1 | [๑] เพราะไม่รู้แจ้งซึ่งธรรม 4 ประการ คือ อริยศีล อริยสมาธิ อริยปัญญา อริยวิมุตติ จึงได้เวียนว่ายตายเกิด อยู่สิ้นกาลนาน. (อนุพุทธสูตร) 35/1/1435/1/14 35/1/14 |
2 | [๑] " ธรรมเหล่านี้ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และ วิมุตติ อันยอดเยี่ยม พระโคดมผู้ทรงเกียรติ ได้ตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้า ครั้นทรงรู้จริงอย่างนี้แล้ว ทรงบอกพระธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย พระองค์ผู้พระศาสดามีจักษุทรงกระทำที่ สุดทุกข์ ดับสนิทแล้ว " (อนุพุทธสูตร) 35/2/835/2/8 35/2/15 |
3 | [๒] บุคคลผู้ไม่ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ อริยศีล อริยสมาธิ อริยปัญญา อริยวิมุตติ เรียกว่า ผู้ตกจากพระธรรมวินัยนี้ (ปปติตสูตร) 35/4/735/4/7 35/5/3 |
4 | [๒] " บุคคลเคลื่อนไป (จากคุณมีอริยศีล เป็นต้น) ชื่อว่าตก (จากพระธรรมวินัย) ผู้ตกแล้ว และยังกำหนัดยินดี ก็ต้องมา(เกิด) อีก ความสุขย่อมมาถึง ผู้ทำกิจที่ ควรทำแล้ว ยินดีคุณที่ควรยินดีแล้ว โดยสะดวกสบาย " (ปปติตสูตร) 35/4/1635/4/16 35/5/19 |
5 | บรรดาบุคคลเหล่านั้น โลกิยมหาชน ชื่อว่าตกไปทั้งนั้น พระอริยบุคคลมีพระโสดาบัน เป็นต้น ชื่อว่าตกไปในขณะเกิดกิเลส พระขีณาสพ ชื่อว่า ตั้งอยู่แล้ว โดยส่วนเดียว. (อ.ปปติตสูตร) 35/5/435/5/4 35/6/4 |
6 | [๓] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ไม่ใคร่ครวญไม่สอบสวนแล้ว ชม คนที่ควรติ ติคนที่ควรชม ปลูกความเลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส แสดง ความไม่เลื่อมใสในฐานะอันควรเลื่อมใส เป็นคนพาลเป็นคนโง่เขลา เป็นอสัตบุรุษ ครองตนอันถูกขุด (ราก คือความดี) เสียแล้ว ถูกขจัดไปครึ่งหนึ่งแล้ว เป็น คนประกอบด้วยโทษ ผู้รู้ติเตียน และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย (ปฐมขตสูตร) 35/6/335/6/3 35/7/3 |
7 | [๓] " คนที่ตั้งใจ และใช้วาจาลามก ติเตียนท่านผู้เป็นอริยะ ย่อมตกนรก สิ้น แสนสามสิบหกนิรัพพุทะ กับอีกห้าอัพพุทะ" (ปฐมขตสูตร) 35/7/435/7/4 35/8/3 |
8 | [๔] บุคคลผู้ปฏิบัติผิดในสถาน 4 คือ ในมารดา บิดา พระตถาคต สาวกของ พระตถาคต นี้เป็นคนพาล ฯลฯ และได้สิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย (ทุติยขตสูตร) 35/8/1035/8/10 35/9/15 |
9 | [๔] " คนใดปฏิบัติชอบ ในมารดา ในบิดา ในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า และใน สาวกของพระตถาคต คนเช่นนั้น ย่อมได้บุญมากแท้ เพราะความประพฤติ เป็นธรรมในมารดา บิดา เป็นต้น ในโลกนี้ บัณฑิตทั้งหลายก็สรรเสริญเขา เขาละโลกนี้แล้วยังบันเทิงในสวรรค์. " (ทุติยขตสูตร) 35/9/935/9/9 35/11/3 |
10 | [๕] บุคคล 4 มีปรากฏอยู่ในโลก คือ บุคคลไปตามกระแส บุคคลไปทวนกระแส บุคคลตั้งตัวได้แล้ว บุคคลข้ามถึงฝั่งขึ้นอยู่บนบกเป็นพราหมณ์. (อนุโสตสูตร) 35/10/1335/10/13 35/12/3 |
11 | [๕] คนบางคน ไม่เสพกาม ไม่ทำบาปกรรม แม้ทั้งทุกข์กายทุกข์ใจ กระทั่งร้องไห้ น้ำตานองหน้า ก็ยังประพฤติพรหมจรรย์ให้บริบูรณ์อยู่ได้ นี้เรียกว่า บุคคลไปทวน กระแส (อนุโสตสูตร) 35/11/135/11/1 35/12/10 |
12 | [๖] บุคคลผู้มีสุตะ 4 จำพวก คือ ผู้เรียนน้อย ทั้งไม่ได้ประโยชน์, ผู้เรียนน้อยแต่ ได้ประโยชน์เพราะการสดับ, ผู้เรียนมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะการสดับ, ผู้เรียน มากทั้งได้ประโยชน์เพราะการสดับ (อัปปสุตสูตร) 35/14/335/14/3 35/15/3 |
13 | [๖] " บุคคลใด ถ้าแม้เป็นคนสดับมาก แต่ไม่ตั้งมั่นอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมติเตียนบุคคลนั้นทางศีล แต่การสดับของเขาพอการ" (อัปปสุตสูตร) 35/15/1735/15/17 35/16/15 |
14 | ความหมายของ สุตตะ... เวทัลละ (อ.อัปปสุตสูตร) 35/16/935/16/9 35/17/4 |
15 | [๗] ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ที่ฉลาด มีวินัย กล้าหาญ สดับมาก ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมยังหมู่ให้งาม. (สังฆโสภณสูตร) 35/18/335/18/3 35/18/19 |
16 | [๘] เวสารัชชญาณ (ญาณเป็นเหตุให้กล้าหาญ) 4 ประการ (เวสารัชชสูตร) 35/19/1235/19/12 35/20/8 |
17 | โคจ่าฝูงของโคร้อยตัว ชื่อว่า อุสภะ โคจ่าฝูงของโคพันตัว ชื่อว่า วสภะ โคนิสภะประเสริฐสุดแห่งโคทั้งหมด (อ.เวสารัชชสูตร) 35/21/835/21/8 35/22/9 |
18 | ธรรมจักรมี 2 คือ ปฏิเวธญาณ เทศนาญาณ. (อ.เวสารัชชสูตร) 35/23/1435/23/14 35/24/8 |
19 | โทษที่จงใจล่วงละเมิด โดยที่สุดแม้อาบัติทุกกฏ และทุพภาษิต ก็ย่อมทำ อันตรายแก่มรรค และผลได้ (อ.เวสารัชชสูตร) 35/25/335/25/3 35/25/16 |
20 | [๙] ตัณหา เมื่อเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ย่อมเกิดขึ้น เพราะ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ เพราะความมีน้อยมีมากอย่างนั้นอย่างนี้ (ตัณหาสูตร) 35/26/335/26/3 35/26/15 |
21 | [๑๐] โยคะ 4 (เครื่องผูก) คือ กาม ภพ ทิฏฐิ อวิชชา (โยคสูตร) 35/28/335/28/3 35/29/3 |
22 | [๑๐] " สัตว์เหล่าใดกำหนดรู้กาม และภวโยคะ ด้วยประการทั้งปวง ตัดถอน ทิฏฐิโยคะ และทำลายอวิชชาเสียได้ สัตว์เหล่านั้น ก็เป็นผู้ปลอดโปร่งจาก โยคะทั้งปวงเป็นมุนีผู้ข้ามพ้นเครื่องผูกแล." (โยคสูตร) 35/30/2035/30/20 35/31/26 |
23 | กิเลสชื่อว่า โยคะ เพราะผูกสัตว์ไว้ในวัฏฏะ (อ.โยคสูตร) 35/31/835/31/8 35/32/11 |
24 | อนาคามิมรรค ทำอสุภฌานนั้นให้เป็นบาทแล้วบรรลุ ชื่อว่า คลายกามโยคะ อรหัตมรรค ชื่อว่า คลายภวโยคะ และอวิชชาโยคะ โสดาปัตติมรรค ชื่อว่า คลายทิฏฐิโยคะ (อ.โยคสูตร) 35/33/135/33/1 35/34/7 |
25 | [๑๑] ถ้าเมื่อภิกษุเดิน ยืน นั่ง นอนอยู่ ไม่หลับก็ดี ยังรับเอา กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นไม่ละ ไม่ถ่ายถอน ไม่ทำให้สิ้นไป พระพุทธองค์เรียก ว่า เป็นผู้ไม่มีความเพียรอันแรงกล้า ไม่มีความสะดุ้งกลัวบาป เป็นคนเกียจคร้าน (จารสูตร) 35/34/435/34/4 35/36/4 |
26 | [๑๑] " ภิกษุใดเดินอยู่ หรือยืนอยู่ นั่งอยู่ หรือนอนอยู่(ไม่หลับ) ตรึกวิตกอันเป็น บาปอันเกี่ยวด้วยเรือน(คือกาม) ภิกษุนั้นชื่อว่า ดำเนินทางผิด สยบอยู่ใน อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความหลง ภิกษุเช่นนั้น ไม่ควรเพื่อบรรลุสัมโพธิญาณ อันอุดม" (จารสูตร) 35/34/1735/34/17 35/37/26 |
27 | [๑๒] เมื่อ ปาริสุทธิศีล 4 ถึงพร้อมแล้ว กิจที่ภิกษุพึงทำต่อไป คือ ถ้าเมื่อภิกษุ เดิน ยืน นั่ง นอนอยู่ไม่หลับก็ดี อภิชฌา และพยาบาทปราศจากไป ความ หดหู่เซื่องซึมความฟุ้งซ่านรำคาญ ความลังเลสงสัย ภิกษุก็ละได้ ความเพียร ทำไม่ย่อหย่อนจิตเป็นสมาธิแน่วแน่ พระพุทธองค์เรียกว่า ผู้มีความเพียร มี ความสะดุ้งกลัวบาปมีความเพียรอันทำแล้ว มีใจเด็ดเดี่ยวเนืองนิตย์ (สีลสูตร) 35/36/835/36/8 35/39/12 |
28 | [๑๓] สัมมัปปธาน 4 (ความเพียรชอบ) (ปธานสูตร) 35/39/335/39/3 35/42/13 |
29 | [๑๔] ปธาน 4 (ความเพียร) คือ เพียรระวัง เพียรละ เพียรบำเพ็ญ เพียรตาม รักษาไว้ (สังวรสูตร) 35/41/335/41/3 35/44/13 |
30 | วิเวก วิราคะ นิโรธ เป็นชื่อของนิพพาน. (อ.สังวรสูตร) 35/43/135/43/1 35/46/19 |
31 | [๑๕] บัญญัติกันว่าเยี่ยมยอด 4 คือ ตัวใหญ่ที่สุด ได้แก่ อสุรินทราหู, เยี่ยมยอด ทางบริโภคกามได้แก่ พระเจ้ามันธาตุ, เยี่ยมยอดทางเป็นเจ้าเป็นใหญ่ ได้แก่ มารผู้มีบาป, พระพุทธเจ้าปราชญ์กล่าวว่าเยี่ยมยอดในโลกทั้งเทวโลก ทั้งมารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ทั้งเทวดาและมนุษย์ รวมทั้งสมณพราหมณ์ (ปัญญัตติสูตร) 35/44/335/44/3 35/48/3 |
32 | อสุรินทราหู สูง 4,800 โยชน์ (อ.ปัญญัตติสูตร) 35/45/535/45/5 35/49/3 |
33 | [๑๖] ญาณเป็นเครื่องแทงตลอดลักษณะอันละเอียด 4 ประการ คือ ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร. (โสขุมมสูตร) 35/46/335/46/3 35/50/3 |
34 | [๑๖] " ภิกษุใดรู้ความสุขุมในรูปขันธ์ และรู้ความเกิดแห่งเวทนาทั้งหลาย รู้ ความเกิดและความดับแห่งสัญญา รู้สังขารทั้งหลายโดยความไม่เที่ยง โดย ความเป็นทุกข์และโดยความไม่ใช่ตน ภิกษุนั้น ชื่อว่า ผู้เห็นชอบ ผู้สงบแล้ว ยินดีแล้วในสันติบททรงไว้ซึ่งร่างกายอันมีในที่สุด ชนะมารกับทั้งพลพาหนะมารแล้ว " (โสขุมมสูตร) 35/46/1835/46/18 35/50/18 |
35 | [๑๗] " บุคคลใดประพฤติล่วงธรรม เพราะ ความชอบกัน เพราะความชังกัน เพราะความกลัว เพราะความเขลา ยศของบุคคลนั้นย่อมเสื่อม เหมือนดวงจันทร์ ข้างแรมฉะนั้น " (ปฐมอคติสูตร) 35/48/635/48/6 35/52/19 |
36 | [๑๘] ความไม่ลำเอียง 4 ประการ คือ ไม่ลำเอียงเพราะชอบกัน เพราะชังกัน เพราะเขลา เพราะกลัว (ทุติยอคติสูตร) 35/49/335/49/3 35/53/14 |
37 | [๑๙] ว่าด้วยความลำเอียง และความไม่ลำเอียง โดยนำสูตร 7และ8 มารวมเข้า ด้วยกัน (ตติยอคติสูตร) 35/49/1635/49/16 35/54/6 |
38 | [๒๐] พระภัตตุทเทสก์ (ภิกษุแจกสลากภัต เป็นต้น) ประกอบด้วยความ ลำเอียง 4 ย่อมอุบัติในนรก (ภัตตุเทสกสูตร) 35/50/335/50/3 35/55/10 |
39 | [๒๑] คนไม่มีที่เคารพ ไม่มีที่ยำเกรงอยู่เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงเคารพธรรม (ปฐมอุรุเวลสูตร) 35/52/935/52/9 35/58/11 |
40 | ความเกิดขึ้นแห่ง อุรุเวลา (อ.อุรุเวลสูตร) 35/54/1035/54/10 35/60/19 |
41 | ความปริวิตก ถึงการเคารพธรรมเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 5 หลังจากตรัสรู้ ของ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ (อ.อุรุเวลสูตร) 35/55/1235/55/12 35/61/19 |
42 | นรชนเหล่าใด ฉลาดในธรรม ย่อมอ่อนน้อมผู้ใหญ่ นรชนเหล่านั้นได้รับ สรรเสริญในโลกนี้ และในสัมปรายภพก็มีสุคติ (อ.อุรุเวลสูตร) 35/56/135/56/1 35/62/4 |
43 | [๒๒] แม้เป็นคนหนุ่ม แต่พูดถูกกาละ พูดสิ่งที่เป็นจริง พูดเป็นประโยชน์ พูด เป็นธรรม พูดเป็นวินัย กล่าวถ้อยคำน่าจดจำ ไม่พร่ำเพรื่อ มีที่อ้างอิง มีขอบ เขตประกอบด้วยคุณที่ต้องการ คนนั้นนับได้ว่า เถระบัณฑิต (ผู้ใหญ่ฉลาด) (ทุติยอุรุเวลสูตร) 35/59/1335/59/13 35/65/16 |
44 | [๒๒] เถรกรณธรรม (ธรรมอันทำให้เป็นเถระ) 4 ประการ (ทุติยอุรุเวลสูตร) 35/59/1935/59/19 35/65/21 |
45 | ภิกษุใดเรียนพระพุทธวจนะ แล้ว เมื่อไม่ทำการสาธยายตั้ง 20 ปี ก็ไม่เลือนหาย ภิกษุนั้น ชื่อว่า ผู้ทรงสุตะ (อ.ทุติยอุรุเวลสูตร) 35/62/935/62/9 35/68/9 |
46 | [๒๓] พระตถาคตรู้ประจักษ์ด้วยตนเองแล้ว จึงออกจากโลก จึงละโลกสมุทัย จึงทำให้แจ้งซึ่งโลกนิโรธ จึงทำให้มีแล้วซึ่ง ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับโลก และ ทรงแสดงเหตุที่ได้ชื่อว่า ตถาคต 4 ประการ (โลกสูตร) 35/65/335/65/3 35/71/3 |
47 | อารมณ์อันใดอันสรรพสัตว์เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ทราบแล้ว รู้สึกแล้ว ในอารมณ์ นั้น พระตถาคตไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ทราบ ไม่รู้ ก็หามิได้ อารมณ์แม้ทั้งหมด ชื่อว่า ตถาคตไม่ทำให้แจ้งด้วยญาณหามีไม่ (อ.โลกสูตร) 35/68/1835/68/18 35/74/11 |
48 | [๒๔] สิ่งใดที่โลกกับทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์ทั้งเทวดามนุษย์ทั้ง สมณพรหมณ์ ได้เห็น ได้ยิน ได้ทราบ ได้รู้ ได้ประสบ ได้แสวงหา ได้คิดแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว ซึ่งสิ่งนั้น สิ่งนั้นปรากฏแก่พระตถาคต แต่สิ่งนั้นไม่ ปรากฏในพระตถาคต (คือ พระตถาคตไม่ติดพัวพันสิ่งนั้น) (กาฬกสูตร) 35/70/1435/70/14 35/76/12 |
49 | [๒๔] " สิ่งที่ได้เห็นได้ยิน และได้ทราบทุกอย่าง ที่คนเหล่าอื่นหลงติดใจ สำคัญ ไปว่าจริงจัง ตถาคตเป็นผู้คงที่ในสิ่งเหล่านั้น อันพระองค์สำรวมอยู่ดีแล้ว ไม่พึง เชื่อคำคนอื่นทั้งจริง ทั้งเท็จ " (กาฬกสูตร) 35/71/1735/71/17 35/77/16 |
50 | นางจูฬสุภัททา ธิดาของอนาถบิณฑิกะ ได้ไปเป็นสะใภ้ของกาฬกเศรษฐี ณ นครสาเกต นิมนต์พระศาสดา และภิกษุผู้บรรลุอภิญญา 6 ถึง 500 รูป พระศาสดาแสดงธรรมจบ กาฬกเศรษฐีได้เป็นโสดาบัน และเศรษฐีได้สั่งให้ชีเปลือย ทั้งหมดออกไปจากอุทยานของตน แล้วสร้างวิหาร ชื่อว่า กาฬการาม. (อ.กาฬกสูตร) 35/72/935/72/9 35/78/4 |
51 | สูตรนี้ พระองค์ทรงแสดง แก่ภิกษุผู้บวชใหม่ 500 กุลบุตรชาวนครสาเกต จบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นบรรลุอรหันต์ แผ่นดินใหญ่ได้ไหวถึงน้ำรองแผ่นดิน (อ.กาฬกสูตร) 35/76/235/76/2 35/81/9 |
52 | [๒๕] พระพุทธเจ้าประพฤติพรหมจรรย์ มิใช่เพื่อหลอกลวงคน มิใช่เพื่อเป็น เจ้าลัทธิ. (พรหมจริยสูตร) 35/79/735/79/7 35/84/18 |
53 | [๒๕] " พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นได้ทรงแสดงพรหมจรรย์ อันเป็นการละเว้นสิ่งที่กล่าวตามกันมาเป็นทางหยั่งลงสู่พระนิพพาน เพื่อสังวร เพื่อปหานะ " 35/79/1335/79/13 35/85/3 |
54 | [๒๕] " ทางนั้น มหาบุรุษทั้งหลายผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ได้ดำเนินแล้ว ชนเหล่า ใด ดำเนินตามทางที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้วนั้น ชนเหล่านั้นชื่อว่า ทำ ตามคำสอนของพระศาสดา จักกระทำที่สุดทุกข์ได้" (พรหมจริยสูตร) 35/79/1735/79/17 35/85/6 |
55 | [๒๖] ภิกษุเหล่าใดหลอกลวง ดื้อรั้น พล่ามเพ้อ ไว้ตัว เย่อหยิ่ง ใจไม่มั่น ภิกษุ เหล่านั้นนับว่าไม่นับถือพระพุทธเจ้า และชื่อว่าออกไปนอกพระธรรมวินัยนี้แล้ว (กุหสูตร) 35/81/335/81/3 35/86/16 |
56 | กุหา แปลว่า ผู้หลอกลวง (อ.กุหสูตร) 35/82/335/82/3 35/87/11 |
57 | [๒๗] ปัจจัย 4 อย่าง เป็นของเล็กน้อย หาง่ายไม่มีโทษด้วย คือ ผ้าบังสุกุล อาหารที่ได้มาโดยเที่ยวบิณฑบาต เสนาสนะโคนไม้ ยาน้ำมูตรเน่า เมื่อภิกษุ เป็นผู้สันโดษ ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จะไปทิศใดก็ไม่เดือดร้อน. (สันตุฏฐิสูตร) 35/83/335/83/3 35/88/12 |
58 | กายแม้มีผิวดังทอง เขาก็เรียกว่ากายเน่าฉันใด แม่น้ำมูตรที่ใหม่เอื่ยม เขาก็ เรียกว่าน้ำมูตรเน่าฉันนั้น (อ.สันตุฏฐิสูตร) 35/84/735/84/7 35/89/19 |
59 | [๒๘] อริยวงศ์ 4 ประการ ปรากฏว่าเป็นธรรมอันเลิศ ยั่งยืนเป็นแบบแผนมา แต่เก่าก่อน สมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายไม่คัดค้าน (อริยวังสสูตร) 35/85/335/85/3 35/90/13 |
60 | [๒๘] ภิกษุผู้ประกอบพร้อมด้วยอริยวงศ์ 4 ประการ แม้อยู่ในทิศใด เหล่า เทวดาก็ชม พรหมก็สรรเสริญ (อริยวังสสูตร) 35/86/2235/86/22 35/92/7 |
61 | วงศ์ของพระอริยะทั้งหลาย คือ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวกทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน รวม ชื่อว่า อริยวงศ์ (อ.อริยวังสสูตร) 35/88/1635/88/16 35/93/25 |
62 | ภิกษุพึงรู้จักเขตจีวร 6 คือ เกิดโดยสงฆ์ คณะ ญาติ มิตร ทรัพย์ของตน บังสุกุล และพึงรู้จัก เขต 8 ด้วยมาติกา 8 (อ.อริยวังสสูตร) 35/90/435/90/4 35/95/11 |
63 | ผ้าบังสุกุล 23 อย่าง ได้แก่ ผ้าเขาทิ้งไว้ในป่าช้า... ผ้าที่เทวดาถวาย . (อ.อริยวังสสูตร) 35/90/735/90/7 35/95/14 |
64 | ความสันโดษในจีวรมี 20 ประการ คือ สันโดษด้วยการตรึก... สันโดษด้วย การสละ (อ.อริยวังสสูตร) 35/91/1535/91/15 35/96/21 |
65 | เรื่องพระเถระผู้ถือผ้าบังสุกุล พบผ้าห่อขี้ เจริญวิปัสสนา บรรลุผลทั้งสามจาก นั้นไปบำเพ็ญต่อได้บรรลุพระอรหัต (อ.อริยวังสสูตร) 35/92/2035/92/20 35/97/24 |
66 | การที่ภิกษุผู้ซักจีวร ไม่ทุบด้วยไม้ค้อน เป็นต้น ขยำด้วยมือซัก ชื่อว่า สันโดษ ด้วยการซัก. (อ.อริยวังสสูตร) 35/94/1935/94/19 35/99/19 |
67 | ในเวลาติดผ้ากุสิ พึงสอยเย็บ 7 ครั้ง ในที่มีประมาณหนึ่งนิ้ว เมื่อทำอยู่อย่างนี้ ภิกษุใดไม่เป็นสหาย แม้ภิกษุนั้นก็ไม่เสียธรรมเนียม แต่ในที่ประมาณ 3 นิ้ว ก็ ควรสอยเย็บ 7 ครั้ง เมื่อทำอยู่อย่างนี้ แม้ภิกษุผู้เดินทาง ก็พึงเป็นสหายแท้ ภิกษุใดไม่เป็นสหาย ภิกษุนั้นก็ย่อมเสียธรรมเนียม นี้ชื่อว่า สันโดษด้วยการเย็บ. (อ.อริยวังสสูตร) 35/95/635/95/6 35/100/2 |
68 | การที่ภิกษุถือเอาสีเขียว สีเปือกตม สีดำ สีคล้ำ อย่างใดอย่างหนึ่ง ทำกัปปะ (พินทุ) อันปรากฏชัดแก่คนผู้นั่งอยู่บนหลังช้าง ชื่อว่า สันโดษด้วยกัปปะ (อ.อริยวังสสูตร) 35/95/1535/95/15 35/100/11 |
69 | เมื่อไตรจีวรอื่นมีอยู่ จะอธิษฐานแม้เป็นผ้าปูนอนก็ควร ด้วยว่าจีวรที่ไม่อธิฐาน นั้นแล ย่อมเป็นสันนิธิแท้ จีวรที่อธิษฐานแล้ว ไม่เป็นสันนิธิ นี้ชื่อว่า สันโดษ ด้วยการเว้นการสะสม. (อ.อริยวังสสูตร) 35/96/135/96/1 35/100/20 |
70 | บิณฑบาต 16 คือ ข้าวสุก ขนมสด ข้าวสัตตุ ปลา เนื้อ น้ำนม นมส้ม เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ข้าวยาคู ของควรเคี้ยว ของควรลิ้ม ของควรเลีย. (อ.อริยวังสสูตร) 35/97/1935/97/19 35/102/16 |
71 | เขตของบิณฑบาต 15 คือ สังฆภัต... วิหารภัต. (อ.อริยวังสสูตร) 35/98/135/98/1 35/102/19 |
72 | สันโดษในบิณฑบาต 15 คือ สันโดษด้วยการตรึก... สันโดษด้วยการสละ (อ.อริยวังสสูตร) 35/98/1735/98/17 35/103/9 |
73 | เสนาสนะ 15 อย่าง คือ เตียง... ที่ๆ พวกภิกษุหลีกออกไป. (อ.อริยวังสสูตร) 35/101/535/101/5 35/105/16 |
74 | เขตแห่งเสนาสนะ 6 คือ โดยสงฆ์ คณะ ญาติ มิตร ทรัพย์ของตน ผ้าบังสุกุล (อ.อริยวังสสูตร) 35/101/2135/101/21 35/105/20 |
75 | จบเทศนาสูตรนี้ ภิกษุ 40,000 รูป ก็ดำรงอยู่ในพระอรหัต. (อ.อริยวังสสูตร) 35/107/1035/107/10 35/111/8 |
76 | [๒๙] ข้อธรรม 4 ข้อ คือ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา ไม่พยาบาท สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เป็นข้อธรรมอันเลิศเป็นแบบแผนมาแต่เก่าก่อน ไม่ถูกทอดทิ้ง สมณพราหมณ์ ผู้รู้ทั้งหลายไม่คัดค้าน (ธัมมปทสูตร) 35/107/1435/107/14 35/111/12 |
77 | [๓๐] ทรงแสดง ธรรมบท 4 ข้อ คือ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา ไม่พยาบาท สัมมาสติ สัมมาสมาธิ แก่ปริพาชกผู้มีชื่อเสียงหลายคน (ปริพาชกสูตร) 35/109/335/109/3 35/113/3 |
78 | [๓๐] " ผู้ไม่พยาบาท มีสติทุกเมื่อ มีใจตั้งมั่นในภายใน ศึกษาในอันกำจัด อภิชฌา เรียกว่าผู้ไม่ประมาท " (ปริพาชกสูตร) 35/111/2035/111/20 35/115/22 |
79 | ผู้นิยตมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิดอย่างแน่นอน) ต้องห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ในลำดับแห่งอัตภาพนั้น (อ.ปริพาชกสูตร) 35/113/1035/113/10 35/117/12 |
80 | [๓๑] จักร (ธรรมดุจล้อรถ) 4 ประการ คือ ความอยู่ในถิ่นที่เหมาะ ความพึ่งพิง สัตบุรุษ ความตั้งตนไว้ชอบ ความเป็นผู้มีความดีอันได้ทำไว้ก่อน เทวดาและ มนุษย์ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการนี้ ย่อมหมุนไปสู่ความไพบูลย์ ในโภคทรัพย์ทั้งหลายไม่นานเลย (จักกสูตร) 35/115/435/115/4 35/119/4 |
81 | [๓๑] " นรชนพึงอยู่ในถิ่นที่เหมาะ พึงทำอารยชนให้เป็นมิตร ถึงพร้อมด้วย ความตั้งตนไว้ชอบ มีความดีอันได้ทำไว้ก่อน ข้าวเปลือก ทรัพย์ ยศ เกียรติ และความสุข ย่อมพรั่งพรูมาสู่นรชนผู้นั้น " (จักกสูตร) 35/115/1435/115/14 35/119/14 |
82 | [๓๒] สังคหวัตถุ (ธรรมเป็นเครื่องสงเคราะห์) 4 ประการ คือ การให้ปัน เจรจาไพเราะ บำเพ็ญประโยชน์ต่อกัน ความวางตนสม่ำเสมอ ธรรมเหล่านี้ เหมือน สลักที่หัวเพลาคุมรถที่แล่นไปอยู่ ฉะนั้น... (สังคหสูตร) 35/117/335/117/3 35/121/3 |
83 | [๓๒] " ถ้าธรรมเครื่องสงเคราะห์เหล่านี้ ไม่มีไซร้ มารดาหรือบิดาก็จะไม่พึงได้ รับความนับถือ หรือบูชา เพราะเหตุบุตร ก็เพราะเหตุที่บัณฑิตทั้งหลายยัง เหลียวแลธรรมเครื่องสงเคราะห์เหล่านี้อยู่ เพราะเหตุนั้นบัณฑิตเหล่านั้น จึง ได้ถึงความเป็นใหญ่ และเป็นที่น่าสรรเสริญ " (สังคหสูตร) 35/117/1335/117/13 35/121/12 |
84 | [๓๓] พระพุทธเจ้าทรงเปรียบการแสดงธรรมของพระองค์ ดุจไกรสรราชสีห์ แผดเสียงก่อนออกหาเหยื่อ แม้เทวดาที่มีอายุยืน ได้ฟังธรรมเทศนาของพระองค์ แล้ว ย่อมเกิดความสังเวชใจ สะดุ้ง ได้สำนึกว่าชาวเรานี้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน (สีหสูตร) 35/119/1335/119/13 35/123/8 |
85 | ราชสีห์ 4 ประเภท (อ.สีหสูตร) 35/121/835/121/8 35/125/3 |
86 | สัตว์ และคนที่ไม่กลัวเสียงของไกรสรราชสีห์ (อ.สีหสูตร) 35/123/1135/123/11 35/127/6 |
87 | [๓๔] ความเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ 4 ประเภท คือในพระพุทธเจ้า,อริยมรรคมีองค์ 8, วิราคธรรม, สงฆ์สาวกของพระตถาคต เมื่อเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ ก็ย่อมได้ผลอันเลิศ (ปสาทสูตร) 35/129/335/129/3 35/132/14 |
88 | [๓๕] พราหมณ์บัญญัติ บุคคลที่ประกอบพร้อมด้วยธรรม 4 ประการ ว่าเป็น มหาปราชญ์ มหาบุรุษ (วัสสการสูตร) 35/132/835/132/8 35/135/9 |
89 | [๓๕] พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ ว่าเป็น มหาปราชญ์ มหาบุรุษ (วัสสการสูตร) 35/133/135/133/1 35/135/23 |
90 | [๓๖] โทณพราหมณ์ เห็นรอยพระพุทธบาท รู้สึกประหลาดใจ จึงเข้าไปถาม พระพุทธองค์ว่า เป็นเทวดา หรือ คนธรรพ์ หรือ ยักษ์ หรือ มนุษย์ พระองค์ ตอบว่า เป็นพุทธะ จบเทศนา โทณพราหมณ์ บรรลุผลสาม (โทณสูตร) 35/136/835/136/8 35/139/10 |
91 | เมื่อพระพุทธเจ้าทรงดำเนินอยู่ รอยพระบาทจะไม่ปรากฏ แต่จะปรากฏด้วย แรงอธิษฐานของพระองค์ (อ.โทณสูตร) 35/140/235/140/2 35/142/18 |
92 | [๓๗] ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ ย่อมเป็นผู้ไม่พอที่จะเสื่อม เป็นผู้ ปฏิบัติใกล้พระนิพพาน คือ 1. ถึงพร้อมด้วยศีล 2. คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย 3. รู้จักประมาณอาหาร 4. หมั่นประกอบความไม่เห็นแก่นอน (อปริหานิสูตร) 35/142/335/142/3 35/145/3 |
93 | [๓๘] ภิกษุผู้ถ่ายถอนปัจเจกสัจจะ(ความเห็นว่าจริงไปคนละทาง) แล้ว ผู้ละเลิกการแสวงหาสิ้นแล้ว ผู้มีกายสังขารอันระงับแล้ว พระพุทธองค์ เรียกว่า ผู้มีการหลีกออกแล้ว (ปฏิลีนสูตร) 35/145/335/145/3 35/147/14 |
94 | [๓๙] ยัญที่มีการฆ่า มีธุระริเริ่มมาก พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ ทรงสรรเสริญ ยัญที่ไม่มีการฆ่า ไม่มีการที่จะต้องเป็นธุระริเริ่มมาก คือ ทานที่ให้เป็นนิตย์ ตามอย่างบุรพบุรุษกระทำมาอย่างถูกต้อง (อุชชยสูตร) 35/149/535/149/5 35/151/14 |
95 | อธิบาย มหายัญของพราหมณ์ มีอัสสเมธะ เป็นต้น (อ.อุชชยสูตร) 35/151/135/151/1 35/153/2 |
96 | [๔๐] " ในยัญ (คือการบริจาคทานปกติ) ก็ดี ในศราทธะ (คือทำบุญอุทิศผู้ตาย) ก็ดีทายกผู้มีจิตเลื่อมใส จัดไทยธรรมให้เป็นของควรบูชาตามสมควรแล้ว บริจาคในท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเนื้อนาดี การบูชา การบริจาคที่กระทำในท่านเหล่านั้น ผู้เป็นทักขิไณยบุคคล ย่อมเป็นการบูชาอย่างดี เป็นการบริจาคอย่างดีพร้อมมูล ยัญย่อมมีผลไพบูลย์ และเทวดาก็เลื่อมใส" (อุทายิสูตร) 35/152/1935/152/19 35/155/8 |
97 | ไทยธรรมนั้นเขาเรียกว่า ยัญเพราะเขาพึงบูชา. (อ.อุทายิสูตร) 35/153/1835/153/18 35/156/1 |
98 | [๔๑] สมาธิภาวนา 4 ประการ คือ เพื่อพักผ่อนอยู่สำราญในอัตภาพปัจจุบัน เพื่อญาณทัสสนะ เพื่อสติสัมปชัญญะ เพื่อความสิ้นอาสวะ (สมาธิสูตร) 35/155/435/155/4 35/157/4 |
99 | [๔๑] " ความหวั่นไหวในโลกไหน ๆ ของผู้ใดไม่มี เพราะพิจารณารู้อารมณ์ อันยิ่งและหย่อนในโลก ผู้นั้นเป็นคนสงบไม่มีโทษดุจควัน ไม่มีทุกข์ใจ ไม่มี ความหวังเรากล่าวว่า ข้ามชาติและชราได้แล้ว " (สมาธิสูตร) 35/157/335/157/3 35/159/2 |
100 | [๔๒] ปัญหาพยากรณ์ (การกล่าวแก้ปัญหา) 4 อย่าง คือ ปัญหาที่ต้องแก้โดย ส่วนเดียว ปัญหาที่ต้องจำแนกแก้ ปัญหาที่ต้องย้อนถามแล้วจึงแก้ ปัญหาที่ ต้องงดแก้ (ปัญหาสูตร) 35/159/335/159/3 35/161/5 |
101 | [๔๓] บุคคล 4 จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก คือ บุคคลหนักในความโกรธ หนักในความลบหลู่ท่าน หนักในลาภ หนักในสักการะ ไม่หนักในพระสัทธรรม ย่อมไม่งอกงามในพระธรรมวินัย (ปฐมโกธสูตร) 35/160/1735/160/17 35/163/3 |
102 | [๔๓] " ภิกษุเหล่าใดหนักในพระสัทธรรมแล้ว และกำลังหนักในพระสัทธรรมอยู่ ภิกษุเหล่านั้นย่อมงอกงามในพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงแล้ว " (ปฐมโกธสูตร) 35/161/1235/161/12 35/163/20 |
103 | [๔๔] " ภิกษุผู้หนักในความโกรธและความลบหลู่ท่าน หนักในลาภ และสักการะ ย่อมไม่งอกงามในพระสัทธรรม ดุจพืชที่หว่านในนาเลวฉะนั้น " (ทุติยโกธสูตร) 35/163/135/163/1 35/165/5 |
104 | [๔๕] โรหิตัสสเทวบุตร มาถามพระพุทธองค์ถึงที่สุดของโลกในจักรวาล พระพุทธองค์ตรัสตอบถึงที่สุดของสังขารโลก เทวบุตรนั้นเคยเกิดเป็นฤาษีในยุคที่คนมี อายุยืน เมื่ออายุขัยยังเหลือ 100 ปี ก็เดินทางก้าวละจักรวาล เพื่อหาที่สุดจักรวาล ยังไม่ถึงที่สุดก็ตายก่อน แล้วมาเกิดเป็นเทวบุตรในจักรวาลนี้ (ปฐมโรหิตัสสสูตร) 35/163/1435/163/14 35/165/17 |
105 | [๔๖] พระพุทธองค์ตรัสเล่าเรื่อง โรหิตัสสเทวบุตร ให้ภิกษุฟัง (ทุติยโรหิตัสสสูตร) 35/167/1435/167/14 35/169/14 |
106 | [๔๗] สิ่งที่ไกลแสนไกล 4 อย่าง คือ ฟ้ากับดิน ฝั่งในกับฝั่งนอกแห่งสมุทร ที่ๆ ดวงอาทิตย์ขึ้นกับที่ๆ ดวงอาทิตย์ตก ธรรมของสัตบุรุษกับธรรมของอสัตบุรุษ (สุวิทูรสูตร) 35/168/335/168/3 35/171/11 |
107 | [๔๘] " คนฉลาดปนอยู่กับหมู่คนเขลา เมื่อไม่พูดออกมา ก็ไม่มีใครรู้จัก ต่อเมื่อ พูดแสดงอมตบท คนทั้งหลายจึงรู้ บุคคลพึงส่องธรรมให้สว่าง พึงยกธงของฤษีไว้ ฤษีทั้งหลายมีสุภาษิตเป็นธง แท้จริง ธรรมเป็นธงของพวกฤษี " (วิสาขสูตร) 35/170/1835/170/18 35/174/7 |
108 | โลกุตรธรรม 9 อย่าง เรียกชื่อว่า ธงของพวกฤษี (อ.วิสาขสูตร) 35/171/1235/171/12 35/175/5 |
109 | [๔๙] ความสำคัญ คิด เห็นคลาดเคลื่อน มี 4 ประการ คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฏฐิวิปลาส ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง , ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข , ในสิ่งที่เป็นอนัตตาว่า เป็นอัตตา, ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม. (วิปัลลาสสูตร) 35/172/335/172/3 35/175/19 |
110 | [๕๐] เครื่องมัวหมอง ของสมณพราหมณ์ 4 ประการ คือ ดื่มสุราเมรัย, เสพ เมถุนธรรม, ยินดีทองและเงิน ไม่งดเว้นจากการรับทองและเงิน, เลี้ยงชีวิตโดย มิจฉาอาชีวะ เป็นเหตุให้สมณพราหมณ์ เหล่านั้น ปรากฏว่าเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ มีราคีไม่งามสง่าสุกใส (อุปกิเลสสูตร) 35/175/335/175/3 35/179/3 |
111 | [๕๑] ภิกษุบริโภค จีวร เสนาสนะ บิณฑบาต ยา ของทายกใด เข้าเจโตสมาธิ อันเป็นธรรมหาประมาณมิได้ บุญที่เกิดขึ้นของทายกนั้น ย่อมเป็นกองบุญใหญ่ นับประมาณไม่ได้ (ปฐมปุญญาภิสันทสูตร) 35/178/535/178/5 35/182/5 |
112 | เมื่อใดระลึกถึงบุญที่เคยทำ เมื่อนั้นก็ย่อมเกิดบุญ (อ.ปฐมปุญญาภิสันทสูตร) 35/180/1835/180/18 35/184/22 |
113 | [๕๒] ท่อธารบุญ 4 ประการ คือ ความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และศีลที่พระอริยพอใจ นำมาซึ่งความสุขให้ซึ่งผลอันดีเลิศ เป็นทางสวรรค์ (ทุติยปุญญาภิสันทสูตร) 35/181/1535/181/15 35/185/17 |
114 | [๕๓] ความอยู่ร่วมเป็นสามีภริยากัน 4 ประเภท คือ ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี ชายเทวดาอยู่ร่วม กับหญิงเทวดา (ปฐมสังวาสสูตร) 35/184/335/184/3 35/188/13 |
115 | [๕๔] ทรงตรัส ความอยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากัน 4 ประเภท ด้วยสามารถประพฤติ กรรมบถ 10 (ทุติยสังวาสสูตร) 35/187/1135/187/11 35/192/3 |
116 | [๕๕] ถ้าภริยาสามี หวังจะได้พบกันทั้งชาตินี้ และชาติหน้าไซร้ ทั้งคู่พึงมีศรัทธา เสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน (ปฐมสมชีวิสูตร) 35/189/1335/189/13 35/195/10 |
117 | นกุลบิดา ได้เคยเป็นพ่อของพระโพธิสัตว์มาแล้ว 500 ชาติ เป็นปู่ 500 ชาติ เป็นอา 500 ชาติ นกุลมารดา ก็ได้เป็นแม่มา 500 ชาติ เป็นย่า 500 ชาติ เป็นน้า 500 ชาติ (อ.ปฐมสมชีวิสูตร) 35/190/635/190/6 35/196/6 |
118 | [๕๖] ทรงตรัสแก่ภิกษุว่า ถ้าภริยาสามีหวังที่จะได้พบกัน ฯลฯ ความเหมือน สูตร 5 (ทุติยสมชีวิสูตร) 35/191/335/191/3 35/197/3 |
119 | [๕๗] ผู้ให้โภชนาหาร เป็นทาน ชื่อว่า ให้อายุ วรรณะ สุข พละ แก่ผู้รับ แล้วย่อมเป็นผู้มีส่วนได้รับ อายุ วรรณะ สุข พละ อันเป็นของทิพย์บ้างของ มนุษย์บ้าง (สุปปวาสสูตร) 35/191/1735/191/17 35/198/10 |
120 | [๕๘] " บุคคลใดให้โภชนาหาร แก่ปฏิคาหก ผู้มีศีล ผู้บริโภคของที่คนอื่นให้ โดยเคารพตามกาลอันควร บุคคลนั้น ชื่อว่าให้สถาน 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุข พละ นรชนผู้ให้อายุ ให้วรรณะ ให้สุขะ ให้พละ เกิดในภพใดๆ ย่อมเป็นผู้อายุยืน มียศ ในภพนั้น ๆ " (สุทัตตสูตร) 35/194/435/194/4 35/200/17 |
121 | [๕๙] สูตรนี้พระพุทธองค์ ทรงตรัสแก่ภิกษุ ถึงทายก เมื่อให้โภชนาหารเป็นทาน ชื่อว่า ให้สถาน 4 ประการ แก่ ปฏิคาหกทั้งหลาย. (โภชนสูตร) 35/195/335/195/3 35/201/14 |
122 | [๖๐] อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ ชื่อว่า ปฏิบัติทางสมควร อันเป็นทาง ได้ยศ ทางไปสวรรค์ คือ บำรุงภิกษุสงฆ์ด้วย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ ยา (คิหิสามิจิสูตร) 35/195/1035/195/10 35/202/17 |
123 | บัณฑิตเหล่าใด ย่อมบำรุงภิกษุสงฆ์ด้วยปัจจัย 4 บุญย่อมเจริญ แก่บัณฑิต เหล่านั้น ทุกเมื่อทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน ด้วยอำนาจการบริจาค และด้วยการ ระลึกถึง (อ.คิหิสามิจิสูตร) 35/196/1335/196/13 35/203/19 |
124 | [๖๑] ธรรม 4 ประการ ของคฤหัสถ์ เป็นที่ปรารถนารักใคร่ชอบใจ แต่หาได้โดย ยากในโลก คือ ขอโภคสมบัติจงเกิดขึ้นแก่เราโดยทางที่ชอบ ขอยศจงมีแก่ เราพร้อมญาติกับพวกพ้อง ขอเราจงมีอายุยืน เมื่อตายแล้วขอเราจงไปสวรรค์ (ปัตตกัมมสูตร) 35/198/435/198/4 35/205/4 |
125 | [๖๑] ธรรม 4 ประการ เป็นทางให้ได้ดังที่ปรารถนา 4 อย่างนั้น คือ ความถึง พร้อมด้วยศรัทธา ความถึงพร้อมด้วยศีล ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค ความถึงพร้อมด้วยปัญญา (ปัตตกัมมสูตร) 35/199/135/199/1 35/206/1 |
126 | [๖๑] การใช้ทรัพย์ที่สมควร 4 ประการ (ปัตตกัมมสูตร) 35/200/1035/200/10 35/207/24 |
127 | [๖๒] ทรงแสดงสุข 4 ประการ อันคฤหบดี ผู้บริโภคกามควรได้รับตามกาล สมัย แก่อนาถบิณฑิกคฤหบดี 1. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์ 2. สุขเกิดแต่การจ่าย ทรัพย์บริโภค 3. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้ 4. สุขเกิดแต่ประกอบการ งานที่ปราศจากโทษ. (อันนนาถสูตร) (อานัญยสูตร) 35/205/1635/205/16 35/213/3 |
128 | [๖๒] สุขทั้ง 3 ประการข้างต้นไม่ถึง ส่วนที่ 16 แห่งสุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ ปราศจากโทษ (อันนนาถสูตร) (อานัญยสูตร) 35/207/935/207/9 35/214/12 |
129 | [๖๓] พ่อ แม่ เป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์ เป็นบุรพเทวดา เป็นอาหุไนยของบุตร บุตรผู้บำรุง พ่อแม่ ย่อมไปสวรรค์ (สพรหมสูตร) 35/208/1035/208/10 35/215/18 |
130 | [๖๔] บุคคลเป็นผู้ทำการฆ่าสัตว์โดยปกติ ทำการลักทรัพย์โดยปกติ ประพฤติ ผิดในกามโดยปกติ พูดเท็จโดยปกติ ย่อมอุบัติในนรก. (นิรยสูตร) 35/209/1235/209/12 35/217/3 |
131 | [๖๕] บุคคล 4 จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก คือ ถือรูปเป็นประมาณ ถือเสียง กึกก้องเป็นประมาณ ถือความเศร้าหมองเป็นประมาณ ถือธรรมเป็นประมาณ (รูปสูตร) 35/210/435/210/4 35/218/3 |
132 | ถ้าแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็น 3 ส่วน 2 ส่วน ถือ รูปเป็นประมาณ แบ่งสรรพสัตว์ ออกเป็นแสนส่วน ส่วนเดียวเท่านั้น ถือ ธรรมเป็นประมาณ. (อ.รูปสูตร) 35/211/1835/211/18 35/219/11 |
133 | [๖๖] บุคคล 4 จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก คือ บุคคลมีราคะ มีโทสะ มีโมหะ มีมานะ (สราคสูตร) 35/213/335/213/3 35/220/17 |
134 | [๖๗] ภิกษุพึงแผ่เมตตาจิตไปถึง ตระกูลพระยางูทั้ง 4 คือ พระยางูตระกูลวิรูปักขะ ตระกูลเอราปถะ ตระกูลฉัพยาปุตตะ ตระกูลกัณหาโคตมกะ เพื่อคุ้มตน เพื่อ รักษาตน เพื่อป้องกันตน (อหิสูตร) 35/214/1435/214/14 35/222/3 |
135 | [๖๗] คุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หาประมาณมิได้ (อหิสูตร) 35/216/635/216/6 35/223/6 |
136 | [๖๘] "ผลกล้วยฆ่าต้นกล้วย ขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ ขุยอ้อฆ่าต้นอ้อ ลูกม้าอัสดรฆ่า แม่ม้าอัสดรฉันใด สักการะก็ทำลายล้างคนชั่วเสียฉันนั้น. (เทวทัตตสูตร) 35/218/1735/218/17 35/225/23 |
137 | [๖๙] ปธาน (ความเพียร) 4 ประการ คือ เพียรระวัง เพียรละ เพียรบำเพ็ญ เพียรตามรักษาไว้ (ปธานสูตร) 35/219/1335/219/13 35/226/15 |
138 | [๗๐] พระราชาประพฤติไม่เป็นธรรม ทำให้ธรรมชาติปั่นป่วน ฝนไม่ตกตาม ฤดูกาลเดือดร้อนถึงเทวดา มนุษย์ก็อายุสั้น มีอาพาธมาก. (ธัมมิกสูตร) 35/221/1035/221/10 35/228/3 |
139 | พระราชาเก็บส่วย เกิน 10 ส่วน ถือว่าไม่เป็นธรรม (อ.ธัมมิกสูตร) 35/223/1535/223/15 35/230/4 |
140 | [๗๑] ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ ชื่อว่า ปฏิบัติไม่ผิด และเหตุแห่ง ความสิ้นอาสวะ ภิกษุนั้นได้เริ่มแล้ว คือ เป็นผู้มีศีล เป็นพหูสูต มีความเพียร มีปัญญา (ปธานสูตร) 35/226/435/226/4 35/232/4 |
141 | [๗๒] ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ ชื่อว่า ปฏิบัติไม่ผิดและเหตุแห่งความ สิ้นอาสวะ ภิกษุนั้นได้เริ่มแล้ว คือ ความตรึกในอันออกจากกาม ความตรึกในอัน ไม่พยาบาท ความตรึกในอันไม่เบียดเบียน ความเห็นชอบ. (ทิฏฐิสูตร) 35/227/1035/227/10 35/233/6 |
142 | [๗๓] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ พึงทราบว่าเป็นอสัตบุรุษ มีการ พูดข้อเสียหายของผู้อื่น แม้ไม่มีใครถามเป็นต้น. (สัปปุริสสูตร) 35/228/335/228/3 35/234/3 |
143 | [๗๓] ภิกษุทั้งหลายพึงทำตัว มีใจเสมอด้วยสะใภ้ใหม่ (สัปปุริสสูตร) 35/229/1735/229/17 35/235/15 |
144 | [๗๔] วัตถุอันเลิศ 4 อย่าง คือ ศีลเลิศ สมาธิเลิศ ปัญญาเลิศ วิมุตติเลิศ (ปฐมอัคคสูตร) 35/231/335/231/3 35/236/18 |
145 | [๗๕] วัตถุอันเลิศ 4 อย่าง คือ รูปเลิศ เวทนาเลิศ สัญญาเลิศ ภพเลิศ (ทุติยอัคคสูตร) 35/231/1335/231/13 35/237/8 |
146 | บุคคลพิจารณารูปใดแล้ว ย่อมบรรลุพระอรหัต รูปนี้ชื่อว่า รูปอันเลิศ (อ.ทุติยอัคคสูตร) 35/232/335/232/3 35/237/15 |
147 | [๗๖] พระพุทธองค์ใกล้ปรินิพพานแล้ว ทรงตรัสถามภิกษุ 500 รูป ในที่นั้นว่า ผู้ใดมีความสงสัย เคลือบแคลงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค ในปฏิปทา ก็ดี ให้ถามพระองค์ ปรากฏว่าไม่มีภิกษุใดถามเลย. (กุสินาราสูตร) 35/232/1035/232/10 35/238/3 |
148 | [๗๗] อจินไตย 4 อย่าง ไม่ควรคิด ผู้ที่คิดก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้ รับความลำบากเสียเปล่า คือ พุทธวิสัย วิสัยแห่งผู้ได้ฌาน วิบากแห่งกรรม ความคิดใน เรื่องของโลก (อจินติตสูตร) (อจินเตยยสูตร) 35/235/335/235/3 35/240/17 |
149 | [๗๘] ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณา 4 ประการ (ทักขิณาสูตร) 35/236/1735/236/17 35/242/3 |
150 | ภิกษุทุศีลปล้นบุญเปรต (อ.ทักขิณาสูตร) 35/238/535/238/5 35/243/15 |
151 | [๗๙] เหตุที่ทำให้ค้าขาย ขาดทุน. (วณิชชสูตร) 35/238/1435/238/14 35/244/3 |
152 | [๘๐] เหตุที่ทำให้ผู้หญิงเป็นใหญ่ไม่ได้ คือ เป็นผู้มักโกรธ มักริษยา มักตระหนี่ เป็นผู้ทรามปัญญา (กัมโมชสูตร) 35/241/335/241/3 35/246/18 |
153 | [๘๑] บุคคลเป็นผู้ทำการฆ่าสัตว์โดยปกติ ลักทรัพย์โดยปกติ ประพฤติผิดในกาม โดยปกติ พูดเท็จโดยปกติ ย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปโยนทิ้งฉะนั้น. (ปาณาติปาตสูตร) 35/243/435/243/4 35/249/4 |
154 | [๘๒] บุคคลเป็นผู้พูดเท็จโดยปกติ พูดส่อเสียดโดยปกติ พูดคำหยาบโดยปกติ พูดสำรากโดยปกติ ย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปโยนทิ้งฉะนั้น. (มุสาสูตร) 35/244/335/244/3 35/250/3 |
155 | [๘๓] บุคคลไม่ใคร่ครวญไม่สอบสวนแล้ว ชมคนที่ควรติ ติคนที่ควรชม ปลูก ความเลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะอัน ควรเลื่อมใสย่อมอุบัติในนรก. (วัณณสูตร) 35/244/1535/244/15 35/250/17 |
156 | [๘๔] บุคคลเป็นผู้หนักในความโกรธ ความลบหลู่ท่าน หนักในลาภ หนักใน สักการะไม่หนักในพระสัทธรรม ย่อมอุบัติในนรก. (โกธสูตร) 35/245/1035/245/10 35/251/14 |
157 | [๘๕] บุคคล 4 จำพวก ปรากฏอยู่ในโลก มีบุคคลมืดมาแล้ว มืดไปภายหน้า เป็นต้น (ตมสูตร) 35/246/335/246/3 35/252/11 |
158 | [๘๖] บุคคล 4 จำพวก มีปรากฏอยู่ในโลก มีบุคคลต่ำมาแล้วต่ำไป เป็นต้น. (โอณตสูตร) 35/250/735/250/7 35/257/3 |
159 | [๘๗] สมณะ 4 จำพวก คือ สมณะผู้ไม่หวั่นไหว สมณะบุณฑริก สมณะปทุม สมณะสุขุมาลในหมู่สมณะ (ปุตตสูตร) 35/252/335/252/3 35/258/16 |
160 | [๘๘] สมณะ 4 จำพวก คือ พระโสดาบันเป็นสมณะผู้ไม่หวั่นไหว พระสกทาคามี เป็นสมณะบุณฑริก พระอนาคามีเป็นสมณะปทุม พระอรหันต์เป็นสมณะสุขุมมาล ในหมู่สมณะ (สังโยชนสูตร) 35/257/735/257/7 35/264/3 |
161 | [๘๙] สมณะ 4 จำพวก ได้แก่ภิกษุเป็นผู้มีความเห็นชอบ ฯลฯ มีสมาธิชอบ เป็นสมณะผู้ไม่หวั่นไหว
(ทิฏฐิสูตร) 35/258/1835/258/18 35/265/13 |
162 | [๙๐] สมณะ 4 จำพวก มีภิกษุเป็นเสขะ ยังไม่สำเร็จมโนรถ ยังปรารถนาธรรม อันเกษมจากโยคะอย่างยอดเยี่ยมอยู่ เป็นสมณะผู้ไม่หวั่นไหว เป็นต้น. (ขันธสูตร) 35/260/1435/260/14 35/267/14 |
163 | [๙๑] บุคคล 4 จำพวก คือ คนอสูร มีอสูรเป็นบริวาร , คนอสูร มีเทวดาเป็น บริวาร ,คนเทวดา มีอสูรเป็นบริวาร , คนเทวดา มีเทวดาเป็นบริวาร. (อสุรสูตร) 35/263/435/263/4 35/270/4 |
164 | [๙๒] บุคคล 4 จำพวก มีบุคคลผู้ได้ความสงบใจในภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญา และธัมมวิปัสสนา เป็นต้น (ปฐมสมาธิสูตร) 35/264/935/264/9 35/272/3 |
165 | [๙๓] บุคคลใดได้อธิปัญญา และธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้ความสงบใจในภายใน พึงตั้งอยู่ในอธิปัญญาและธัมมวิปัสสนาแล้ว ทำการประกอบความเพียรใน ความสงบใจในภายใน ต่อไป. (ทุติยสมาธิสูตร) 35/266/135/266/1 35/273/15 |
166 | [๙๔] บุคคลใดได้ความสงบใจในภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญา และธัมมวิปัสสนา บุคคลนั้นควรเข้าไปไต่ถามบุคคลผู้ได้อธิปัญญา และธัมมวิปัสสนา (ตติยสมาธิสูตร) 35/267/1135/267/11 35/275/11 |
167 | [๙๕] บุคคล 4 จำพวก คือ ผู้ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น, ผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่นแต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน, ผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ ตนแต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น , ผู้ปฏิบัติทั้งเพื่อประโยชน์ตน และประโยชน์ ผู้อื่น (ฉวาลาตสูตร) 35/269/1635/269/16 35/277/10 |
168 | [๙๖] บุคคลบางคนเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ กำจัดราคะ โทสะ โมหะ ด้วยตนเอง แต่ไม่ ชักชวนผู้อื่นเพื่อกำจัด ราคะ โทสะ โมหะ ชื่อว่า ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น (ราคสูตร) 35/272/835/272/8 35/279/20 |
169 | [๙๗] บุคคลบางคนเป็นผู้รู้ได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย รู้ทั่วถึงธรรมแล้วปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม แต่ไม่เป็นผู้มีวาจาไพเราะ ไม่แสดงธรรมให้เพื่อนพรหมจารี เห็นชัด ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น (นิสันติสูตร) 35/273/935/273/9 35/281/12 |
170 | [๙๘] บุคคล 4 จำพวก มีบุคคลปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ ผู้อื่น เป็นต้น (อัตตหิตสูตร) 35/275/1835/275/18 35/284/3 |
171 | [๙๙] บุคคลบางคน เป็นผู้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จดื่มสุราเมรัย ด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ละเว้น ชื่อว่า ผู้ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ตน แต่ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น. (สิกขาสูตร) 35/276/1535/276/15 35/285/9 |
172 | [๑๐๐] ในบุคคล 4 จำพวก พระพุทธองค์ชอบใจ บุคคลที่กล่าวติคนที่ควรติบ้าง กล่าวชมคนที่ควรกล่าวชมบ้าง ตามเรื่องที่จริงที่แท้ตามกาลอันควร. (โปตลิยสูตร) 35/278/1435/278/14 35/288/13 |
173 | [๑๐๑] ทรงเปรียบบุคคลกับ วลาหก (เมฆฝน) 4 ประเภท คือ คำรามแต่ไม่ตก, ตกแต่ไม่คำราม , ไม่คำราม ไม่ตก , ทั้งคำราม ทั้งตก. (ปฐมวลาหกสูตร) 35/280/1635/280/16 35/292/1 |
174 | [๑๐๒] บุคคลบางคนเล่าเรียนธรรม แต่เขาไม่รู้ตามความเป็นจริงในอริยสัจ 4 นี้เป็นดุจ วลาหกคำราม แต่ไม่ตก. (ทุติยวลาหกสูตร) 35/283/435/283/4 35/294/7 |
175 | [๑๐๓] ทรงเปรียบบุคคลด้วยหม้อ 4 ประเภท มีคนบางคน ซึ่งมีกิริยาอาการ เป็น ที่น่าเลื่อมใส แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริง ในอริยสัจ 4 เป็นดุจหม้อเปล่าปิด เป็นต้น. (กุมภสูตร) 35/284/935/284/9 35/295/15 |
176 | [๑๐๔] ทรงเปรียบบุคคลด้วยห้วงน้ำ 4 อย่าง มีบุคคลที่มีกิริยาอาการล้วนน่า เลื่อมใส แต่เขาไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงในอริยสัจ 4 เป็นดุจห้วงน้ำตื้น เงาลึก เป็นต้น (อุทกรหทสูตร) 35/286/935/286/9 35/297/14 |
177 | [๑๐๕] ทรงเปรียบบุคคลที่มีอาการน่าเลื่อมใส และไม่น่าเลื่อมใส และความรู้ ในอริยสัจดุจ มะม่วง 4 จำพวก มีมะม่วงดิบผิวสุก เป็นต้น. (อัมพสูตร) 35/288/335/288/3 35/299/15 |
178 | [๑๐๗] ทรงเปรียบบุคคลที่เล่าเรียนธรรม และความรู้ในอริยสัจ ดุจหนู 4 จำพวก มีหนูจำพวกขุดรูแต่ไม่อยู่ เป็นต้น (มูนิกาสูตร) 35/290/335/290/3 35/302/3 |
179 | [๑๐๘] ทรงเปรียบบุคคลผู้ยังบริษัทตน และบริษัทผู้อื่นให้หวาดเสียว กับ โคพลิพัท 4 จำพวก (พลิพัททสูตร) 35/292/335/292/3 35/304/3 |
180 | [๑๐๙] ทรงเปรียบบุคคลและบริวาร ด้วยต้นไม้ 4 ชนิด มีต้นไม้กระพี้ มีไม้กระพี้ เป็นบริวาร เป็นต้น โดยอาศัยความเป็นผู้มีศีล และทุศีล ของบุคคล (รุกขสูตร) 35/294/335/294/3 35/306/3 |
181 | [๑๑๐] ทรงเปรียบบุคคลผู้โกรธ ดุจอสรพิษ 4 จำพวก มีอสรพิษ มีพิษแล่น พิษไม่ร้าย เป็นต้น (อาสีวิสสูตร) 35/295/1935/295/19 35/308/3 |
182 | [๑๑๑] พระพุทธองค์ ทรงฝึกบุรุษด้วยวิธีละม่อมบ้าง รุนแรงบ้าง ทั้งละม่อมทั้ง รุนแรงบ้าง ผู้ที่ฝึกไม่ได้ พระองค์ทรงฆ่าเสีย ด้วยการไม่กล่าวสั่งสอน. (เกสีสูตร) 35/298/1735/298/17 35/311/19 |
183 | [๑๑๒] ทรงเปรียบภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 4 ย่อมเป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า คือ ซื่อตรง ว่องไว อดทน สงบเสงี่ยม ดุจม้าอาชาไนย ของพระราชา (ชวสูตร) 35/301/1435/301/14 35/314/9 |
184 | [๑๑๓] ทรงเปรียบม้าอาชาไนย 4 จำพวก กับบุรุษอาชาไนย 4 จำพวก มีผู้ได้ ฟังว่าในบ้านหรือนิคม โน้นมีหญิง หรือชายถึงความทุกข์ หรือตาย เขาย่อม สลดใจ ถึงความสังเวช เริ่มตั้งความเพียร และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ดุจม้าอาชาไนยเห็นเงาปฏัก ย่อมสลดถึงความสังเวช เป็นต้น (ปโตทสูตร) 35/304/335/304/3 35/315/13 |
185 | [๑๑๔] ช้างตัวประเสริฐของพระราชา ประกอบด้วยองค์ 4 ย่อมเป็นช้างควร แก่พระราชา คือ เป็นสัตว์สำเหนียก กำจัด อดทน ไปได้เร็ว (นาคสูตร) 35/306/1835/306/18 35/319/7 |
186 | [๑๑๔] ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ เป็นผู้สำเหนียก กำจัด อดทน ไปได้เร็ว ย่อมเป็น ผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก. (นาคสูตร) 35/308/135/308/1 35/320/15 |
187 | [๑๑๕] เหตุ 4 ประการ ที่คนพาล และบัณฑิต สำเหนียกที่จะทำเพื่อความเสื่อม และความเจริญ มีเหตุเพื่อทำสิ่งที่ไม่พอใจ และเหตุนั้นเมื่อทำเข้า ย่อมเป็นไป เพื่อความฉิบหาย เหตุนี้บัณฑิตย่อมสำคัญว่าไม่ควรทำโดยส่วนทั้งสองทีเดียว เป็นต้น. (ฐานสูตร) 35/310/335/310/3 35/322/14 |
188 | [๑๑๖] ควรทำความไม่ประมาทในฐานะ 4 ประการ คือ ในการละกายทุจริต และ การเจริญกายสุจริต, ในการละวจีทุจริต และเจริญวจีสุจริต, ในการละมโนทุจริต และการเจริญมโนสุจริต, ในการละมิจฉาทิฏฐิ และเจริญสัมมาทิฏฐิ (อัปปมาทสูตร) 35/312/1535/312/15 35/325/5 |
189 | [๑๑๗] ภิกษุพึงกระทำความไม่ประมาท คือ มีสติเครื่องรักษาใจโดยสมควร แก่ตน 4 ประการ มีการรักษาใจว่า จิตของเราอย่ากำหนัดในธรรมเป็นที่ตั้ง แห่งความกำหนัด เป็นต้น. (อารักขสูตร) 35/314/335/314/3 35/326/13 |
190 | [๑๑๘] สถานที่ควรเห็น ควรให้เกิดความสังเวชแห่งกุลบุตร ผู้มีศรัทธา 4 แห่ง คือ พระตถาคตประสูติ ณ ที่นี้ พระตถาคตตรัสรู้ ณ ที่นี้ พระตถาคตทรงประกาศ ธรรมจักรอันยอดเยี่ยม ณ ที่นี้ พระตถาคตปรินิพพาน ณ ที่นี้. (สังเวชนียสูตร) 35/315/1435/315/14 35/328/3 |
191 | [๑๑๙] ภัย (สิ่งที่น่ากลัว) 4 ประการ คือ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ (ปฐมภยสูตร) 35/316/835/316/8 35/329/3 |
192 | [๑๒๐] ภัย 4 ประการ คือ อัคคีภัย อุทกภัย ราชภัย โจรภัย (ทุติยภยสูตร) 35/317/335/317/3 35/329/15 |
193 | [๑๒๑] ภัย 4 ประการ คือ ภัยเกิดจากการติเตียนตนเอง ภัยเกิดจากผู้อื่นติเตียน ภัยเกิดแต่อาญา ภัยเกิดแต่ทุคติ บุคคลเมื่อพิจารณาเห็นภัยนั้นแล้ว จึงละ ทุจริต 3 บำเพ็ญสุจริต 3 (ปฐมภยสูตร) 35/318/435/318/4 35/331/4 |
194 | [๑๒๒] ภัย 4 ประการ ของกุลบุตรผู้ออกบวชด้วยศรัทธา คือ ภัยคือคลื่น ได้แก่ ความโกรธ ความแค้นใจ, ภัยคือจระเข้ ได้แก่ ความเป็นผู้เห็นแก่ท้อง, ภัยคือน้ำวนได้แก่ กามคุณ 5, ภัยคือปลาฉลามได้แก่ ผู้หญิง (ทุติยภยสูตร) 35/321/335/321/3 35/334/7 |
195 | [๑๒๓] บุคคลผู้เจริญฌาน 4 จำพวก คือ ปฐมฌาน มีอายุกัปหนึ่ง อยู่ชั้น พรหมกายิกา, ทุติยฌาน มีอายุ 2 กัป อยู่ชั้นอาภัสสระ , ตติยฌาน มีอายุ 4 กัป อยู่ชั้นสุภกิณหะ, จตุตถฌาน มีอายุ 500 กัป อยู่ชั้นเวหัปผละ ในแต่ละ ชั้นถ้าเป็นปุถุชนยังต้องลงมาเกิดในนรกบ้าง สัตว์ดิรัจฉานบ้าง เปรตบ้าง ส่วน สาวกผู้ได้สดับย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง (ปฐมฌานสูตร) 35/325/335/325/3 35/338/3 |
196 | [๑๒๔] บุคคลผู้บรรลุ ฌาน 4 จำพวกย่อมพิจารณาเห็น ขันธ์ 5 โดยความ เป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี ฯลฯ เป็นของไม่ใช่ตน บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ความอุบัตินี้ ไม่ทั่วไปถึงปุถุชน (ทุติยฌานสูตร) 35/329/835/329/8 35/342/9 |
197 | [๑๒๕] บุคคล 4 จำพวก คือ ผู้ได้เมตตาฌาน มีอายุกัปหนึ่งอยู่พรหมกายิกา, กรุณาฌาน มีอายุ 2 กัป อยู่ชั้นอาภัสสระ , มุทิตาฌาน มีอายุ 4 กัปอยู่ชั้น สุภกิณหะ, อุเบกขาฌาน มีอายุ 500 กัป อยู่ชั้นเวหัปผละ ถ้าเป็นปุถุชน เมื่อ หมดอายุในชั้นนั้นๆ แล้ว ย่อมต้องไป นรกบ้าง สัตว์ดิรัจฉานบ้าง เปรตบ้าง ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับย่อมปรินิพพานในภพนั้น. (ปฐมเมตตาสูตร) 35/331/735/331/7 35/344/11 |
198 | [๑๒๖] บุคคลผู้เจริญอัปปมัญญา 4 จำพวก นั้น พิจารณาขันธ์ 5 โดยความ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ฯลฯ เป็นของไม่ใช่ตน เมื่อบุคคลนั้นตายไป ย่อม เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ความอุบัตินี้ไม่ทั่วไปด้วย ปุถุชน (ทุติยเมตตาสูตร) 35/334/1335/334/13 35/347/16 |
199 | [๑๒๗] ความอัศจรรย์ไม่เคยมี 4 ประการ ย่อมปรากฏเพราะความปรากฏแห่ง พระตถาคต คือ เมื่อพระโพธิสัตว์ก้าวลงสู่ครรภ์ ตอนประสูติ ตอนตรัสรู้ ตอน ประกาศธรรมจักร. (ปฐมอัจฉริยสูตร) 35/336/335/336/3 35/349/9 |
200 | ที่ว่างในระหว่าง 3 จักรวาล จะมีโลกันตริกนรกอยู่แห่งหนึ่ง. (อ.ปฐมอัจฉริยสูตร) 35/338/535/338/5 35/351/15 |
201 | ผู้ทารุณต่อ พ่อแม่ ทำความผิดร้ายแรงต่อสมณะผู้ทรงธรรม ทำกรรมสาหัสอื่น มีฆ่าสัตว์ทุกๆ วัน เป็นต้น ย่อมเกิดในโลกันตรมหานรก (อ.ปฐมอัจฉริยสูตร) 35/338/1935/338/19 35/352/12 |
202 | [๑๒๘] ความอัศจรรย์ในการแสดงธรรมของพระตถาคต 4 ประการ คือ หมู่สัตว์ ผู้มีอาลัย มีความถือตัว มีความไม่สงบ ตกอยู่ในอวิชชา เมื่อพระตถาคตแสดง ธรรมอยู่ หมู่สัตว์เหล่านั้น ย่อมฟังด้วยดี เงี่ยโสตสดับ ตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง (ทุติยอัจฉริยสูตร) 35/339/1635/339/16 35/353/6 |
203 | [๑๒๙] ความอัศจรรย์ ในพระอานนท์ 4 ประการ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อุบาสิกาย่อมมีใจยินดีด้วยการเห็น พระอานนท์ ถ้าท่านกล่าวธรรม ในบริษัท นั้น บริษัทนั้นย่อมมีใจยินดีในคำกล่าวนั้น ไม่รู้จักอิ่มเลย. (ตติยอัจฉริยสูตร) (อานันทอัจฉริยสูตร) (จักกวัตติอัจฉริยสูตร) 35/342/335/342/3 35/355/15 |
204 | [๑๓๐] ความอัศจรรย์ ในพระเจ้าจักรพรรดิ 4 ประการ เป็นเช่นใด ความ อัศจรรย์ในพระอานนท์ก็เป็นเช่นนั้น (จตุตถอัจฉริยสูตร) 35/343/1835/343/18 35/357/13 |
205 | [๑๓๑] บุคคล 4 จำพวก ที่เกี่ยวกับการละสังโยชน์เบื้องต่ำ 5 สังโยชน์อันเป็น ปัจจัยให้อุบัติ สังโยชน์อันเป็นปัจจัยให้ได้ภพ เช่น พระสกทาคามี ยังละ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ไม่ได้ และยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยให้อุบัติ และปัจจัย ให้ได้ภพไม่ได้ (สังโยชนสูตร) 35/346/435/346/4 35/361/4 |
206 | [๑๓๒] บุคคล 4 จำพวก เกี่ยวกับการแก้ปัญหา คือ ฉลาดผูก ไม่ฉลาดแก้ , ฉลาดแก้ไม่ฉลาดผูก , ฉลาดทั้งผูกทั้งแก้ , ไม่ฉลาดทั้งผูกทั้งแก้ (ปฏิภาณสูตร) 35/349/335/349/3 35/364/3 |
207 | [๑๓๓] บุคคล 4 จำพวก คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ ปทปรมะ (อุคฆฏิตัญญุสูตร) 35/350/335/350/3 35/365/3 |
208 | บุคคลฟังมาก พูดมาก ทรงจำมาก สอนมากก็ดี ยังไม่ตรัสรู้ธรรมในชาตินั้น เรียกว่า ปทปรมบุคคล. (อ.อุคฆฏิตัญญุสูตร) 35/350/1935/350/19 35/365/17 |
209 | [๑๓๔] บุคคล 4 จำพวก มีบุคคลจำพวกดำรงชีพอยู่ด้วยผลของความหมั่น มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลของกรรม เป็นต้น. (อุฏฐานสูตร) 35/351/335/351/3 35/366/3 |
210 | [๑๓๕] บุคคล 4 จำพวก คือ บุคคลมีโทษ ได้แก่ปุถุชนผู้โง่เขลา, บุคคลมีโทษ มากได้แก่ โลกิยปุถุชน, บุคคลมีโทษน้อย ได้แก่ พระโสดาบัน ถึงพระอนาคามี, บุคคลไม่มีโทษ ได้แก่ พระอรหันต์. (สาวัชชสูตร) 35/352/1735/352/17 35/367/13 |
211 | [๑๓๖] บุคคล 4 จำพวก มีผู้ไม่ทำให้บริบูรณ์ในศีล สมาธิ ปัญญา ได้แก่ โลกิยมหาชน เป็นต้น. (ปฐมสีลสูตร) 35/354/335/354/3 35/369/3 |
212 | [๑๓๗] บุคคล 4 จำพวก คือ ผู้ไม่หนักในศีล สมาธิ ปัญญา... ผู้หนักในศีล สมาธิปัญญา (ทุติยสีลสูตร) 35/355/835/355/8 35/370/6 |
213 | [๑๓๘] บุคคล 4 จำพวก คือ มีกายออก แต่จิตไม่ออก... มีกายก็ออก จิตก็ออก (นิกกัฏฐสูตร) 35/356/335/356/3 35/371/7 |
214 | มีกายออก มีจิตไม่ออก อธิบายว่า คนมีกายเท่านั้นออกจากบ้าน แม้อยู่ในป่า ก็ยังเอาจิตเข้าบ้านอยู่นั่นเอง (อ.นิกกัฏฐสูตร) 35/357/335/357/3 35/372/11 |
215 | [๑๓๙] ธรรมกถึก 4 จำพวก มีธรรมกถึกผู้กล่าวธรรมน้อย และไม่ประกอบด้วย ประโยชน์ ทั้งบริษัทก็เป็นผู้ไม่ฉลาดต่อประโยชน์ และมิใช่ประโยชน์ ธรรมกถึกนี้ นับว่าเป็นธรรมกถึกสำหรับบริษัทนั้น เป็นต้น. (ธัมมกถิกสูตร) 35/357/935/357/9 35/373/3 |
216 | [๑๔๐] นักพูด 4 จำพวก คือ จำนนโดยอรรถ ไม่จำนนโดยพยัญชนะ... ไม่จำนนทั้ง อรรถและพยัญชนะ ข้อที่ภิกษุผู้ประกอบด้วยปฏิสัมภิทา 4 พึงจำนนโดยอรรถ หรือ พยัญชนะ นี้ไม่ใช่ฐานะ (วาทีสูตร) 35/358/1035/358/10 35/374/11 |
217 | [๑๔๑] แสงสว่างแห่งดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ไฟ ปัญญา, แสงสว่างแห่ง ปัญญาเป็นเลิศ (อาภาสูตร) 35/360/435/360/4 35/376/4 |
218 | [๑๔๒] แสง 4 คือ แสงดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ไฟ ปัญญา, แสงปัญญาเป็นเลิศ. (ปภาสูตร) 35/361/835/361/8 35/377/3 |
219 | [๑๔๓] ความสว่าง 4 คือ ความสว่างแห่งดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ไฟ ปัญญา, ความสว่างแห่งปัญญาเป็นเลิศ. (อาโลกสูตร) 35/362/335/362/3 35/378/3 |
220 | [๑๔๔] โอภาส 4 (แสงสุกใส) คือ โอภาสแห่งดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ไฟ ปัญญา ,โอภาสแห่งปัญญา เป็นเลิศ (โอภาสสูตร) 35/362/1335/362/13 35/378/12 |
221 | [๑๔๕] ความโพลง 4 คือ ความโพลงแห่งดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ไฟ ปัญญา, ความโพลงแห่งปัญญาเป็นเลิศ. (ปัชโชตสูตร) 35/363/335/363/3 35/379/3 |
222 | [๑๔๖] กาล 4 คือ การฟังธรรมตามกาล , การสนทนาธรรมตามกาล , การทำ สมถะตามกาล , การทำวิปัสสนาตามกาล (ปฐมกาลสูตร) 35/363/1335/363/13 35/379/13 |
223 | [๑๔๗] กาล 4 นี้ อันบุคคลบำเพ็ญโดยชอบ เปลี่ยนแปลงโดยชอบอยู่ ย่อม จะยังบุคคลให้ถึงความสิ้นอาสวะโดยลำดับ (ทุติยกาลสูตร) 35/364/935/364/9 35/380/10 |
224 | [๑๔๘] วจีทุจริต 4 คือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเหลวไหล (ปฐมกาลสูตร) 35/365/935/365/9 35/381/11 |
225 | [๑๔๙] วจีสุจริต 4 คือ พูดจริง ไม่พูดส่อเสียด พูดสุภาพ พูดด้วยปัญญา (ทุติยจริตสูตร) 35/366/335/366/3 35/382/6 |
226 | [๑๕๐] สาระ 4 คือ สีลสาระ สมาธิสาระ ปัญญาสาระ วิมุตติสาระ (สารสูตร) 35/367/335/367/3 35/383/3 |
227 | [๑๕๑] อินทรีย์ (ความเป็นใหญ่) 4 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สมาธิ ปัญญา (อินทริยสูตร) 35/368/535/368/5 35/384/5 |
228 | [๑๕๒] พละ (ความไม่หวั่นไหว) 4 คือ ศรัทธา วิริยะ สมาธิ ปัญญา (ปฐมพลสูตร) 35/369/335/369/3 35/385/11 |
229 | [๑๕๓] พละ 4 คือ ปัญญา วิริยะ กรรมอันไม่มีโทษ การสงเคราะห์คนที่ควรสงเคราะห์ (ทุติยพลสูตร) 35/369/1435/369/14 35/386/8 |
230 | [๑๕๔] พละ 4 คือ สติ สมาธิ กรรมไม่มีโทษ การสงเคราะห์คนที่ควรสงเคราะห์ (ตติยพลสูตร) 35/370/835/370/8 35/387/3 |
231 | [๑๕๕] พละ 4 คือ การพิจารณา การทำกุศล กรรมไม่มีโทษ การสงเคราะห์ คนที่ควรสงเคราะห์ (จตุตถพลสูตร) 35/371/335/371/3 35/387/14 |
232 | [๑๕๖] อสงไขย(คือ ระยะกาลที่นานนับไม่ได้)แห่งกัป 4 คือ ระยะกาลเมื่อกัป เสื่อม ระยะกาลเมื่อกัปอยู่ในระหว่างพินาศ ระยะกาลเมื่อกัปกลับเจริญ ระยะ กาลเมื่อกัปอยู่ในระหว่างเจริญ. (กัปปสูตร) 35/371/1435/371/14 35/388/8 |
233 | ในคราวที่กัปเสื่อมด้วยไฟ ย่อมไหม้ภายใต้แต่อาภัสสรพรหม , เสื่อมด้วยน้ำ ย่อมละลายแต่ภายใต้สุภกิณหพรหม เสื่อมด้วยลม ย่อมทำลายภายใต้เวหัปผลพรหม (อ.กัปปสูตร) 35/372/1135/372/11 35/389/5 |
234 | [๑๕๗] โรค 2 อย่าง คือ โรคกาย โรคใจ ผู้ที่จะยืนยันว่าไม่มีโรคทางใจแม้ เพียงเวลาครู่เดียวนั้นหาได้ยากในโลก เว้นแต่พระอรหันต์ (โรคสูตร) 35/373/335/373/3 35/389/15 |
235 | [๑๕๗] โรคของบรรพชิต 4 อย่าง คือ ภิกษุเป็นผู้มักมาก , ตั้งความปรารถนา ลามก ,วิ่งเต้นขวนขวายพยายาม เพื่อความยกย่องเพื่อลาภสักการะ , เข้าสู่ ตระกูลเพื่อให้เขานับถือ กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะอยู่ ก็เพื่อให้เขานับถือ. (โรคสูตร) 35/373/935/373/9 35/390/2 |
236 | [๑๕๘] พระสารีบุตรแสดงถึง ภิกษุหรือภิกษุณี ก็ตาม มีธรรม 4 ประการในตน พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นความเสื่อม คือ มีราคะหนาแน่น มีโทสะหนาแน่น มี โมหะหนาแน่น ไม่มีปัญญาจักษุก้าวไปในฐานะและอฐานะ อันลึก. (ปริหานิสูตร) 35/375/335/375/3 35/391/15 |
237 | ปัญญา ในสูตรนี้ แม้ปัญญาเกิดจากการเรียน การสอบถาม เกิดจากการ พิจารณา การแทงตลอด ก็ควร (อ.ปริหานิสูตร) 35/376/535/376/5 35/392/22 |
238 | [๑๕๙] ภิกษุณีรูปหนึ่ง มีจิตปฏิพัทธ์ในพระอานนท์ จึงแกล้งป่วยนอนคลุมโปง อยู่ พระอานนท์ไปแสดงธรรมให้ฟัง ถึงอสุภกถา มีร่างกายนี้เกิดเป็นมาด้วย เมถุนควรละเมถุนนั้นเสีย เมถุนนั้นพระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ชักสะพานเสีย จบการแสดงธรรมภิกษุณีนั้นลุกขึ้นขอขมา. (ภิกขุนีสูตร) 35/376/1035/376/10 35/393/5 |
239 | [๑๖๐] เมื่อพระสุคตก็ดี วินัยพระสุคตก็ดี ยังประดิษฐานอยู่ในโลก ย่อมเป็น ไปเพื่อเกื้อกูลแก่คนมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เป็นความสุขแก่เทวดา และมนุษย์ ทั้งหลาย (สุคตสูตร) 35/380/1635/380/16 35/397/20 |
240 | [๑๖๐] เหตุให้พระสัทธรรม เลอะเลือนอันตรธานไป 4 ประการ มีภิกษุเล่าเรียน สูตรอันถือกันมาผิด เป็นต้น. (สุคตสูตร) 35/381/1635/381/16 35/398/15 |
241 | [๑๖๑] ปฏิปทา 4 คือ ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า, ปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว, ปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้า , ปฏิบัติสะดวก ทั้งรู้ได้เร็ว. (สังขิตตสูตร) 35/385/435/385/4 35/402/4 |
242 | [๑๖๒] ปฏิปทา 4 มี บุคคลที่ได้รับทุกข์ เพราะมี ราคะ โทสะ โมหะกล้า และ อินทรีย์ 5 คือ สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ของเขาก็อ่อน เขาย่อมบรรลุ คุณเพื่อความสิ้นอาสวะได้ช้า นี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า เป็นต้น. (วิตถารสูตร) 35/386/335/386/3 35/403/3 |
243 | วิปัสสนาญาณ 9 มีอุทยัพพยานุปัสสนาญาณ (ปรีชาคำนึงเห็นทั้งความเกิด และความดับ) เป็นต้น. (อ.วิตถารสูตร) 35/388/935/388/9 35/405/10 |
244 | [๑๖๓] ปฏิปทา 4 มี ภิกษุผู้พิจารณาเห็นความไม่งาม ความเป็นปฏิกูล ความ ไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง ความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง หรือ ตั้งมรณสัญญา ไว้อาศัยธรรมอันเป็นกำลังของพระเสขะ 5 ประการ แต่อินทรีย์ 5 ของภิกษุนั้น ยังอ่อน ภิกษุนั้นย่อมบรรลุคุณเพื่อความสิ้นอาสวะได้ช้านี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้าเป็นต้น. (อสุภสูตร) 35/389/1535/389/15 35/406/13 |
245 | [๑๖๔] ปฏิปทา 4 คือ ปฏิบัติไม่อดทน ปฏิบัติอดทน ปฏิบัติข่มใจ ปฏิบัติระงับ, บุคคลบางคนเขาด่า ย่อมด่าตอบ เขาโกรธ ย่อมโกรธตอบ เขาวิวาท ย่อมวิวาทตอบ นี้เรียกว่า ปฏิบัติไม่อดทน (ปฐมขมสูตร) 35/393/335/393/3 35/410/5 |
246 | [๑๖๕] ปฏิปทา 4 มีบุคคลผู้ไม่ทนทานต่อหนาว ร้อน หิว ต่อสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ต่อถ้อยคำหยาบคาย ไม่อดกลั้นต่อเวทนาที่เกิดในร่างกาย นี้เรียกว่า ปฏิบัติไม่อดทน เป็นต้น (ทุติยขมสูตร) 35/395/335/395/3 35/412/3 |
247 | [๑๖๖] ในปฏิปทา 4 นั้น ปฏิปทาที่ลำบากทั้งรู้ได้ช้า จัดว่าเลวทั้ง 2 สถาน คือ เลวทั้งโดยที่ลำบาก ทั้งโดยที่ช้า ปฏิปทาที่สะดวกทั้งรู้ได้เร็ว จัดว่าดีทั้ง 2 สถาน. (อุภยสูตร) 35/396/635/396/6 35/414/3 |
248 | [๑๖๗] พระมหาโมคคัลลานะ หลุดพ้นจากอาสวะ ด้วยปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว (โมคคัลลานสูตร) 35/397/335/397/3 35/415/3 |
249 | [๑๖๘] พระสารีบุตร หลุดพ้นจากอาสวะ ด้วยปฏิบัติสะดวก และรู้ได้เร็ว. (สารีปุตตสูตร) 35/398/935/398/9 35/416/3 |
250 | [๑๖๙] บุคคล 4 จำพวก คือ บุคคลเป็นสสังขารปรินิพพายีในภพปัจจุบัน... บุคคลเป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะกายแตกไป (สสังขารสูตร) 35/399/1135/399/11 35/417/3 |
251 | บุคคลที่ 1 ที่ 2 เป็นสุกขวิปัสสกะ ยังสังขารนิมิตให้ปรากฏด้วยความเพียร. บุคคลที่ 3 ที่ 4 เป็นสมถยานิกะ (สมถะนำไป) (อ.สสังขารสูตร) 35/401/935/401/9 35/419/3 |
252 | [๑๗๐] พระอานนท์แสดงการบำเพ็ญของภิกษุ 4 อย่าง คือ บำเพ็ญวิปัสสนามี สมถะเป็นเบื้องหน้า, บำเพ็ญสมถะมีวิปัสสนาเป็นเบื้องหน้า , บำเพ็ญสมถะและ วิปัสสนาเป็นคู่กันไป, ใจของภิกษุปราศจากความฟุ้งซ่านในธรรม(วิปัสสนูกิเลส) แล้วจิตนั้นย่อมตั้งมั่น หยุดนิ่งอยู่ภายในเป็นหนึ่งแน่วแน่เป็นสมาธิ มรรคย่อม เกิดแก่ภิกษุนั้น. (ยุคนัทธสูตร) 35/402/335/402/3 35/419/17 |
253 | อย่างไร จึงชื่อว่า บำเพ็ญสมถะ และวิปัสสนาเป็นคู่กันไป. (อ.ยุคนัทธสูตร) 35/403/1735/403/17 35/421/12 |
254 | [๑๗๑] เมื่อกาย วาจา ใจ มีอยู่ สุขทุกข์ที่เป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะ ความจงใจทำทางกาย ทางวาจา ทางใจ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย บุคคล ย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ ภาย ในนั้นเกิดขึ้นด้วยตนบ้าง ด้วยผู้อื่นบ้าง และบุคคลนั้นรู้อยู่ หรือไม่รู้อยู่ปรุงแต่ง บ้าง เพราะอวิชชาดับกาย วาจา ใจ ย่อมไม่เป็นปัจจัย ให้สุขทุกข์ภายในเกิด ขึ้นแก่บุคคลนั้น (เจตนาสูตร) 35/405/435/405/4 35/423/4 |
255 | [๑๗๑] ความได้อัตภาพ 4 มีความได้อัตภาพจากความจงใจของตน มิใช่ ความจงใจของผู้อื่น เป็นต้น (เจตนาสูตร) 35/406/135/406/1 35/424/1 |
256 | [๑๗๑] พระอนาคามี บางท่าน ไม่ได้เกิดที่ชั้นสุทธาวาส (เจตนาสูตร) 35/407/735/407/7 35/425/12 |
257 | ทำบุญโดยไม่รู้ก็ได้บุญ ทำบาปโดยไม่รู้ก็ได้บาป. (อ.เจตนาสูตร) 35/408/1935/408/19 35/427/2 |
258 | พวกเทพผู้เป็นขิฑฑาปโทสิกะ (มุ่งแต่จะเล่น) ย่อมจุติเพราะความจงใจของตน เป็นเหตุ. พวกเทพมโนปโทสิกา(เทพผู้ทำร้ายทางใจ) ย่อมจุติเพราะความจงใจ ของผู้อื่นเป็นเหตุ. (อ.เจตนาสูตร) 35/410/1735/410/17 35/428/24 |
259 | [๑๗๒] พระสารีบุตรกล่าวแก่ ภิกษุทั้งหลาย ต่อหน้าพระพุทธองค์ว่า ท่านได้ ปฏิสัมภิทา 4 หากผู้ใดมีความสงสัย เชิญถามได้ (วิภัตติสูตร) 35/412/1335/412/13 35/431/3 |
260 | ในปฏิสัมภิทาเหล่านี้ ปฏิสัมภิทา 3 เป็นโลกิยะ. อัตถปฏิสัมภิทา เป็นทั้งโลกิยะ และโลกุตระ (อ.วิภัตติสูตร) 35/413/1635/413/16 35/433/2 |
261 | [๑๗๓] พระสารีบุตร ตอบคำถามพระมหาโกฏฐิตะ ถึงผัสสายตนะ 6 (บ่อเกิด แห่งผัสสะ) ยังเป็นไปอยู่เพียงใด ปปัญจธรรม (ธรรมอันทำให้เนิ่นช้า) ก็ยังเป็น ไปอยู่เพียงนั้น ปปัญจธรรมยังเป็นไปอยู่เพียงใด ผัสสายตนะ 6 ก็ยังเป็นไปอยู่ อย่างนั้น ผัสสายตนะ 6 ดับไปไม่เหลือแล้ว ปปัญจธรรมก็ดับระงับไป (โกฏฐิตสูตร) 35/414/335/414/3 35/433/8 |
262 | [๑๗๔] พระมหาโกฏฐิตะ ตอบคำถามพระอานนท์ เนื้อความดังเช่นในสูตรที่ 3 (อานนทสูตร) 35/417/335/417/3 35/434/21 |
263 | [๑๗๕] บุคคลผู้มีจรณะ (ข้อปฏิบัติอันเป็นทางบรรลุวิชชามี 15 ประเภท) สมบูรณ์ จึงรู้ จึงเห็นตามความเป็นจริง ย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ (อุปวานสูตร) 35/419/2035/419/20 35/439/6 |
264 | [๑๗๖] ภิกษุผู้มีศรัทธาเมื่อปรารถนาโดยชอบ พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอเราจงเป็นเช่นพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเถิด (อายาจนสูตร) 35/420/1435/420/14 35/440/3 |
265 | [๑๗๗] เพราะเหตุที่ภิกษุพิจารณาเห็นว่ามิใช่ตัวตน ไม่เนื่องในตน ในธาตุ 4 นี้ ภิกษุนี้ พระพุทธองค์กล่าวว่า ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสังโยชน์เสียได้ กระทำ ที่สุดแห่งทุกข์ได้แล้ว เพราะละมานะได้โดยชอบ (ราหุลสูตร) 35/422/1735/422/17 35/442/9 |
266 | [๑๗๘] บุคคล 4 จำพวก คือ ผู้บรรลุเจโตวิมุตติอันสงบอยู่ มนสิการ สักกายนิโรธ (ความดับสักกายะ คือ วัฏฏะ อันเป็นไปในภูมิ 3) แต่จิตไม่แล่นไป ไม่ เลื่อมใสไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไปในสักกายนิโรธ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาไม่พึงหวังได้ สักกายนิโรธ... (ชัมพาลีสูตร) 35/424/335/424/3 35/443/18 |
267 | การไม่ชำระธรรมที่เป็นอันตรายต่อ ฌาน และวิปัสสนา ให้หมดจดแล้ว เข้า สมาบัติ จิตย่อมไม่แล่นไป ไม่น้อมไปเหมือนเอามือที่เปื้อนยางเหนียวจับกิ่งไม้ . . (อ.ชัมพาลีสูตร) 35/426/2035/426/20 35/446/14 |
268 | [๑๗๙] พระสารีบุตรตอบคำถาม พระอานนท์ว่า สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ย่อม ทราบชัดตามความเป็นจริงว่านี้ สัญญาฝ่ายเสื่อม นี้สัญญาฝ่ายดำรงอยู่ นี้ สัญญาฝ่ายวิเศษ นี้สัญญาฝ่ายชำแรกกิเลส นี้แลเป็นปัจจัยให้สัตว์บางพวก ในโลกนี้ ปรินิพพานในปัจจุบัน (นิพพานสูตร) 35/430/1535/430/15 35/449/22 |
269 | การมนสิการด้วยสัญญาอันประกอบด้วยกาม ย่อมทำผู้ได้ปฐมฌานให้ฟุ้งซ่าน (อ.นิพพานสูตร) 35/431/435/431/4 35/450/8 |
270 | [๑๘๐] บทเทียบเคียงคำสอน กับพระสูตร และพระวินัย ซึ่งภิกษุหรือสงฆ์ หรือพระเถระมากรูป หรือ พระเถระรูปหนึ่ง กล่าวก็ตามให้เทียบเคียงในพระสูตร และพระวินัย ถ้าลงกันได้ ก็ควรสันนิษฐานได้ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า (มหาปเทสสูตร) 35/431/1135/431/11 35/450/15 |
271 | คัมภีร์ คุฬหเวสสันตระ คุฬหอุมมัคคะ คุฬหวินัยและเวทัลลปิฎก เป็นคัมภีร์ ปายมหายาน (อ.มหาปเทสสูตร) 35/437/535/437/5 35/457/4 |
272 | [๑๘๑] ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็น นาบุญของโลก เหมือนนักรบผู้ควรแก่พระราชาคือ เป็นผู้ฉลาดในฐานะ ได้แก่ มีศีล ,ยิงไกล ได้แก่ เห็นตามเป็นจริงในขันธ์ 5 , ยิงได้เร็ว ได้แก่ รู้ชัดตามจริง ในอริยสัจ 4, ทำลายข้าศึกหมู่ใหญ่ได้ ได้แก่ ทำลายอวิชชาได้ (โยธสูตร) 35/438/1035/438/10 35/458/13 |
273 | [๑๘๒] ธรรม 4 อย่าง อันใครๆ ก็ตามในโลก รับประกันไม่ได้ คือ สิ่งที่มีความ แก่เป็นธรรมดา อย่าแก่, สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาอย่าเจ็บ, สิ่งที่มีความ ตายเป็นธรรมดาอย่าตาย , วิบากของกรรมอย่าเกิดขึ้น (ปาฏิโภคสูตร) 35/440/935/440/9 35/460/10 |
274 | [๑๘๓] สิ่งที่ได้เห็น ได้ฟัง ได้ทราบ ได้รู้แจ้ง อันใด ทำให้อกุศลธรรมเสื่อมไป กุศลธรรมเจริญขึ้น สิ่งเหล่านั้น ควรกล่าว (สุตสูตร) 35/442/1935/442/19 35/462/21 |
275 | [๑๘๔] บุคคลที่กลัวตาย 4 ประเภท คือ ผู้มีความพอใจทะยานอยากในกาม ทั้งหลาย ,ผู้ยังมีความทะยานอยากในกาย, ผู้มีบาปไม่ได้ทำความดีไว้ , ผู้ที่ มีความสงสัยในพระสัทธรรม (อภยสูตร) 35/444/935/444/9 35/464/9 |
276 | [๑๘๕] พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่ปริพาชกผู้มีชื่อเสียง ถึงสัจจะของพราหมณ์ 4 ประการ คือ พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า สัตว์ทั้งปวงไม่ควรฆ่า, กามทั้งปวงไม่ เที่ยง เป็นทุกข์มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา, ภพทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มี ความแปรปรวนเป็นธรรมดา , เราย่อมไม่มีในอะไรๆ ... (พราหมณสัจจสูตร) 35/449/1635/449/16 35/469/17 |
277 | พระอรหันต์ไม่เห็นว่าพี่ชายควรสำคัญนำเข้าไปในฐานะพี่ชาย สหายในฐานะ สหาย หรือ บริขารในฐานะบริขาร (อ.พราหมณสัจจสูตร) 35/451/1735/451/17 35/471/21 |
278 | [๑๘๖] " โลกอันจิตแลนำไป อันจิตชักมา และบุคคลย่อมลุอำนาจของจิตที่ บังเกิดขึ้นแล้ว " (อุมมังคสูตร) 35/453/1235/453/12 35/473/13 |
279 | [๑๘๖] ในสุตตะ ... เวทัลละ ถ้าแม้ภิกษุรู้ทั่วถึงอรรถ รู้ทั่วถึงธรรมแห่งคาถา 4 บาทแล้วเป็นผู้ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ก็ควรเรียกว่า เป็นพหูสูต เป็นผู้ทรง ธรรม. (อุมมังคสูตร) 35/454/235/454/2 35/473/25 |
280 | [๑๘๖] ผู้ที่ได้สดับและเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญาในอริยสัจ 4 เรียกว่า ผู้ สดับมีปัญญาชำแรกกิเลส (อุมมังคสูตร) 35/454/1535/454/15 35/474/14 |
281 | [๑๘๖] ผู้ไม่คิดเพื่อเบียดเบียนตน และผู้อื่น ย่อมคิดเพื่อเกื้อกูลแก่โลกทั้งหมด เรียกว่า บุคคลนี้ ชื่อว่าเป็นบัณฑิตมีปัญญามากอย่างนี้แล (อุมมังคสูตร) 35/455/835/455/8 35/475/5 |
282 | [๑๘๗] ข้อที่อสัตบุรุษ จะพึงรู้ว่าท่านผู้นี้เป็น อสัตบุรุษ หรือสัตบุรุษ นั้น ไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาสที่จะเป็นได้เลย (วัสสการสูตร) 35/457/135/457/1 35/476/18 |
283 | [๑๘๘] อุปกมัณฑิกาบุตร เป็นอุปัฏฐากของพระเทวทัต ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อกำหนดว่า พระศาสดาจักตรัสยกย่องหรือตำหนิ พระพุทธองค์แสดงถึง คำสอนของพระองค์ที่เป็นกุศล ควรบำเพ็ญและสอนให้ละอกุศลจากนั้น อุปกะ ไปหาพระเจ้าอชาตศัตรู แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้พระราชาฟัง พระราชาให้ บริวารจับคออุปกะออกไป (อุปกสูตร) 35/461/335/461/3 35/481/3 |
284 | [๑๘๙] ธรรมที่ควรกระทำให้แจ้ง 4 ประการ คือ กระทำให้แจ้งด้วยกาย ได้แก่ วิโมกข์ 8 ,กระทำให้แจ้งด้วยสติ ได้แก่ การระลึกชาติ, กระทำให้แจ้งด้วยจักษุ ได้แก่ การจุติและอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย, กระทำให้แจ้งด้วยปัญญา ได้แก่ ความสิ้นอาสวะทั้งหลาย (สัจฉิกิริยสูตร) 35/464/735/464/7 35/484/7 |
285 | [๑๙๐] พระพุทธองค์ สรรเสริญภิกษุบริษัทในบุพพาราม วันอุโบสถว่า เป็น ผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก แม้ต้องเดินทางเป็นพันโยชน์ ขนเสบียงไปเพื่อดูก็ควรไป. (อุโปสถสูตร) 35/465/1335/465/13 35/485/18 |
286 | [๑๙๑] เรียนธรรมวินัยไว้ไม่ตายเปล่า (โสตานุคตสูตร) 35/470/435/470/4 35/490/4 |
287 | ธรรม คือ พระพุทธวจนะที่คล่องปาก อันมีการสาธยายเป็นมูลมาแต่ก่อน ทั้งหมด ย่อมลอยเด่นปรากฏรู้ได้ชัด แก่ภิกษุผู้มีสุข ซึ่งเกิดในระหว่างภพ เหมือนเงาในกระจกใส (อ.โสตานุคตสูตร) 35/474/335/474/3 35/494/5 |
288 | [๑๙๒] ฐานะ 4 พึงรู้ด้วย ฐานะ 4 ประการ คือ ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน, ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ, กำลังใจพึงรู้ได้ในอันตราย, ปัญญาพึงรู้ได้ ด้วยการสนทนา. (ฐานสูตร) 35/475/335/475/3 35/495/6 |
289 | [๑๙๓] เจ้าภัททิยลิจฉวี เข้าเฝ้าถามพระพุทธองค์ว่าทรงมีมายา เครื่องกลับใจ จริงหรือ พระพุทธองค์ทรงแสดงการไม่ควรเชื่อถือโดยอาการ 10 อย่าง เจ้าภัททิย ได้ฟังแล้วบรรลุโสดาปัตติผล พระพุทธองค์จึงย้อนถามว่า เราได้ชักชวนให้มา เป็นสาวกหรือ ? (ภัททิยสูตร) 35/480/735/480/7 35/500/17 |
290 | [๑๙๓] ถ้าแม้โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ พึงกลับใจมาเพื่อละอกุศลธรรม บำเพ็ญกุศลธรรม ข้อนั้นก็พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขแก่โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกแก่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ ตลอดกาลนาน. (ภัททิยสูตร) 35/485/1835/485/18 35/506/7 |
291 | [๑๙๔] พระอานนท์แสดงแก่พวกโกฬิยบุตร ถึงองค์เป็นที่ตั้งแห่งความเพียร เพื่อความบริสุทธิ์ 4 ประการ คือ ศีล จิต ทิฏฐิ วิมุตติ. (สามุคิยสูตร) (สาปุคิยาสูตร) 35/487/335/487/3 35/507/14 |
292 | [๑๙๕] พระพุทธองค์แสดงธรรม แก่เจ้าวัปปศากยะ ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของ พระองค์เป็นอุปัฏฐากของพวกนิครนถ์ถึง ฐานะที่เป็นเหตุให้อาสวะอันเป็น ปัจจัยแห่งทุกขเวทนา ไม่พึงไปตามบุคคลในสัมปรายภพ. จบเทศนา เจ้าวัปปะบรรลุโสดาปัตติผล. (วัปปสูตร) 35/491/2335/491/23 35/512/8 |
293 | [๑๙๕] ผู้หวังกำไรเข้าคบหานิครนถ์ผู้โง่ ต้องขาดทุน ทั้งต้องเหน็ดเหนื่อย ลำบากใจยิ่งขึ้นไป (วัปปสูตร) 35/494/1935/494/19 35/515/2 |
294 | คราวมีอายุ 20 ปี ในปฐมวัยยังมีกำลังแข็งแรงด้วยอำนาจความรัก ความโกรธ และความหลง คราวมีอายุ 50 ปี ยังคงที่อยู่ จะลดลงตั้งแต่อายุ 60 ปี คราวอายุ 80-90 ปี ก็น้อยเต็มที. (อ.วัปปสูตร) 35/497/835/497/8 35/517/24 |
295 | [๑๙๖] สมณพราหมณ์ เหล่าใด ไม่ถือการเกลียดตบะเป็นสาระ ไม่ติดอยู่ใน การเกลียดตบะ สมณะพราหมณ์เหล่านั้นควรเพื่อรื้อถอนโอฆะออกได้ ถ้ามี ความประพฤติทางกาย วาจา ใจบริสุทธิ์ มีอาชีพบริสุทธิ์ สมณพราหมณ์ เหล่านั้นควรเพื่อญาณทัศนะ เพื่อความตรัสรู้ชั้นเยี่ยม (สาตถสูตร) (สาฬหสูตร) 35/502/1735/502/17 35/523/3 |
296 | [๑๙๖] ทรงเปรียบอริยสาวก กับองค์แห่งนักรบผู้คู่ควรแก่พระราชา 3 ประการ คือ เป็นผู้ยิงได้ไกล ได้แก่ อริยสาวกผู้มีสัมมาสมาธิ , ยิงได้ไว ได้แก่ อริยสาวก ผู้มีสัมมาทิฏฐิ , ทำลายข้าศึกหมู่ใหญ่ได้ ได้แก่ อริยสาวกผู้มีสัมมาวิมุตติ (สาตถสูตร) (สาฬหสูตร) 35/503/135/503/1 35/523/9 |
297 | [๑๙๗] เหตุที่ทำให้ผู้หญิง มีรูปงาม หรือรูปชั่ว มีทรัพย์หรือยากจน สูงศักดิ์ หรือต่ำศักดิ์ (มัลลิกสูตร) (มัลลิกาเทวีสูตร) 35/506/335/506/3 35/526/8 |
298 | [๑๙๘] บุคคล 4 จำพวก (อัตตันตปสูตร) 35/511/735/511/7 35/531/15 |
299 | [๑๙๘] ผู้ไม่ทำตนให้เดือดร้อนและไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน เป็นผู้ไม่หิว ดับร้อน เย็นใจ เสวยสุข มีตน อันประเสริฐอยู่ในปัจจุบัน (อัตตันตปสูตร) 35/514/1135/514/11 35/534/19 |
300 | ภิกษุ เว้นจากการรับข้าวดิบ 7 อย่าง แม้ลูบคลำก็ไม่ควร การรับ และลูบคลำ เนื้อและปลาสดก็ไม่ควร เว้นแต่ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้โดยเฉพาะ (อ.อัตตันตปสูตร) 35/526/1435/526/14 35/546/24 |
301 | การรับคนเป็นทาสหญิง ทาสชายไม่ควร ก็แต่ว่าเมื่อพูดอย่างนี้ว่า ถวายเป็น กัปปิยการก ถวายเป็นคนวัด ดังนี้ ก็ควร. (อ.อัตตันตปสูตร) 35/527/135/527/1 35/547/9 |
302 | บริขาร 8 ใช้เป็นเครื่องบริหารกายบ้าง บริหารท้องบ้าง (อ.อัตตันตปสูตร) 35/530/835/530/8 35/550/12 |
303 | เทวดา เขกศีรษะ ไล่ภิกษุผู้ลามกที่มาอยู่ป่า (อ.อัตตันตปสูตร) 35/533/1835/533/18 35/553/21 |
304 | ชื่อเสนาสนะ เพราะเป็นที่นอนและที่นั่ง (อ.อัตตันตปสูตร) 35/534/735/534/7 35/554/9 |
305 | คำว่า สติไว้เฉพาะหน้า หมายความว่า ตั้งสติอันมีหน้าเฉพาะต่อกรรมฐาน หรือกระทำไว้ใกล้หน้า (อ.อัตตันตปสูตร) 35/536/735/536/7 35/556/7 |
306 | ความป่วยทางจิต ชื่อว่า ถีนะ ความป่วยทางเจตสิก ชื่อว่า มิทธะ ถีนะ ความง่วงเหงา และมิทธะความหาวนอน ชื่อว่า ถีนมิทธะ (อ.อัตตันตปสูตร) 35/537/435/537/4 35/557/2 |
307 | [๑๙๙] ทรงแสดง ตัณหาเช่นดังข่าย ท่องเที่ยวไป แผ่ซ่านไป เกาะเกี่ยวอยู่ใน อารมณ์ต่าง ๆ เป็นเครื่องปกคลุมหุ้มห่อสัตว์โลกนี้ ซึ่งนุงนังเหมือนกลุ่มด้ายอัน ยุ่งเหยิงขอดเป็นปมเป็นเหมือนหญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง ไม่ให้ล่วงพ้น อบาย ทุคติ วินิบาตและสงสารไปได้ และทรงจำแนกตัณหาวิจริต 18 ถึง 108 (ตัณหาสูตร) 35/538/835/538/8 35/558/8 |
308 | เว้นพระโพธิสัตว์เสีย สัตว์อื่นก็ไม่สามารถจะทำลายตาข่าย คือ ตัณหา โดย ธรรมดาของตน แล้วทำทางแล่นออกจากทุกข์ของตนให้ตรงได้ (อ.ตัณหาสูตร) 35/541/535/541/5 35/561/11 |
309 | ลำดับแห่ง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ เป็นไปอยู่ไม่ขาดสาย ท่านเรียกว่า สงสาร. (อ.ตัณหาสูตร) 35/541/1335/541/13 35/561/20 |
310 | [๒๐๐] ธรรมชาติ 4 ประการ ของความรักและความโกรธ คือ ความรักย่อมเกิด เพราะความรัก ความโกรธย่อมเกิดเพราะความรัก ความรักย่อมเกิดเพราะ ความโกรธ ความโกรธย่อมเกิดเพราะความโกรธ. (เปมสูตร) 35/544/335/544/3 35/564/9 |
311 | [๒๐๐] สมัยใด ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะ มิได้ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ สมัยนั้นแม้ธรรมชาติ 4 ประการ ของความรักและ ความโกรธอันภิกษุนั้นละได้แล้ว ภิกษุนั้นพระพุทธองค์เรียกว่า ไม่ยึดถือ ไม่ โต้ตอบ ไม่บังหวนควัน ไม่ลุกโพลง ไม่ถูกไฟไหม้ (เปมสูตร) 35/545/1935/545/19 35/566/2 |
312 | [๒๐๑] ทรงแสดง อสัตบุรุษที่ยิ่งกว่า อสัตบุรุษ ได้แก่ ผู้ประพฤติผิด ศีล 5 และ ชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดศีล 5. (สิกขาปทสูตร) 35/550/1235/550/12 35/571/13 |
313 | อสัตบุรุษ ได้แก่ บุรุษลามก บุรุษเปล่า บุรุษหลง บุรุษผู้ถูกทำให้บอดหนา ด้วยอวิชชา (อ.สิกขาปทสูตร) 35/552/435/552/4 35/573/4 |
314 | [๒๐๒] อสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ ได้แก่ ผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะ มีการสดับน้อย เกียจคร้าน หลงลืมสติ ไม่มีปัญญา ยังชักชวนผู้อื่นให้เป็นอย่าง นั้นด้วย. (อัสสัทธสูตร) 35/553/535/553/5 35/574/10 |
315 | [๒๐๓] อสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ ได้แก่ ผู้มักฆ่าสัตว์... มีกล่าวคำเพ้อเจ้อ ยังชักชวน ผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (สัตตกัมมสูตร) 35/554/935/554/9 35/575/14 |
316 | [๒๐๔] อสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ ได้แก่ ผู้มักทำอกุศลกรรมบท 10 ยังชักชวน ผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (ทสกัมมสูตร) 35/556/235/556/2 35/577/9 |
317 | [๒๐๕] อสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ ได้แก่ ผู้มีความเห็นผิด ฯลฯ ทำสมาธิผิด ยังชักชวนผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (อัฏฐังคิกสูตร) 35/557/135/557/1 35/578/11 |
318 | [๒๐๖] อสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ ได้แก่ ผู้มีความเห็นผิด ฯลฯ มีวิมุตติผิด ยังชักชวนผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (ทสมัคคสูตร) 35/558/135/558/1 35/579/15 |
319 | [๒๐๗] คนชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว ได้แก่ ผู้ทำการฆ่า ฯลฯ มีความเห็นผิด ยังชักชวน ผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (ปฐมปาปธัมมสูตร) 35/558/1935/558/19 35/580/15 |
320 | [๒๐๘] คนชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว ได้แก่ ผู้มีความเห็นผิด ฯลฯ มีวิมุตติผิด ยังชักชวน ผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (ทุติยปาปธัมมสูตร) 35/560/335/560/3 35/582/1 |
321 | [๒๐๙] คนมีธรรมชั่วยิ่งกว่าคนมีธรรมชั่ว ได้แก่ ผู้ทำการฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความ เห็นผิดยังชักชวนผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (ตติยปาปธัมมสูตร) 35/561/335/561/3 35/583/9 |
322 | [๒๑๐] คนมีธรรมชั่วยิ่งกว่าคนมีธรรมชั่ว ได้แก่ ผู้มีความเห็นผิด ฯลฯ มีวิมุตติผิด ยังชักชวนผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นด้วย (จตุตถปาปธัมมสูตร) 35/562/1035/562/10 35/584/16 |
323 | [๒๑๑] บุคคลผู้ประทุษร้ายบริษัท 4 จำพวก คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก (ปริสาสูตร) 35/565/435/565/4 35/587/4 |
324 | [๒๑๒] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต มีความเห็นผิด เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (ทิฏฐิสูตร) 35/565/935/565/9 35/588/9 |
325 | [๒๑๓] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ความเป็นผู้ไม่รู้คุณท่าน และไม่ตอบแทนคุณท่าน เหมือนถูกนำมาโยน ลงในนรก (อกตัญญุตาสูตร) 35/566/835/566/8 35/589/9 |
326 | [๒๑๔] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ เป็นผู้ทำการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (ปาณาติปาตสูตร) 35/567/935/567/9 35/590/10 |
327 | [๒๑๕] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ มีความเห็นผิด มีความดำริผิด เจรจาผิด ทำการงานผิด เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (ปฐมมัคคสูตร) 35/568/535/568/5 35/591/7 |
328 | [๒๑๖] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ผู้เลี้ยงชีพผิด เพียรผิด ตั้ง สติผิด ทำสมาธิผิด เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (ทุติยมัคคสูตร) 35/569/335/569/3 35/592/3 |
329 | [๒๑๗] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กล่าวว่าเห็นในสิ่งที่ไม่ได้เห็น กล่าวว่าได้ยินในสิ่งที่ไม่ได้ยิน กล่าวว่าได้ทราบในสิ่งที่ไม่ได้ทราบ กล่าวว่ารู้ ในสิ่งที่ไม่รู้ เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (ปฐมโวหารปถสูตร) 35/569/1535/569/15 35/593/3 |
330 | [๒๑๘] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กล่าวว่าไม่เห็นในสิ่งที่ได้ เห็น กล่าวว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่ได้ยิน กล่าวว่าไม่ได้ทราบในสิ่งที่ได้ทราบ กล่าวว่ารู้ในสิ่งที่ไม่รู้ เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (ทุติยโวหารปถสูตร) 35/570/1035/570/10 35/594/3 |
331 | [๒๑๙] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ไม่มีศรัทธา ทุศีล ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะ เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (อหิริกสูตร) 35/571/335/571/3 35/594/16 |
332 | [๒๒๐] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ไม่มีศรัทธา ทุศีล เกียจคร้าน ไม่มีปัญญา เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก (ทุปัญญาสูตร) 35/571/1435/571/14 35/595/6 |
333 | [๒๒๑] วจีทุจริต 4 อย่าง คือ คำเท็จ คำส่อเสียด คำหยาบ คำเพ้อเจ้อ (ทุจริตสูตร) 35/573/435/573/4 35/597/4 |
334 | [๒๒๒] คนพาลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต มีความเห็นผิด นี้เป็นผู้ไม่ฉลาด เป็นอสัปบุรุษ ย่อมบริหารตนให้ถูก ขจัดถูกทำลายเป็นผู้มีโทษ วิญญูชนติเตียน ย่อมประสบบาปมาก. (ทิฏฐิสูตร) 35/573/1335/573/13 35/597/13 |
335 | [๒๒๓] คนพาลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ความเป็นคนอกตัญญู อกตเวทีนี้ เป็นผู้ไม่ฉลาด เป็นอสัปบุรุษ ย่อม บริหารตนให้ถูกขจัดถูกทำลาย เป็นผู้มีโทษ วิญญูชนติเตียน ย่อมประสบ บาปมาก. (อกตัญญูสูตร) 35/574/1135/574/11 35/598/15 |
336 | [๒๒๔] บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ผู้ทำการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ นี้เป็นคนพาล ย่อมประสบบาปมาก (ปาณาติปาตสูตร) 35/575/935/575/9 35/599/12 |
337 | [๒๒๕] บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ มีความเห็นผิด ดำริผิด เจรจาผิด ทำการงานผิด นี้เป็นคนพาล ย่อมประสบบาปมาก (ปฐมมัคคสูตร) 35/576/335/576/3 35/600/3 |
338 | [๒๒๖] บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ เลี้ยงชีพผิด เพียรผิด ตั้งสติผิด ทำสมาธิผิด นี้เป็นคนพาล ย่อมประสบบาปมาก (ทุติยมัคคสูตร) 35/576/1535/576/15 35/600/16 |
339 | [๒๒๗] บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กล่าวว่าเห็นในสิ่งที่ไม่เห็น กล่าวว่าได้ยินในสิ่งที่ไม่ได้ยิน กล่าวว่าทราบในสิ่งที่ไม่ทราบ กล่าวว่ารู้ในสิ่ง ที่ไม่รู้ นี้เป็นคนพาล ย่อมประสบบาปมาก (ปฐมโวหารปถสูตร) 35/577/835/577/8 35/601/8 |
340 | [๒๒๘] บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กล่าวว่าไม่เห็นในสิ่งที่ได้เห็น กล่าวว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่ได้ยิน กล่าวว่าไม่ทราบในสิ่งที่ได้ทราบ กล่าวว่าไม่รู้ใน สิ่งที่ได้รู้ นี้เป็นคนพาล ย่อมประสบบาปมาก (ทุติยโวหารปถสูตร) 35/578/335/578/3 35/602/3 |
341 | [๒๒๙] บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ไม่มีศรัทธา ทุศีล ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะ นี้เป็นคนพาล ย่อมประสบบาปมาก (อหิริกสูตร) 35/579/335/579/3 35/602/17 |
342 | [๒๓๐] บุคคลประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ไม่มีศรัทธา ทุศีล เกียจคร้าน ปัญญาทราม นี้เป็นคนพาล ย่อมประสบบาปมาก (ทุปัญญาสูตร) 35/579/1535/579/15 35/603/8 |
343 | [๒๓๑] กวี 4 จำพวก คือ ผู้แต่งโดยความคิด ผู้แต่งโดยได้ฟังมา ผู้แต่งตาม เนื้อความ ผู้แต่งโดยปฏิภาณ (กวีสูตร) 35/580/835/580/8 35/604/3 |
344 | [๒๓๒] กรรม 4 ประเภท คือ กรรมดำ มีวิบากดำก็มี กรรมขาวมีวิบากขาวก็มี กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวก็มี กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อสิ้นกรรมก็มี. (สังขิตตสูตร) 35/582/435/582/4 35/605/4 |
345 | กรรมดำ คือ อกุศลกรรมบท 10 มีวิบากดำ เพราะให้เกิดในอบาย. (อ.สังขิตตสูตร) 35/583/435/583/4 35/605/14 |
346 | [๒๓๓] ทรงแสดงกรรม 4 ประเภท เช่น บุคคลบางคน ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขารอันไม่มีความเบียดเบียนครั้นแล้วย่อมเข้าถึงโลกที่ไม่มี ความเบียดเบียนเป็นสุขโดยส่วนเดียว เปรียบเหมือนเทพชั้นสุภกิณหะ นี้ เรียกว่า กรรมขาวมีวิบากขาว. (วิตถารสูตร) 35/584/335/584/3 35/606/15 |
347 | จริงอยู่ เทวดาเห็นเทวดาผู้มีศักดิ์ ยิ่งกว่า กามาจรเทพเหล่านั้น ย่อมถึงทุกข์ ตามเวลาด้วยกิจมีอาทิว่า ต้องลุกจากที่นั่ง ต้องลดผ้าห่มทำผ้าเฉวียงบ่า ต้องประคองอัญชลี (อ.วิตถารสูตร) 35/586/1235/586/12 35/609/8 |
348 | [๒๓๔] พระพุทธองค์ทรงแสดง กรรม 4 ประการ แก่พราหมณ์ ชื่อ สิขาโมคคัลลานะ (โสณกายนสูตร) 35/587/335/587/3 35/610/3 |
349 | [๒๓๕] ทรงแสดงกรรม 4 ประการ, กรรมดำ คือ ประพฤติผิดศีล 5. (สิกขาบทสูตร) 35/589/1435/589/14 35/613/3 |
350 | [๒๓๖] ทรงแสดงกรรม 4 ประการ, บุคคลทำอนันตริยกรรม 5 เรียกว่า กรรมดำ มีวิบากดำ (อริยมัคคสูตร) 35/591/835/591/8 35/614/12 |
351 | [๒๓๗] ทรงแสดงธรรม 4 ประการ, สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม. (โพชฌังคสูตร) 35/592/1435/592/14 35/616/3 |
352 | [๒๓๘] ทรงแสดงธรรม 4 ประการ, โพชฌงค์ 7 นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม. (สาวัชชสูตร) 35/593/1735/593/17 35/617/3 |
353 | [๒๓๙] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทิฏฐิอันมีโทษ นี้ย่อมเกิดในนรก เหมือนถูกนำมาทิ้งลง (อัพยาปัชฌสูตร) 35/594/2135/594/21 35/618/3 |
354 | [๒๔๐] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทิฏฐิอันมีความเบียดเบียน นี้ย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง (สัปปุริสสูตร) 35/595/1235/595/12 35/618/16 |
355 | [๒๔๑] สมณะ 4 ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์มีในธรรมวินัยนี้เท่านั้น. (สมณสูตร) 35/596/735/596/7 35/619/9 |
356 | [๒๔๒] บุคคลอาศัยสัปบุรุษแล้ว พึงหวังได้อานิสงส์ 4 ประการ คือ ย่อมเจริญ ด้วยศีลที่เป็นอริยะ ด้วยสมาธิที่เป็นอริยะ ด้วยปัญญาที่เป็นอริยะ ด้วยวิมุตติ ที่เป็นอริยะ (อานิสังสสูตร) (สัปปุริสานิสังสสูตร) 35/599/335/599/3 35/622/3 |
357 | [๒๔๓] ลูกศิษย์พระอนุรุทธะ ชื่อพาหิยะ ตั้งอยู่ในการทำลายสงฆ์ แต่พระอนุรุทธะ ไม่ว่ากล่าวแม้สักคำเดียว พระพุทธองค์ทรงตำหนิ แล้วแสดงธรรมว่าด้วย ภิกษุผู้ ลามก เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ 4 ประการ ย่อมยินดีด้วยการทำลายสงฆ์ (สังฆเภทกสูตร) 35/600/435/600/4 35/623/4 |
358 | [๒๔๔] ภิกษุ ภิกษุณี พึงเข้าไปตั้ง ความกลัวอันแรงกล้าไว้ในอาบัติ 4 ประเภท. (อาปัตติสูตร) 35/603/335/603/3 35/626/3 |
359 | [๒๔๕] พรหมจรรย์ นี้มีสิกขาเป็นอานิสงส์ มีปัญญาเป็นยอด มีวิมุตติเป็นแก่น มีสติเป็นอธิปไตย. (สิกขานิสังสสูตร) 35/607/335/607/3 35/629/20 |
360 | [๒๔๖] ไสยา (การนอน) 4 อย่าง คือ นอนอย่างคนตาย นอนอย่างคนบริโภคกาม นอนอย่างราชสีห์ นอนอย่างตถาคต (เสยยสูตร) 35/610/335/610/3 35/633/3 |
361 | [๒๔๗] บุคคลผู้ควรนำอัฐิธาตุบรรจุสถูปไว้บูชา 4 จำพวก คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระเจ้าจักรพรรดิ (ถูปารหสูตร) 35/612/335/612/3 35/635/3 |
362 | [๒๔๘] ธรรม 4 ประการ เป็นไปเพื่อความเจริญปัญญา คือ คบสัตบุรุษ ฟัง พระสัทธรรม ทำในใจโดยแยบคาย ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม (ปัญญาวุฑฒิสูตร) 35/613/835/613/8 35/636/5 |
363 | [๒๔๙] ธรรม 4 ประการ เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่มนุษย์ คือ คบสัตบุรุษ ฟังพระสัทธรรม ทำในใจโดยแยบคาย ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม. (พหุการสูตร) 35/614/335/614/3 35/636/16 |
364 | [๒๕๐] อนริยโวหาร (การพูดไม่ใช่อย่างอริยะ) 4 อย่าง คือ ไม่เห็นกล่าวว่าเห็น ไม่ได้ยินกล่าวว่าได้ยิน ไม่ทราบกล่าวว่าทราบ ไม่รู้กล่าวว่ารู้ (ปฐมโวหารสูตร) 35/614/1335/614/13 35/637/13 |
365 | [๒๕๑] อริยโวหาร 4 ประการ คือไม่เห็นกล่าวว่าไม่เห็น ไม่ได้ยินกล่าว่าไม่ได้ยินไม่ทราบกล่าวว่าไม่ทราบ ไม่รู้กล่าวว่าไม่รู้ (ทุติยโวหารสูตร) 35/615/835/615/8 35/638/10 |
366 | [๒๕๒] อนริยโวหาร 4 ประการ คือ เห็นกล่าวว่าไม่เห็น ได้ยินกล่าวว่าไม่ได้ยิน ทราบกล่าวว่าไม่ทราบ รู้กล่าวว่าไม่รู้ (ตติยโวหารสูตร) 35/615/1835/615/18 35/639/3 |
367 | [๒๕๓] อริยโวหาร 4 ประการ คือ เห็นกล่าวว่าเห็น ได้ยินกล่าวว่าได้ยิน ทราบกล่าวว่าทราบ รู้กล่าวว่ารู้ (จตุตถโวหารสูตร) 35/616/935/616/9 35/639/13 |
368 | [๒๕๔] ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้ คือ อุปาทานขันธ์ 5 , ธรรมที่รู้ยิ่ง ด้วยปัญญาแล้วพึงละเสีย คือ อวิชชาและภวตัณหา , ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญา แล้ว พึงให้เจริญ คือ สมถะและวิปัสสนา , ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้ว พึง กระทำให้แจ้ง คือวิชชาและวิมุตติ (อภิญญาสูตร) 35/617/435/617/4 35/641/4 |
369 | [๒๕๕] การแสวงหาอันไม่ประเสริฐ 4 ประการ มีผู้มีชราเป็นธรรมดา ยังแสวงหา สิ่งที่มีชราเป็นธรรมดาเป็นต้น.ส่วนการแสวงหาอันประเสริฐ คือ แสวงหา นิพพาน (ปริเยสนาสูตร) 35/618/1135/618/11 35/642/12 |
370 | [๒๕๖] สังคหวัตถุ (ธรรมเครื่องยึดน้ำใจกัน) 4 ประการ การให้ เจรจาด้วย ถ้อยคำน่ารัก ประพฤติประโยชน์ ความมีตนเสมอ (สังคหสูตร) 35/620/335/620/3 35/644/3 |
371 | [๒๕๗] พระมาลุงกยบุตร ผู้แก่แล้วมาขอโอวาทจากพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ ทรงตรัสเหตุเกิดแห่งตัณหา 4 ประการ คือ เพราะจีวร เพราะบิณฑบาต เพราะเสนาสนะ เพราะความเป็น และความไม่เป็นอย่างนั้น. (มาลุงกยปุตตสูตร) 35/620/1035/620/10 35/644/13 |
372 | [๒๕๘] เหตุให้ตระกูลตั้งอยู่ไม่ได้นาน 4 สถาน คือ ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว ไม่ซ่อมแซมพัสดุที่คร่ำคร่า ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค ตั้งสตรีหรือบุรุษ ทุศีลให้เป็นพ่อบ้านแม่เรือน (กุลสูตร) 35/623/335/623/3 35/647/3 |
373 | [๒๕๙] ทรงเปรียบภิกษุประกอบด้วย ธรรม 4 ประการ ย่อมเป็นผู้ควรของ คำนับ ฯลฯเป็นนาบุญของโลก ดุจองค์ 4 อย่าง แห่งม้าอาชาไนยของพระราชา คือ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวรรณะ ได้แก่ เป็นผู้มีศีล , สมบูรณ์ด้วยกำลัง ได้แก่ ปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม, สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ ได้แก่ รู้ชัดตามเป็น จริง ในอริยสัจ 4 ,สมบูรณ์ด้วยทรวดทรง ได้แก่ เป็นผู้มีปกติได้ปัจจัย 4 (ปฐมอาชานียสูตร) 35/624/335/624/3 35/648/3 |
374 | [๒๖๐] ทรงเปรียบภิกษุประกอบด้วย ธรรม 4 ประการ ย่อมเป็นผู้ควรของ คำนับ ฯลฯเป็นนาบุญของโลก ดุจองค์ 4 อย่าง แห่งม้าอาชาไนยของพระราชา คือ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวรรณะ ได้แก่ เป็นผู้มีศีล, สมบูรณ์ด้วยกำลัง ได้แก่ ปรารภ ความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม, สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ ได้แก่ กระทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ, สมบูรณ์ด้วยทรวดทรง ได้แก่ เป็นผู้มีปกติได้ปัจจัย 4 (ทุติยอาชานียสูตร) 35/626/335/626/3 35/650/3 |
375 | [๒๖๑] กำลัง 4 ประการ คือ กำลังคือความเพียร กำลังคือสติ กำลังคือสมาธิ กำลัง คือปัญญา (พลสูตร) 35/627/1635/627/16 35/651/10 |
376 | [๒๖๒] ภิกษุประกอบด้วยธรรม 4 ประการ ไม่ควรเสพเสนาสนะสงัดอันตั้งอยู่ ในราวป่า คือ เป็นผู้มีปัญญาทราม เพราะกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตกและเป็นผู้โง่เขลาบ้าน้ำลาย (อรัญญสูตร) 35/628/335/628/3 35/651/16 |
377 | [๒๖๓] คนพาลผู้ไม่ฉลาด เป็นอสัตบุรุษ ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทิฏฐิอันมีโทษ ย่อมบริหารตนให้ถูกขจัด ถูกทำลาย เป็นผู้ประกอบด้วยโทษ วิญญูชนติเตียน และประสบบาปมาก. (กัมมปกสูตร) 35/628/1635/628/16 35/652/11 |
378 | [๒๖๔-๒๗๓] บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ ตนเองเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ชักชวนผู้อื่น ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ พอใจการฆ่าสัตว์ กล่าวสรรเสริญคุณการฆ่าสัตว์ นี้ย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง... (กรรมปถวรรคที่ ๗) 35/630/335/630/3 35/654/3 |
379 | [๒๗๔] ธรรม 4 ประการควรเจริญ เพื่อความรู้ยิ่งซึ่งราคะ 4 ประการ (พระสูตรที่ไม่นับเป็นปัณณาสก์) 35/633/935/633/9 35/657/4 |