/280/47/280/4 7/267/2 |
216 | [๑๕๒] ทรงอนุญาตผ้าสังฆาฏิ 2 ชั้น ผ้าอุตราสงค์ชั้นเดียว ผ้าอันตรวาสก ชั้นเดียว สำหรับผ้าใหม่มีกัปปะใหม่ ผ้าสังฆาฏิ 4 ชั้น ผ้าอุตราสงค์ 2 ชั้น ผ้าอันตรวาสก 2 ชั้น สำหรับผ้าที่เก็บไว้ล่วงฤดู (จีวรขันธกะ) 7/281/57/281/5 7/268/2 |
217 | [๑๕๒] ทรงอนุญาตผ้าปะ การชุน รังดุม ลูกดุม การทำให้มั่น (จีวรขันธกะ) 7/281/97/281/9 7/268/6 |
218 | [๑๕๓] พระตถาคตเลิกให้พรเสียแล้ว (จีวรขันธกะ) 7/284/57/284/5 7/270/19 |
219 | [๑๕๕] ทรงอนุญาตผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำฝน) , อาคันตุกภัต (อาหาร สำหรับผู้มาจากต่างถิ่น) , คมิกภัต (อาหารสำหรับผู้จะเดินทาง) , คิลานภัต (อาหารเฉพาะภิกษุป่วย), คิลานุปัฏฐากภัต(อาหารสำหรับผู้พยาบาลภิกษุไข้) คิลานเภสัช (ยาสำหรับภิกษุป่วย) ยาคูประจำ ทรงอนุญาตผ้าอุทกสาฎก (ผ้าอาบน้ำ) แก่ภิกษุณีสงฆ์ (จีวรขันธกะ) 7/288/57/288/5 7/274/17 |
220 | [๑๕๖] ภิกษุเหล่าใดนอนหลับ มีสติตั้งมั่นรู้สึกตัว น้ำอสุจิของภิกษุเหล่านั้น ไม่เคลื่อน น้ำอสุจิของภิกษุปุถุชน ผู้ปราศจากความกำหนัดในกามก็ไม่เคลื่อน ข้อที่น้ำอสุจิของพระอรหันต์ จะพึงเคลื่อนนั้น ไม่ใช่ฐานะไม่ใช่โอกาส (จีวรขันธกะ) 7/289/37/289/3 7/275/16 |
221 | [๑๕๖] นอนหลับลืมสติมีโทษ 5 ประการ (จีวรขันธกะ) 7/290/27/290/2 7/276/10 |
222 | [๑๕๖] ทรงอนุญาตผ้านิสีทนะ(ผ้าปูนั่ง) เพื่อรักษากาย รักษาจีวร รักษา เสนาสนะ ทรงอนุญาตผ้าปูนอน ใหญ่ตามต้องการ (จีวรขันธกะ) 7/290/127/290/12 7/276/20 |
223 | [๑๕๗] ทรงอนุญาตผ้าปิดฝี แก่ภิกษุที่อาพาธเป็นฝี พุพอง สิว ฝีดาษ อีสุกอีใส (จีวรขันธกะ) 7/291/107/291/10 7/277/19 |
224 | [๑๕๘] ทรงอนุญาตผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดปาก (จีวรขันธกะ) 7/292/27/292/2 7/278/14 |
225 | [๑๕๙] ทรงอนุญาตให้ถือวิสาสะแก่ผู้ประกอบด้วยองค์ 5 คือ เคยเห็นกันมา เคยคบกันมา เคยบอกอนุญาตกันไว้ เขายังมีชีวิตอยู่ รู้ว่าเมื่อเราถือเอา แล้วเขาจะพอใจ (จีวรขันธกะ) 7/292/87/292/8 7/278/21 |
226 | [๑๖๐] ภิกษุทั้งหลายต้องการผ้ากรองน้ำบ้าง ถุงบ้าง จึงทรงอนุญาตผ้าบริขาร (จีวรขันธกะ) 7/292/137/292/13 7/279/4 |
227 | [๑๖๐] ผ้าไตรจีวร ผ้านิสีทนะ ผ้าปูนอน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดปาก ผ้าบริขารให้ อธิษฐาน ไม่ใช่ให้วิกัป ผ้าอาบน้ำฝนให้อธิษฐานตลอด 4 เดือน แห่งฤดูฝนพ้น จากนั้นไปให้วิกัป ผ้าปิดฝีให้อธิษฐานตลอดเวลาที่อาพาธ พ้นจากนั้นให้วิกัป (จีวรขันธกะ) 7/292/217/292/21 7/279/12 |
228 | [๑๖๐] ผ้าขนาดเล็ก ยาว 8 นิ้ว กว้าง 4 นิ้วโดยนิ้วพระสุคต ทรงอนุญาตให้วิกัป (จีวรขันธกะ) 7/293/77/293/7 7/279/20 |
229 | [๑๖๐] ผ้าอุตราสงค์ของพระมหากัสสป เป็นของหนัก ทรงอนุญาตให้ทำการ เย็บด้วยด้าย, มุมผ้าสังฆาฏิไม่เสมอกันทรงอนุญาตให้เจียนมุม ที่ไม่เสมอออก, ด้ายลุ่ยออก ทรงอนุญาตให้ติดผ้าอนุวาต ผ้าหุ้มขอบ, แผ่นผ้าสังฆาฏิลุ่ยออก ทรงอนุญาตให้เย็บตะเข็บดังตาหมากรุก (จีวรขันธกะ) 7/293/97/293/9 7/280/2 |
230 | [๑๖๑] ถ้าผ้าไม่พอทรงอนุญาต ผ้าที่ต้องตัด 2 ผืน ไม่ต้องตัด 1 ผืน , ทรง อนุญาตผ้า 2 ผืน ไม่ต้องตัด ผืนหนึ่งต้องตัด, อนุญาตให้เพิ่มผ้าเพลาะ แต่ผ้า ทุกผืนที่ไม่ได้ตัดภิกษุไม่พึงใช้ รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/294/17/294/1 7/280/18 |
231 | [๑๖๒] ทรงอนุญาตให้ สละผ้าแก่มารดา บิดาได้ แต่ภิกษุไม่พึงทำศรัทธาไทย ให้ตกไป รูปใดทำให้ตกไป ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/294/137/294/13 7/281/7 |
232 | [๑๖๓] ภิกษุมีแต่ผ้าอุตราสงค์ กับผ้าอันตรวาสกไม่พึงเข้าบ้าน รูปใดเข้าไป ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/295/57/295/5 7/282/1 |
233 | [๑๖๓] เหตุที่เก็บผ้าไตรจีวรไว้ได้ 5 ประการ (จีวรขันธกะ) 7/295/197/295/19 7/282/15 |
234 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/346/57/346/5 7/331/21 |
235 | [๑๖๓] เหตุที่เก็บผ้าอาบน้ำฝนไว้ได้ 5 ประการ (จีวรขันธกะ) 7/296/87/296/8 7/283/2 |
236 | [๑๖๔] ภิกษุจำพรรษารูปเดียว ชาวบ้านถวายจีวรแก่สงฆ์ จีวรเหล่านั้นเป็น ของเธอผู้เดียว จนถึงเวลาเดาะกฐิน (จีวรขันธกะ) 7/296/137/296/13 7/283/7 |
237 | [๑๖๔] ภิกษุอยู่รูปเดียวตลอดฤดูกาล ชาวบ้านถวายจีวรแก่สงฆ์ ให้ภิกษุรูปนั้น อธิษฐานจีวรว่า จีวรเหล่านี้ของเรา, ถ้ายังไม่ได้อธิษฐานมีภิกษุรูปอื่นมา พึงให้ ส่วนแบ่งเท่าๆ กัน , ถ้ายังไม่ได้จับสลาก มีภิกษุรูปอื่นมาอีก พึงให้ส่วนแบ่ง เท่าๆกัน, ถ้าภิกษุ 3 รูปกำลังแบ่งจีวรและจับสลากเสร็จแล้วมีภิกษุอื่นมา ถ้าไม่ ปรารถนา ก็ไม่ต้องให้ส่วนแบ่ง (จีวรขันธกะ) 7/297/97/297/9 7/284/4 |
238 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/348/107/348/10 7/333/26 |
239 | [๑๖๕] ภิกษุจำพรรษาในวัดหนึ่งแล้ว ไม่พึงยินดีส่วนจีวรในวัดอื่น รูปใดยินดี ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/300/137/300/13 7/286/26 |
240 | [๑๖๕] ภิกษุรูปเดียวจำพรรษา 2 วัด ถ้าอยู่วัดละ กึ่งหนึ่ง พึงให้ส่วนจีวร กึ่งหนึ่ง หรืออยู่วัดใดมากกว่า พึงให้ส่วนจีวรในวัดนั้น (จีวรขันธกะ) 7/300/217/300/21 7/287/9 |
241 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/350/207/350/20 7/336/13 |
242 | [๑๖๖] ทรงตรัสว่า " ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเราผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธ " ทรงให้อุปัชฌาย์ อาจารย์ สัทธิวิหาริก อันเตวาสิก ผู้ร่วมอุปัชฌาย์ ผู้ร่วม อาจารย์เป็นผู้พยาบาล ถ้าบุคคลเหล่านั้นไม่มี สงฆ์ต้องพยาบาล ถ้าไม่พยาบาล ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/302/127/302/12 7/288/19 |
243 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/351/187/351/18 7/337/12 |
244 | [๑๖๖] องค์ 5 ของภิกษุอาพาธที่พยาบาลได้ยาก และง่าย, องค์ 5 ของภิกษุผู้ เข้าใจ และไม่เข้าใจพยาบาล (จีวรขันธกะ) 7/303-3047/303-304 7/289/7 |
245 | [๑๖๗] เมื่อภิกษุถึงมรณภาพ สงฆ์เป็นเจ้าของบาตร และจีวร แต่ภิกษุ ผู้พยาบาลไข้ มีอุปการะมาก ทรงอนุญาตให้สงฆ์มอบไตรจีวร และบาตร แก่ภิกษุผู้พยาบาลไข้ ด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา (จีวรขันธกะ) 7/304/197/304/19 7/291/6 |
246 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/352/167/352/16 7/338/12 |
247 | [๑๖๗] สามเณรถึงมรณภาพ สงฆ์เป็นเจ้าของบาตร และจีวร ทรงอนุญาต ให้มอบจีวร และบาตรให้แก่ภิกษุผู้พยาบาลไข้ (จีวรขันธกะ) 7/305/187/305/18 7/292/2 |
248 | [๑๖๗] ภิกษุรูปหนึ่ง สามเณรรูปหนึ่งช่วยกันพยาบาลภิกษุอาพาธ เมื่อเธอ มรณภาพ ทรงอนุญาตให้มอบส่วน แก่สามเณรผู้พยาบาลไข้เท่าๆ กัน (จีวรขันธกะ) 7/306/177/306/17 7/293/2 |
249 | [๑๖๗] ภิกษุรูปหนึ่ง มีของใช้มาก มีบริขารมาก ได้ถึงมรณภาพ ทรงอนุญาต ให้บาตร และจีวร แก่ผู้พยาบาลไข้ ส่วนลหุภัณฑ์ ลหุบริขาร ให้สงฆ์พร้อมเพรียงกันแบ่ง ส่วนครุภัณฑ์เป็นของสงฆ์ผู้อยู่ใน จตุรทิศ ไม่ควรแจก (จีวรขันธกะ) 7/307/17/307/1 7/293/9 |
250 | [๑๖๘] ภิกษุไม่พึงสมาทานการเปลือยกาย นุ่งผ้าคากรอง นุ่งผ้าเปลือกไม้กรอง นุ่งผ้าผลไม้กรอง นุ่งผ้ากัมพลทำด้วยผมคน นุ่งผ้ากัมพลทำด้วยขนสัตว์ นุ่งผ้าทำด้วยปีกนกเค้า ทรงหนังเสือ รูปใดทรงต้องอาบัติถุลลัจจัย (จีวรขันธกะ) 7/308/17/308/1 7/294/11 |
251 | [๑๖๘] ภิกษุนุ่งผ้าทำด้วยก้านดอกรัก ผ้าทำด้วยเปลือกปอ ต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/308/207/308/20 7/295/5 |
252 | [๑๖๙] ภิกษุไม่พึงทรงจีวรสีครามล้วน เหลืองล้วน สีบานเย็นล้วน สีดำล้วน สีแสดล้วน สีชมพูล้วน จีวรที่ไม่ตัดชาย จีวรมีชายยาว จีวรมีชายเป็นแผ่น จีวรมีชายเป็นลายดอกไม้ ไม่พึงสวมเสื้อ หรือหมวก ไม่พึงทรงผ้าโพก รูปใด ทรงต้องอาบัติทุกกฏ (จีวรขันธกะ) 7/309/207/309/20 7/296/4 |
253 | อรรถกถาอธิบายไว้ 7/355/197/355/19 7/341/4 |
254 | [๑๗๐] ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวรยังไม่เกิดขึ้นหลีกไปเสีย เมื่อผู้รับแทนที่ สมควรมีอยู่ สงฆ์พึงให้ (จีวรขันธกะ) 7/310/197/310/19 7/297/5 |
255 | [๑๗๐] วิธีปฏิบัติในจีวร ในเมื่อสงฆ์แตกกัน ถ้าจีวรเกิดขึ้นก่อนสงฆ์แตกกัน ให้แจกกันทุกรูปเท่าๆ กัน (จีวรขันธกะ) 7/312/47/312/4 7/298/15 |
256 | [๑๗๑] ภิกษุฝากจีวรไปด้วยสั่งว่า จงให้แก่ภิกษุชื่อนี้ ถ้าผู้รับฝากถือเอาด้วย วิสาสะต่อผู้ฝาก ชื่อว่า ถือเอาถูกต้อง ถ้าผู้ฝากถึงมรณภาพ ผู้รับฝากอธิษฐาน เป็นจีวรมรดกของภิกษุผู้ฝาก ชื่อว่าอธิษฐานถูกต้อง (จีวรขันธกะ) 7/313/147/313/14 7/300/9 |
257 | [๑๗๑] ภิกษุฝากจีวรไปด้วยสั่งว่า ฉันให้จีวรแก่ภิกษุชื่อนี้ ถ้าผู้รับฝากถือเอา ด้วยวิสาสะต่อผู้รับ ชื่อว่า ถือเอาถูกต้อง ถ้าผู้รับถึงมรณภาพ ผู้รับฝากอธิษฐาน เป็นจีวรมรดกของภิกษุผู้รับ ชื่อว่าอธิษฐานถูกต้อง (จีวรขันธกะ) 7/314/137/314/13 7/301/3 |
258 | [๑๗๒] มาติกา (หัวข้อ) เพื่อการเกิดขึ้นแห่งจีวรมี 8 คือ ถวายแก่สีมา... ถวายแก่บุคคล (จีวรขันธกะ) 7/315/107/315/10 7/302/2 |
259 | ท้าวสักกะเข้าสิงอาจารย์ผู้สอนศิลปะ ให้หมอชีวกศึกษาการรักษาโรคได้ทุก ชนิดยกเว้นวิบากของกรรมเสีย โดยการประกอบยาเพียงครั้งเดียว หมอชีวก เรียนจบ 7 ปี ซึ่งคนปกติ ต้องเรียน 16 ปี (อ.จีวรขันธกะ) 7/322/157/322/15 7/309/6 |
260 | พระเจ้าจัณฑปัชโชต มีกำเนิดมาจากแมลงป่อง มีพาหนะเดินทางได้เร็ว ด้วย อานิสงส์ที่ทำกับ พระปัจเจกพุทธเจ้า (อ.จีวรขันธกะ) 7/325/47/325/4 7/311/15 |
261 | ผ้าสิเวยยกะ เป็นผ้าห่อคนตายในอุตตรกุรุทวีป นกหัสดีลิงค์ นำมา (อ.จีวรขันธกะ) 7/326/87/326/8 7/312/15 |
262 | เทวดาแทรกโอชา ในบิณฑบาตของพระพุทธเจ้า 2 ครั้งเท่านั้น ในบิณฑบาต อื่นๆ ได้แทรกทีละคำ (อ.จีวรขันธกะ) 7/327/217/327/21 7/314/1 |
263 | พระพุทธองค์ให้ถวายบิณฑบาต หน่อยหนึ่งที่ได้มาจากบ้าน โสณะเศรษฐีบุตร แก่พระเจ้าพิมพิสาร (อ.จีวรขันธกะ) 7/328/17/328/1 7/314/6 |
264 | ภิกษุทั้งปวงเป็นผู้ถือผ้าบังสุกุลเท่านั้น เป็นเวลา 20 ปี จนเรื่องจีวรเกิดขึ้น (อ.จีวรขันธกะ) 7/328/187/328/18 7/314/25 |
265 | พระเจ้ากาสี เป็นน้องร่วมพระบิดาเดียวกับพระเจ้าปเสนทิ (อ.จีวรขันธกะ) 7/329/107/329/10 7/315/14 |
266 | เรือนคลังสงฆ์ ควรอยู่ท่ามกลางวัด (อ.จีวรขันธกะ) 7/332/97/332/9 7/318/9 |
267 | วัตร ในการทำหน้าที่ ของภิกษุผู้รับจีวร เป็นต้น (อ.จีวรขันธกะ) 7/333/17/333/1 7/318/25 |
268 | ภิกษุที่ไม่ควร ให้ย้าย 4 พวก คือ ภิกษุผู้แก่กว่า ภิกษุเจ้าหน้าที่รักษาเรือนคลัง ภิกษุผู้อาพาธ ภิกษุได้เสนาสนะจากสงฆ์ (อ.จีวรขันธกะ) 7/334/77/334/7 7/320/4 |
269 | น้ำย้อมเกิดจากหัว เว้นขมิ้น ควรทุกอย่าง. น้ำย้อมเกิดจากลำต้น เว้นฝาง และแกแลเสีย ควรทุกอย่าง น้ำย้อมเกิดแต่เปลือก เว้นโลดกับมะพูดเสีย ควรทุกอย่าง. น้ำย้อมเกิดจากดอก เว้นดอกทองกวาว กับดอกคำเสีย ควรทุกอย่าง. น้ำย้อมเกิดจากใบเว้นใบ มะเกลือ กับใบครามเสีย ควรทุก อย่าง. แต่ผ้าที่คฤหัสถ์ใช้แล้วควรย้อมด้วยใบมะเกลือ ครั้งหนึ่ง. (อ.จีวรขันธกะ) 7/339/147/339/14 7/325/5 |
270 | น้ำย้อมที่สุกแล้ว, หยาดน้ำที่ใส่ในถาดน้ำ ย่อมไม่ซ่านไปเร็ว. แม้หยดบนหลัง เล็บย่อมค้างอยู่ ไม่ซ่านออก (อ.จีวรขันธกะ) 7/340/47/340/4 7/325/19 |
271 | ภิกษุครบคณะ ได้กรานกฐินแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด 5 เดือน ถ้า ไม่ได้กรานกฐิน ตลอดจีวรมาสเดือนเดียวเท่านั้น (อ.จีวรขันธกะ) 7/347/27/347/2 7/332/17 |
272 | ผู้ใดหุงต้มยาคู และภัตให้จัดแจงอาบน้ำ โดยเนื่องด้วยผู้พยาบาลไข้วันหนึ่ง ก็จัดว่าผู้พยาบาลไข้เหมือนกัน (อ.จีวรขันธกะ) 7/353/227/353/22 7/339/14 |
273 | ผู้พยาบาลไข้เป็นคฤหัสถ์ หรือเป็นบรรพชิต โดยที่สุดเป็นมาตุคามก็ตาม ทุก คนย่อมได้ส่วนบาตร และจีวร ของภิกษุป่วยที่มรณภาพไป (อ.จีวรขันธกะ) 7/354/117/354/11 7/339/26 |
274 | ภิกษุอาพาธ ให้บริขารแก่ภิกษุใดก่อนตาย เมื่อตายแล้ว ของนั้นย่อมเป็นของ ภิกษุนั้น (อ.จีวรขันธกะ) 7/354/197/354/19 7/340/8 |
275 | บิณฑบาต และเภสัช ที่เขานำมาบูชาเจดีย์ พึงให้แก่บรรพชิต หรือคฤหัสถ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้รักษาพระเจดีย์เป็นประจำ ถ้าไม่มีก็ทำดังภัตที่กระทำวัตร แล้วฉัน (อ.จีวรขันธกะ) 7/369/27/369/2 7/353/21 |
276 | [๑๗๔] ความรำคาญ ความเดือดร้อน ย่อมเกิดแก่ภิกษุผู้ยกภิกษุ ผู้บริสุทธิ์หา อาบัติมิได้ เพราะเรื่องไม่ควร (จัมเปยยขันธกะ) 7/378/17/378/1 7/361/18 |
277 | [๑๗๔]ภิกษุใดยกภิกษุ ผู้บริสุทธิ์ไม่มีอาบัติ เพราะเรื่องไม่ควรต้องอาบัติทุกกฏ (จัมเปยยขันธกะ) 7/379/77/379/7 7/363/1 |
278 | [๑๗๔] พระพุทธเจ้าตรัสว่า " ข้อที่ภิกษุเห็นโทษ โดยความเป็นโทษล่วงเกิน แล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป นั้นเป็นความเจริญในอริยวินัย " (จัมเปยยขันธกะ) 7/379/177/379/17 7/363/13 |
279 | [๑๗๖] กรรมที่ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ 18 ประเภท (จัมเปยยขันธกะ) 7/380/217/380/21 7/364/20 |
280 | [๑๗๗] ทรงอนุญาต กรรมที่พร้อมเพรียง โดยธรรมเท่านั้น (จัมเปยยขันธกะ) 7/382/117/382/11 7/366/5 |
281 | [๑๗๙] กรรมที่ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำอีก 12 ประเภท คือกรรมเป็นวรรคโดยไม่ เป็นธรรม...กรรมที่ถูกคัดค้านแล้วขืนทำ (จัมเปยยขันธกะ) 7/383/167/383/16 7/367/11 |
282 | [๑๘๐] กรรม 6 ประเภท คือ กรรมไม่เป็นธรรม... กรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม... กรรมพร้อมเพรียงโดยธรรม (จัมเปยยขันธกะ) 7/384/137/384/13 7/368/5 |
283 | [๑๘๒] ภิกษุอยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน กรรมนั้นชื่อว่าเป็นวรรคฯลฯ (จัมเปยยขันธกะ) 7/385/187/385/18 7/369/10 |
284 | [๑๘๔] ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติภายหลัง... ชื่อว่า กรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม (จัมเปยยขันธกะ) 7/387/87/387/8 7/370/17 |
285 | [๑๘๖] ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุตั้งญัตติก่อน ทำกรรมด้วยสวดกรรมวาจา หนเดียวภายหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรม มีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุ ผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันไม่คัดค้าน ชื่อว่า กรรม พร้อมเพรียงโดยธรรม (จัมเปยยขันธกะ) 7/389/17/389/1 7/372/10 |
286 | [๑๘๗] สงฆ์ 5 ประเภท (จัมเปยยขันธกะ) 7/389/117/389/11 7/372/20 |
287 | [๑๘๙] กรรมที่สงฆ์ปัญจวรรคทำ สงฆ์มีภิกษุณีเป็นที่ 5 ...มีบัณเฑาะก์เป็นที่ 5 มีภิกษุนานาสังวาสเป็นที่ 5 ... มีภิกษุอยู่ในเวหาสด้วยฤทธิ์ เป็นที่ 5 ... สงฆ์ทำ กรรมแก่ผู้ใด มีผู้นั้นเป็นที่ 5 ทำกรรม กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ (จัมเปยยขันธกะ) 7/390/207/390/20 7/374/7 |
288 | [๑๙๓] ปฏิโกสนา (การกล่าวคัดค้าน) 2 อย่าง คือ บุคคล 27 จำพวก คัดค้านใน ท่ามกลางสงฆ์ไม่ขึ้น. ผู้คัดค้านขึ้นต้องเป็นภิกษุ ปกตัตตะ มีสังวาสเสมอกัน อยู่ในสีมาเดียวกัน โดยที่สุดแม้ภิกษุผู้นั่งอยู่บนอาสนะ ติดกันบอกให้รู้ (จัมเปยยขันธกะ) 7/394/27/394/2 7/377/6 |
289 | [๑๙๔] นิสสรณา การขับออกนี้มี 2 อย่าง คือ มีบุคคลที่ยังไม่ถึงการขับออก ถ้าสงฆ์ขับเธอออก ถ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีอาบัติ ชื่อว่าขับออกไม่ดี ถ้าเป็นพาล มีอาบัติมาก... ชื่อว่าขับออกดีแล้ว (จัมเปยยขันธกะ) 7/395/177/395/17 7/378/4 |
290 | [๑๙๕] โอสารณา การรับเข้าหมู่ มี 2 อย่าง คือ บุคคล 11 ประเภท รับเข้าหมู่ ไม่ดี บุคคล 32 ประเภท รับเข้าหมู่ดีแล้ว (จัมเปยยขันธกะ) 7/396/127/396/12 7/378/21 |
291 | [๑๙๖] อุกเขปนียกรรมที่ไม่เป็นธรรม คือ ภิกษุผู้ไม่เห็นอาบัติ สงฆ์หรือภิกษุ หลายรูป หรือรูปเดียว โจทเธอ เธอพูดว่าผมไม่มีอาบัติที่จะเห็น สงฆ์ยกเธอ เสียฐานไม่เห็นอาบัติ ชื่อว่า กรรมไม่เป็นธรรม... (จัมเปยยขันธกะ) 7/399/77/399/7 7/380/5 |
292 | [๑๙๘] อุกเขปนียกรรมที่เป็นธรรม (จัมเปยยขันธกะ) 7/402/27/402/2 7/382/22 |
293 | [๑๙๙] กรรมที่ควรทำในที่พร้อมหน้า แต่สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน กลับทำในที่ ลับหลังกรรมนั้นไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย สงฆ์ย่อม มีโทษ (จัมเปยยขันธกะ) 7/403/197/403/19 7/384/20 |
294 | [๒๑๘] ในการทำกรรมมีตัชชนียกรรม ที่เป็นวรรคโดยไม่เป็นธรรม เป็นต้นนั้น ถ้ามีภิกษุในที่ประชุมนั้นคัดค้านว่า กรรมไม่เป็นอันทำ กรรมเป็นอันทำไม่ชอบ กรรมต้องทำใหม่ ภิกษุนั้นเป็นธรรมวาที (จัมเปยยขันธกะ) 7/423/167/423/16 7/404/18 |
295 | อภัพพบุคคล (บุคคลผู้ไม่อาจบรรลุธรรมได้) 11จำพวกเหล่านี้ สงฆ์เรียกเข้า หมู่ไม่ได้เลย แต่อาจารย์ กับอุปัชฌาย์ และการกสงฆ์ย่อมมีโทษ (จัมเปยยขันธกวรรณนา) 7/446/197/446/19 7/426/18 |
296 | [๒๓๙] ภิกษุผู้ต้องอาบัติ แต่มีความเห็น ในอาบัตินั้นว่า ไม่เป็นอาบัติ แต่ภิกษุ เหล่าอื่น มีความเห็นในอาบัตินั้นว่า เป็นอาบัติ ถ้าพวกเธอรู้จักภิกษุรูปนั้นว่า เป็นพหูสูต...ผู้ใคร่ต่อสิกขา...ภิกษุทั้งหลายผู้เกรงแต่ความแตกกัน ไม่พึงยก ภิกษุนั้น เพราะไม่เห็นอาบัติ (โกสัมพิขันธกะ) 7/452/157/452/15 7/432/10 |
297 | [๒๓๙] ภิกษุผู้ต้องอาบัติแล้ว มีความเห็นในอาบัตินั้นว่า ไม่เป็นอาบัติ แต่ภิกษุ เหล่าอื่น มีความเห็นในอาบัตินั้นว่า เป็นอาบัติ ถ้าเธอรู้จักภิกษุเหล่านั้นว่า ท่านเหล่านี้แลเป็นพหูสูต...ผู้ใคร่ต่อสิกขา...ภิกษุผู้เกรงแต่ความแตกกัน พึง ยอมแสดงอาบัตินั้นเสีย แม้ด้วยความเชื่อผู้อื่น (โกสัมพิขันธกะ) 7/454/57/454/5 7/434/1 |
298 | [๒๔๐] พวกภิกษุที่มีสังวาสต่างกัน ทำสังฆกรรมภายในสีมาเดียวกันได้ โดย แยกกันทำ (โกสัมพิขันธกะ) 7/455/217/455/21 7/435/19 |
299 | [๒๔๐] ภูมิของภิกษุนานาสังวาสนี้ มี 2 อย่างคือ ภิกษุทำตนเป็นนานาสังวาส ด้วยตน, สงฆ์พร้อมเพรียงกันยกภิกษุนั้น (โกสัมพิขันธกะ) 7/456/57/456/5 7/436/5 |
300 | [๒๔๐] ภูมิ ของภิกษุสมานสังวาสนี้ มี 2 อย่าง คือ ภิกษุทำตนเป็นสมาน สังวาสด้วยตน๑. สงฆ์พร้อมเพรียงกันรับภิกษุผู้ถูกยก๑. (โกสัมพิขันธกะ) 7/456/107/456/10 7/436/9 |
301 | [๒๔๑] เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว แต่ยังทำกิจอันไม่เป็นธรรม เมื่อถ้อยคำไม่ชวน ให้ชื่นชมต่อกันเป็นไปอยู่ พวกเธอพึงนั่งเหนืออาสนะ โดยนึกในใจว่า ด้วย เหตุเพียงเท่านี้ พวกเราจักไม่แสดง กายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกัน จะไม่ทำปรามาสกันด้วยมือ (โกสัมพิขันธกะ) 7/457/87/457/8 7/437/7 |
302 | [๒๔๑] เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว แต่ยังทำกิจที่เป็นธรรม เมื่อถ้อยคำไม่ชวนให้ ชื่นชมต่อกันเป็นไปอยู่ พวกเธอพึงนั่งในแถว มีอาสนะอันหนึ่งคั่นในระหว่าง (โกสัมพิขันธกะ) 7/457/127/457/12 7/437/11 |
303 | [๒๔๓] เรื่อง ฑีฆาวุกุมาร (โกสัมพิขันธกะ) 7/459/27/459/2 7/438/24 |
304 | [๒๔๗] เวรทั้งหลายในโลกนี้ ย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย แต่ย่อมระงับเพราะ ไม่จองเวร ธรรมนี้เป็นของเก่า (โกสัมพิขันธกะ) 7/473/77/473/7 7/451/11 |
305 | [๒๔๗] ถ้าไม่ได้สหายผู้เป็นนักปราชญ์ คอยช่วยเหลือกัน พึงไปผู้เดียวเหมือน พระราชาละแว่นแคว้น... (โกสัมพิขันธกะ) 7/473/237/473/23 7/452/1 |
306 | [๒๕๑] อุบาสก อุบาสิกา ชาวพระนครโกสัมพี ได้หารือกันว่า จะไม่อภิวาท ไม่ เคารพ ไม่ถวายบิณฑบาต ซึ่งพวกภิกษุชาวพระนครโกสัมพี (โกสัมพิขันธกะ) 7/480/87/480/8 7/457/19 |
307 | [๒๕๒] วัตถุสำหรับอธรรมวาที 18 ประการ (โกสัมพิขันธกะ) 7/481/157/481/15 7/459/4 |
308 | [๒๕๕-๒๕๖] ทรงให้อุบาสก อุบาสิกา ถวายทานในภิกษุ 2 ฝ่าย ที่ก่อความ หมาดหมางกัน แต่ให้พอใจในความเห็น และความเชื่อถือของภิกษุ ฝ่ายธรรมวาที . (โกสัมพิขันธกะ) 7/486/27/486/2 7/463/2 |
309 | [๒๕๗] ทรงให้จัดเสนาสนะที่ว่างให้ภิกษุโกสัมพีถ้าไม่ว่างก็ทำให้ว่าง แต่พระองค์ ไม่ได้กล่าวว่า พึงห้ามเสนาสนะแก่ภิกษุผู้แก่พรรษา โดยปริยายไรๆ หามิได้เลย รูปใดห้ามต้องอาบัตทุกกฏ (โกสัมพิขันธกะ) 7/487/177/487/17 7/464/19 |
310 | [๒๕๘] การทำสังฆสามัคคีนั้น ภิกษุทุกรูปทั้งที่อาพาธ และไม่อาพาธ เข้า ประชุมพร้อมกันทุกๆ รูป รูปไหนจะให้ฉันทะไม่ได้ ครั้นประชุมกันแล้ว ภิกษุผู้ ฉลาดผู้สามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบ ด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา (โกสัมพิขันธกะ) 7/490/27/490/2 7/467/6 |
311 | [๒๕๙] ความบาดหมาง... การทำต่างกันแห่งสงฆ์ ย่อมมีเพราะเรื่องใด สงฆ์ยังไม่ทันวินิจฉัย ยังไม่ทันสาวเข้าไป ถึงมูลเหตุ จากมูลเหตุแล้วทำ สังฆสามัคคี สังฆสามัคคีนั้น ไม่เป็นธรรม (โกสัมพิขันธกะ) 7/491/137/491/13 7/468/14 |
312 | [๒๕๙] สังฆสามัคคีมี 2 อย่าง คือ สังฆสามัคคีเสียอรรถ แต่ได้พยัญชนะ๑. สังฆสามัคคีได้ทั้งอรรถได้ทั้งพยัญชนะ๑. (โกสัมพิขันธกะ) 7/492/67/492/6 7/469/8 |
313 | [๒๖๐] ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นคนชนิดใด จึงมีอุปการะมาก จึงควรยกย่อง เมื่อกิจของสงฆ์ มีการวินิจฉัยความ แห่งวินัยเกิดขึ้นแล้ว ? (โกสัมพิขันธกะ) 7/493/27/493/2 7/470/2 |