1 | [๒๑๑] ท้าวสักกะจอมเทพตรัสพระคุณ ตามความเป็นจริง 8 อย่าง ของ พระพุทธเจ้าแก่พวกเทพชั้นดาวดึงส์ (มหาโควินทสูตร) 14/3/914/3/9 14/3/7 |
2 | [๒๑๒] เทวดาบางพวกกล่าวว่าพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ พึงเกิดขึ้นในโลก ท้าวสักกะจึงได้ตรัสว่า ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ (มหาโควินทสูตร) 14/6/2014/6/20 14/6/17 |
3 | [๒๑๔] แสงสว่างเจิดจ้า รัศมีก็ปรากฏขึ้นมานี้ เป็นบุรพนิมิต แห่งการปรากฏ ของพรหม (มหาโควินทสูตร) 14/7/2114/7/21 14/7/16 |
4 | [๒๒๙] ความโกรธ ความเท็จ ความหลอกลวง ความประทุษร้ายมิตร ความตระหนี่ ความถือตัวจัด ความริษยา ความอยาก ความสงสัย ความเบียดเบียนผู้อื่น ความโลภ ความประทุษร้าย ความมัวเมา และความหลง ผู้ประกอบในกิเลส เหล่านี้ เป็นผู้ไม่ปราศจากกลิ่นเหม็นเน่า ... (มหาโควินทสูตร) 14/26/414/26/4 14/24/17 |
5 | ปัญจสิขะ ในเวลาเป็นเด็กไว้ผมจุก 5 จุก เป็นหัวหน้าเลี้ยงโค พาพวกเด็กทำศาลา ขุดสระบัว ผูกสะพาน ปราบทางขรุขระให้เรียบ ตายแล้ว ไปเกิดชั้นจาตุมหาราชิกามีอายุ 9 ล้านปี (อ.มหาโควินทสูตร) 14/37/414/37/4 14/35/17 |
6 | ท้าวมหาราช ทั้ง 4 มีบริวาร องค์ละ 1 แสนโกฏิ (อ.มหาโควินทสูตร) 14/38/1214/38/12 14/37/3 |
7 | เหตุแห่งการประชุมของเทวดา 4 อย่าง ได้แก่ ในวันเข้าพรรษา วันปวารณา วันฟังธรรม และปาริจฉัตตกกีฬา (อ.มหาโควินทสูตร) 14/39/1014/39/10 14/37/20 |
8 | ในวัน 8 ค่ำ, 14 ค่ำ, 15 ค่ำ, มีเทวดาไปจดบัญชีรายชื่อการทำความดีของ มนุษย์ (อ.มหาโควินทสูตร) 14/41/414/41/4 14/39/10 |
9 | พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงทำ อสทิสทาน (การให้ที่ไม่มีใครเหมือน) (อ.มหาโควินทสูตร) 14/46/914/46/9 14/44/16 |
10 | ยักษ์ผู้มี ด้านซ้ายเหมือนหมู ด้านขวาเหมือนแพะ ร้องเสียงเหมือนแกะ นิรมิตเขา เหมือนวัว (อ.มหาโควินทสูตร) 14/50/1714/50/17 14/48/21 |
11 | ในหมื่นจักรวาลนี้ พระพุทธเจ้า จะทรงเกิดขึ้นในประเทศส่วนกลางแห่งชมพูทวีป ในจักรวาลนี้เท่านั้น (อ.มหาโควินทสูตร) 14/54/114/54/1 14/51/22 |
12 | [๒๔๑] พระอรหันต์ เห็นอมนุษย์ได้ไม่เท่ากัน (มหาสมัยสูตร) 14/76/514/76/5 14/74/16 |
13 | [๒๔๒] บุตรเป็นอันมากของท้าวมหาราชทั้ง 4 นั้น ชื่อว่า อินทร์ (มหาสมัยสูตร) 14/77/1914/77/19 14/75/22 |
14 | ชาวศากยะ และ โกลิยะ ทะเลาะกันเรื่องน้ำ (อ.มหาสมัยสูตร) 14/86/1114/86/11 14/82/13 |
15 | พระพุทธเจ้าพาภิกษุ 500 รูป เหาะไปในอากาศ ลงที่ใกล้สระดุเหว่า ตรัส ชาดกเรื่อง นกดุเหว่า เมื่อจบเทศน์ ภิกษุเหล่านั้นก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ครั้นกลับมาแล้ว แยกกันบำเพ็ญ ได้เป็นพระอรหันต์ ทุกรูป (อ.มหาสมัยสูตร) 14/90/1414/90/14 14/86/11 |
16 | อาการ 2 อย่าง ของผู้สิ้นอาสวะแล้ว คือ 1. ขอให้มนุษย์ และเทวดาได้รู้แจ้ง แทงตลอดซึ่งคุณวิเศษ 2.ไม่ประสงค์จะบอกคุณที่ตนได้แล้ว แก่ผู้อื่น (อ.มหาสมัยสูตร) 14/92/1414/92/14 14/88/9 |
17 | หมื่นจักรวาล ท่านหมายเอาว่า 10 โลกธาตุ ในที่นี้ (อ.มหาสมัยสูตร) 14/94/1414/94/14 14/90/7 |
18 | ผู้ยืนในพรหมโลก เอาก้อนหินเท่าเรือน ยอด 7 ชั้น โยนลงข้างล่าง 4 เดือน จึงถึงแผ่นดิน (อ.มหาสมัยสูตร) 14/94/2014/94/20 14/90/12 |
19 | พรหมโลก 5 ชั้น อันเป็นที่อยู่ของพระอนาคามี และพระขีณาสพ ผู้หมดจด ชื่อว่า สุทธาวาส (อ.มหาสมัยสูตร) 14/95/914/95/9 14/90/25 |
20 | พระพุทธองค์ แบ่งเทวดาตามจริต 6 แล้วแสดงธรรม อันเป็นที่สบายแก่เทวดา เหล่านั้น (อ.มหาสมัยสูตร) 14/100/314/100/3 14/95/22 |
21 | ในหมื่นจักรวาล ต่างมีพวกมหาราช ทรงพระนามว่า ธตรัฏฐ์ แม้ทั้งหมดต่างก็ มีคนธรรพ์ แสนโกฏิเป็นบริวาร (อ.มหาสมัยสูตร) 14/107/314/107/3 14/102/22 |
22 | มาร ชื่อนมุจิ ผู้เป็นเทวบุตรอยู่ชั้นปรนิมมิต มากับพวกอสูรเพราะธาตุถูกกัน (อ.มหาสมัยสูตร) 14/110/7 14/110/7 14/106/7 |
23 | พวกเมตตา กรุณา คือ พวกเทพผู้บริกรรม ในฌานที่ประกอบด้วยความรักและ ความเอ็นดูแล้ว จึงเกิดขึ้น (อ.มหาสมัยสูตร) 14/111/114/111/1 14/107/1 |
24 | เทวราช ชื่อ ปัชชุน ผู้ทำให้ฝนตก ทั่วทิศ (อ.มหาสมัยสูตร) 14/113/414/113/4 14/109/12 |
25 | พรหมชั้นผู้ใหญ่สามารถ ทำแสงสว่าง ใน 1,000 จักรวาล ด้วยนิ้วพระหัตถ์ นิ้วเดียว (อ.มหาสมัยสูตร) 14/115/114/115/1 14/111/13 |
26 | ในที่ใดจะมีการบรรลุมรรคผล พระพุทธองค์จะทรงอธิษฐาน ไม่ให้บริษัทเห็นรูป ไม่ให้ได้ยินเสียงมาร (อ.มหาสมัยสูตร) 14/116/1514/116/15 14/113/7 |
27 | เรื่องภิกษุหนุ่ม ที่วัดโกฏิบรรพต ท่องมหาสมัยสูตรจบ เทพธิดาให้สาธุการ แล้วแสดง แค่ข้อนิ้วมือให้ภิกษุดู (อ.มหาสมัยสูตร) 14/118/114/118/1 14/114/15 |
28 | [๒๕๒] ศักยธิดา นามว่าโคปิกา เป็นผู้เลื่อมใสใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้บริบูรณ์ในศีลเป็นปกติ นางเบื่อหน่ายสตรีเพศ ปรารถนาบุรุษเพศ เมื่อตาย ไปเกิด เป็นบุตรของท้าวสักกะ (สักกปัญหสูตร) 14/127/1414/127/14 14/122/8 |
29 | [๒๕๒] ภิกษุ 3 รูปตายแล้ว ไปเป็นคนธรรพ์ ถูกโคปกเทพบุตร ตักเตือนแล้ว เทวดา 2 องค์กลับได้สติ ในอัตภาพนั้น ได้อนาคามีผล เข้าถึงหมู่พรหมชั้น พรหมปุโรหิต ส่วนองค์หนึ่ง ยังอยู่ในชั้นกามาวจร (สักกปัญหสูตร) 14/127/19 14/127/19 14/122/13 |
30 | [๒๕๕] เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ และสัตว์เหล่าอื่นเป็นอันมาก มี ความริษยา และความตระหนี่เป็นเครื่องผูกพัน เขาเหล่านั้นเป็นผู้ไม่มีเวร... ไม่มีความแค้นใจ หวังอยู่ว่าขอเราจงเป็นผู้ไม่มีเวร เป็นต้น อยู่เถิด ดังนี้แต่ก็ยัง เป็นผู้มีเวร... มีความคับแค้นใจ เป็นไปกลับด้วยเวรอยู่ (สักกปัญหสูตร) 14/133/7 14/133/7 14/126/20 |
31 | [๒๕๖] อารมณ์อันเป็นที่รัก และไม่เป็นที่รัก ยังมีอยู่ ความริษยา และความ ตระหนี่ย่อมมี เมื่อฉันทะ(ความพอใจ) ยังมีอยู่ อารมณ์อันเป็นที่รัก และไม่เป็น ที่รักย่อมมี (สักกปัญหสูตร) 14/134/114/134/1 14/127/16 |
32 | [๒๕๖] เมื่อวิตกยังมีอยู่ ฉันทะย่อมมี เมื่อส่วนแห่งสัญญาอันประกอบด้วย ธรรมเครื่องเนิ่นช้า ยังมีอยู่ วิตกย่อมมี (สักกปัญหสูตร) 14/134/1114/134/11 14/128/5 |
33 | [๒๖๐] โลกมีธาตุไม่เป็นอันเดียวกัน มีธาตุต่างๆ กัน หมู่สัตว์ถือมั่นในธาตุใดๆ แล ย่อมยึดถือธาตุนั้นๆ กล่าวด้วยกำลัง ความยึดถือว่า อย่างนี้แหละแน่นอนอื่น อย่างเหลวไหล ดังนี้ (สักกปัญหสูตร) 14/137/1314/137/13 14/133/7 |
34 | [๒๖๓-๒๖๙] ท้าวสักกะเห็นอำนาจประโยชน์ 6 ประการ จึงประกาศ การได้ความ ยินดีจากการพยากรณ์ปัญหา ของพระพุทธเจ้า (สักกปัญหสูตร) 14/140/914/140/9 14/136/12 |
35 | [๒๗๒] เมื่อพระพุทธเจ้า ตรัสไวยากรณ์นี้จบลง ธรรมจักษุ (ดวงตาเห็นธรรม) อันปราศจากธุลี ไม่มีมลทิน ได้เกิดขึ้นแล้วแก่ท้าวสักกะ (สักกปัญหสูตร) 14/143/1014/143/10 14/139/15 |
36 | พระพุทธองค์ไม่เปิดโอกาสให้ท้าวสักกะเข้าเฝ้า เพราะญาณยังอ่อน (อ.สักกปัญหสูตร) 14/146/114/146/1 14/142/1 |
37 | ปัญจสิขะเป็นอุปัฏฐาก ผู้รับใช้ที่พระพุทธเจ้าโปรดปราน ไปทูลถามปัญหา แล้วฟังธรรม ได้ทุกขณะที่ต้องการ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/147/114/147/1 14/142/26 |
38 | พระพุทธเจ้ากล่าวชมเสียงขับ และเสียงพิณ ของปัญจสิขะว่ากลมกลืนกัน ก็เพื่อให้รู้ว่า เปิดโอกาสแล้ว (อ.สักกปัญหสูตร) 14/153/714/153/7 14/149/10 |
39 | พวกลูกหญิง และลูกชาย ย่อมเกิดบนตักของพวกเทพ พวกสตรีที่เป็นภรรยา ย่อมเกิดบนที่นอน ส่วนผู้ที่เกิดในระหว่างเขตแดนของเทวดาท้าวสักกะจะเป็น ผู้ตัดสินว่าเป็นของผู้ใด (อ.สักกปัญหสูตร) 14/155/1014/155/10 14/151/13 |
40 | เทพธิดา ชื่อ ภุชคี นางบรรลุสกทาคามีผล จึงไม่ยินดีในเทวโลก ย่อมมาสู่ที่ บำรุง พระพุทธเจ้าเสมอ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/156/414/156/4 14/152/5 |
41 | โคปกเทพบุตร สามารถใคร่ครวญรู้เรื่องผู้อื่นได้ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/157/1414/157/14 14/153/20 |
42 | เรื่องของมาฆมาณพ และสหาย 33 คน ก่อนที่จะได้มาเป็นท้าวสักกะ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/162/1514/162/15 14/159/6 |
43 | ผู้ตระหนี่ในลาภของสงฆ์ หรือของหมู่ บริโภคเหมือนของส่วนบุคคล ย่อมเกิด เป็นยักษ์ เปรต งูเหลือมขนาดใหญ่บ้าง (อ.สักกปัญหสูตร) 14/174/1314/174/13 14/169/15 |
44 | เพราะความตระหนี่วรรณแห่งสรีระ และวรรณแห่งคุณ ตระหนี่การศึกษา เล่าเรียน ตระหนี่ที่อยู่ เขาย่อมไหม้ในเรือนโลหะ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/174/1514/174/15 14/169/17 |
45 | ด้วยความตระหนี่ตระกูล เขาย่อมเป็นผู้มีลาภน้อย ด้วยความตระหนี่ลาภ เขาย่อมเกิด ในคูถนรก ด้วยความตระหนี่วรรณ เกิดในภพใดจะไม่มีวรรณ ด้วยความตระหนี่ธรรม เขาย่อมเกิดในนรกขี้เถ้า (อ.สักกปัญหสูตร) 14/174/2014/174/20 14/169/22 |
46 | ธรรมเครื่องเนิ่นช้า มี 3 คือ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/177/2114/177/21 14/172/22 |
47 | กัมมัฏฐาน มี 2 อย่าง คือ รูปและอรูปกัมมัฏฐาน (อ.สักกปัญหสูตร) 14/179/714/179/7 14/174/6 |
48 | เมื่อพระพุทธองค์จะทรงบอกอรูปกัมมัฏฐานแก่ท้าวสักกะ ก็ทรงแสดงด้วย เวทนาเป็นหัวข้อ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/181/814/181/8 14/176/4 |
49 | ข้อปฏิบัติ กัมมัฏฐาน 3 เดือน (อ.สักกปัญหสูตร) 14/186/1314/186/13 14/181/8 |
50 | พระมหาสิวเถระสอนภิกษุ 30,000 จนได้บรรลุอรหันต์ทั้งหมด ส่วนท่านเองถูก ลูกศิษย์มาเตือน จึงออกไปบำเพ็ญเพียรอยู่ผู้เดียว ตลอด 30 ปี จึงสำเร็จเป็น พระอรหันต์ พระลูกศิษย์ และท้าวสักกะมาล้างเท้าให้ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/187/1014/187/10 14/182/4 |
51 | ท้าวสักกะครั้นทรงเป็น พระโสดาบันแล้ว ก็ทรงจุติต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า นั้นเองแล้วก็ทรงเกิด กลายเป็นท้าวสักกะหนุ่ม (อ.สักกปัญหสูตร) 14/195/1114/195/11 14/189/4 |
52 | การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ และการแสวงหาที่ประเสริฐ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/196/2214/196/22 14/190/18 |
53 | การสำรวมอินทรีย์ (อ.สักกปัญหสูตร) 14/200/914/200/9 14/194/7 |
54 | พระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ ไม่เคยเหยียดหลังบนเตียง ตลอด 30 ปี พระมหากัสสปะ 120 ปี พระอนุรุทธเถระ 55 ปี พระภัททิยเถระ 30 ปี พระโสณเถระ 18 ปี พระรัฐบาลเถระ 12 ปี พระอานนทเถระ 15 ปี พระราหุลเถระ 12 ปี พระพากุลเถระ 80 ปี พระนาฬกเถระไม่เคยเหยียดหลังบนเตียงจน ปรินิพพาน (อ.สักกปัญหสูตร) 14/201/614/201/6 14/195/4 |
55 | ท้าวสักกะ จักได้ลงมาเกิดเป็น มนุษย์แล้วได้เป็นสกทาคามี เมื่อตายแล้วจะไป เป็นท้าวสักกะอีก จะได้ไปสู่กระแสเบื้องบนจนถึง อกนิฏฐคามี ชั้นสุทธาวาส (อ.สักกปัญหสูตร) 14/206/914/206/9 14/200/4 |
56 | [๒๗๓] ทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความหมดจดวิเศษของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อ ความก้าวล่วง ซึ่งความโศก และความร่ำไร... เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง ทางนี้คือ สติปัฏฐาน(ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ) 4 อย่าง (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/209/914/209/9 14/202/10 |
57 | [๒๗๔] การพิจารณา เห็นกายในกาย โดยกำหนดรู้ ลมหายใจเข้าออก 14/210/714/210/7 14/203/3 |
58 | [๒๗๕] การพิจารณา เห็นกายในกาย โดยกำหนดรู้อิริยาบถ (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/211/1814/211/18 14/204/10 |
59 | [๒๗๖] การพิจารณาเห็นกายในกาย โดยข้อกำหนดว่าด้วยสัมปชัญญะ (ความเป็นผู้รู้พร้อม) (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/212/1314/212/13 14/205/2 |
60 | [๒๗๗] การพิจารณาเห็นกายว่า เป็นของปฏิกูล (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/213/1214/213/12 14/205/21 |
61 | [๒๗๘] การพิจารณากาย โดยความเป็นธาตุ (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/214/2014/214/20 14/207/2 |
62 | [๒๗๙-๒๘๗] การพิจารณากาย โดยความเป็นซากศพ ที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า ทั้ง 9 (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/215/1714/215/17 14/207/21 |
63 | [๒๘๘] การพิจารณาเวทนา (ความเสวยอารมณ์) (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/221/914/221/9 14/213/6 |
64 | [๒๘๙] การพิจารณาจิต ; จิตเป็น สอุตตระ คือ กามาวจรจิต ซึ่งมีจิตอื่นยิ่งกว่า ไม่ถึงอุปจารสมาธิ จิตเป็นอนุตตระ คือ กามวาจรจิต ไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า หมายถึง อุปจารสมาธิ (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/222/1314/222/13 14/214/7 |
65 | [๒๙๐] การพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ 5 (เครื่องกั้นจิต) (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/223/1814/223/18 14/215/12 |
66 | [๒๙๑] การพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ อุปาทานขันธ์ 5 (ขันธ์ประกอบ ด้วยความถือมั่น) (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/225/2114/225/21 14/217/14 |
67 | [๒๙๒] การพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ อายตนะภายใน และอายตนะ ภายนอก อย่างละ 6 (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/226/2014/226/20 14/218/13 |
68 | [๒๙๓] การพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ โพชฌงค์ (องค์แห่งปัญญาเป็น เครื่องตรัสรู้ 7 อย่าง) (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/229/514/229/5 14/220/19 |
69 | [๒๙๔-๒๙๙] การพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ อริยสัจ 4 (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/232/214/232/2 14/223/13 |
70 | [๒๙๕] ความหมายของคำว่า ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส... (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/232/2014/232/20 14/224/6 |
71 | [๒๙๖] เหตุให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา (ความทะยานอยาก ในกาม) ภวตัณหา (ความอยากเป็นนั่นเป็นนี่) วิภวตัณหา (ความไม่อยาก เป็นนั่นไม่เป็นนี่) (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/236/1614/236/16 14/227/14 |
72 | [๒๙๙] อริยมรรค(ทางอันประเสริฐ) ประกอบไปด้วย องค์ 8 (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/250/1914/250/19 14/240/2 |
73 | [๓๐๐] อานิสงส์ การเจริญสติปัฏฐาน 4 คือ เป็นพระอรหันต์ในปัจจุบัน หรือ เป็นพระอนาคามี อย่างมาก 7 ปี อย่างต่ำ 7 วัน (มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/254/214/254/2 14/243/2 |
74 | ชาวแคว้นกุรุ ไม่ว่าเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มีร่างกายและจิตใจ สมบูรณ์อยู่เป็นนิจ ด้วยเสพปัจจัยคือ ฤดูเป็นที่สบาย จึงมีปัญญา สามารถ รับเทศนาที่ลึกซึ้งนี้ได้ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/258/814/258/8 14/246/9 |
75 | เรื่องนกแขกเต้าชื่อ พุทธรักขิต เมื่อถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป ก็ท่องว่า กระดูก ๆ 14/259/1514/259/15 14/247/15 |
76 | ความหมายของคำว่า เอกายนะ มีอรรถว่าเป็นทางที่บุคคล พึงไปผู้เดียว เป็นต้น . (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/261/114/261/1 14/248/23 |
77 | พระเถระอาจารย์ และศิษย์สนทนากันว่า สติปัฏฐานเป็นมรรคเบื้องต้น หรือ มรรคผสม (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/263/214/263/2 14/250/15 |
78 | ที่ชื่อว่า มรรค เพราะ อรรถว่าเป็นเครื่องเดินไปสู่พระนิพพานอย่างหนึ่ง (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/265/1 14/265/1 14/252/4 |
79 | พระพุทธเจ้าสอนว่า คนทั้งหลายมีจิตเศร้าหมองแล้ว จึงเศร้าหมอง มีจิตหมดจดแล้ว จึงหมดจด (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/265/2114/265/21 14/252/20 |
80 | พระติสสะ ถูกโจร 500 ซึ่งภรรยาของน้องชายท่านส่งมา ล้อมท่านไว้ จึงขอชีวิต แก่โจรคืนหนึ่ง โดยทุบเท้าทั้ง 2 ข้างของตน ทำสมณธรรมตลอดคืน พออรุณขึ้น ก็บรรลุพระอรหัต (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/267/1114/267/11 14/254/2 |
81 | ภิกษุผู้บรรลุพระอรหัต คาปากเสือ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/268/914/268/9 14/254/18 |
82 | พระปีติมัลลเถระ เดินจงกรมจนเดินไม่ไหวก็คลาน นายพรานนึกว่าเนื้อจึงพุ่ง หอกใส่ ท่านอุดแผลด้วยหญ้า เจริญวิปัสสนา บรรลุอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา . (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/269/1714/269/17 14/255/19 |
83 | เรื่องสุพรหมเทพบุตร และนางอัปสร 500 ได้โสดาปัตติผล (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/271/914/271/9 14/257/2 |
84 | ความหมายของคำว่า สติปัฏฐาน (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/276/214/276/2 14/260/23 |
85 | สติปัฏฐาน ที่เหมาะแก่เวไนยสัตว์ (ผู้ควรแก่การแนะนำสั่งสอน) ที่มีจริตต่างๆ . (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/277/1914/277/19 14/262/19 |
86 | ความหมายของคำว่า พิจารณากายในกาย (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/281/714/281/7 14/265/24 |
87 | จะพึงพิจารณาเห็นเวทนา อย่างไร ? ตอบว่าพึงพิจารณาเห็นสุขเวทนา โดย ความเป็นทุกข์ เห็นทุกขเวทนาโดยความเป็นดุจลูกศร เห็นความไม่สุขไม่ทุกข์ โดยความเป็นของไม่เที่ยง (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/288/1914/288/19 14/273/2 |
88 | อานาปานสติกัมมัฏฐาน นั้น มีเสียงอื้ออึง เป็นข้าศึก ต้องอยู่เสนาสนะป่า อันสงัด (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/293/1114/293/11 14/276/16 |
89 | ข้อกำหนดของภิกษุ ผู้ประกอบกัมมัฏฐาน ในลมหายใจเข้าออก จนถึงบรรลุ พระอรหัต (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/295/1114/295/11 14/278/12 |
90 | การพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเกิด และความเสื่อม ของลมหายใจ เข้าออก (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/296/2014/296/20 14/279/19 |
91 | เดินได้เพราะการแผ่ไป ของวาโยธาตุ อันเกิดแต่การทำของจิต (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/299/114/299/1 14/282/1 |
92 | กายนี้ยังทน ยืน เดิน เป็นต้น อยู่ได้ก็เพราะมีธรรม 3 อย่างนี้ คือ อายุ ไออุ่น วิญญาณ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/307/214/307/2 14/290/2 |
93 | พระเถระรูปหนึ่งอดกลั้นเวทนา จนไส้ออกมากองบนเตียง เป็นพระอรหัตสมสีสี ปรินิพพาน (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/311/414/311/4 14/294/2 |
94 | ธรรมสำหรับละกามฉันท์(ความพอใจในกาม) 6 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/318/1214/318/12 14/301/2 |
95 | ธรรมสำหรับละพยาบาท 6 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/320/814/320/8 14/302/19 |
96 | ความเพียร 3 ประเภท ได้แก่ ความเพียรเริ่มแรก ความเพียรที่มีกำลัง เพราะออกพ้นจากความเกียจคร้านแล้ว ความเพียรที่มีกำลังล่วงฐานะอื่นๆ เพื่อบากบั่น (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/321/2114/321/21 14/304/10 |
97 | ธรรมสำหรับละถีนมิทธะ(ความง่วงเหงาซึมเซา) 6 ประการ(อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/322/1114/322/11 14/305/2 |
98 | ธรรมสำหรับละอุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านรำคาญ) 6 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/324/214/324/2 14/306/15 |
99 | ธรรมสำหรับละวิจิกิจฉา(ความเคลือบแคลง) 6 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/325/1214/325/12 14/308/10 |
100 | สังโยชน์(กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์) 10 อย่าง และเหตุเกิดสังโยชน์ . (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/328/16 14/328/16 14/311/14 |
101 | สังโยชน์ 5 คือ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส อิสสา มัจฉริยะไม่เกิดต่อไปด้วย โสดาปัตติมรรค. สังโยชน์ 2 คือ กามราคะ ปฏิฆะอย่างหยาบไม่เกิดต่อไปด้วย สกทาคามิมรรค. อย่างละเอียดไม่เกิดต่อไปด้วยอนาคามิมรรค. สังโยชน์ 3 คือ มานะ ภวราคะ อวิชชา ไม่เกิดต่อด้วยอรหัตมรรค (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/330/114/330/1 14/312/21 |
102 | ธรรมเป็นเหตุให้เกิด สติ 4 ประการ คือ สติสัมปชัญญะ การเว้นบุคคลผู้มีสติ หลงลืม การคบหาบุคคลผู้มีสติมั่นคง ความน้อมจิตไปใน สติสัมโพชฌงค์นั้น - . (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/332/214/332/2 14/315/1 |
103 | ธรรมเป็นเหตุให้เกิดธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ (การสอดส่องเลือกเฟ้นธรรม) 7 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/332/1814/332/18 14/315/18 |
104 | อินทรีย์ (สภาพที่เป็นใหญ่ ในกิจของตน) ที่ควรปรับปรุงให้เสมอกัน คือ ศรัทธา กับปัญญา สมาธิกับวิริยะ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/334/1514/334/15 14/317/9 |
105 | ธรรมเป็นเหตุให้เกิดวิริยสัมโพชฌงค์ 11 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/336/1414/336/14 14/319/9 |
106 | พระมหามิตตเถระ อยู่ในถ้ำ กสกะ ได้ยินว่าอุบาสิกาผู้บำรุงท่าน กินปลาย ข้าวกับผักดอง แต่ถวายของดีๆ ให้ท่าน จึงสลดใจ เข้าถ้ำบำเพ็ญ ได้บรรลุ พระอรหัตก่อนเที่ยง แล้วมารับบิณฑบาต (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/338/1514/338/15 14/321/10 |
107 | ธรรมเป็นเหตุให้เกิดปีติสัมโพชฌงค์ (ความซาบซ่าน) 11 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/342/1914/342/19 14/325/13 |
108 | ธรรมเป็นเหตุให้เกิดปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ (ความสงบกายสงบใจ) 7 ประการ 14/344/614/344/6 14/327/2 |
109 | ธรรมเป็นเหตุให้เกิดสมาธิสัมโพชฌงค์ 11 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/345/1114/345/11 14/328/11 |
110 | ธรรมเป็นเหตุให้เกิดอุเบกขาสัมโพชฌงค์ 5 ประการ (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/347/1714/347/17 14/330/14 |
111 | ศัพท์ว่า ชรา (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/351/1814/351/18 14/335/2 |
112 | มรรคที่เกิดแก่ผู้ได้ปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว เจริญวิปัสสนาอยู่ ชื่อว่า มีปฐมฌาน เป็นบาท (อ.มหาสติปัฏฐานสูตร) 14/364/1114/364/11 14/347/21 |
113 | [๓๑๑] พระยาปายาสิสั่งจับโจรใส่หม้อ แล้วต้ม เพื่อค้นหาชีวะของโจรผู้ตาย (ปายาสิราชัญญสูตร) 14/380/1614/380/16 14/365/22 |
114 | [๓๑๓] คนตายแล้ว จะหนักแข็งทื่อ เพราะกายนี้ไม่ประกอบด้วย อายุ ไออุ่น และวิญญาณแล้ว (ปายาสิราชัญญสูตร) 14/383/614/383/6 14/368/18 |
115 | [๓๒๙] พระยาปายาสิให้ทานโดยไม่เคารพ ให้ทานไม่ใช่ให้ด้วยมือของตนเอง ให้ทานโดยไม่นอบน้อม ให้ทานแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ครั้นตายแล้ว เขาถึงเทวดา ชั้นจาตุมหาราช มีเสรีสกวิมานอันว่างเปล่า (ปายาสิราชัญญสูตร) 14/399/614/399/6 14/385/1 |
116 | [๓๒๙] อุตตรมาณพ ผู้จัดการในทานของพระยาปายาสินั้น ให้ทานโดยเคารพ ให้ทานด้วยมือของตน ให้ทานโดยนอบน้อม ให้ทานไม่ใช่ ทิ้งๆ ขว้างๆ ครั้น ตายแล้ว เขาถึงเทวดาชั้นดาวดึงส์ (ปายาสิราชัญญสูตร) 14/399/914/399/9 14/385/4 |
117 | ประวัติย่อของ พระกุมารกัสสป (อ.ปายาสิราชัญญสูตร) 14/401/514/401/5 14/387/7 |
118 | พระควัมปติ ชาติก่อน เป็นหัวหน้าเด็กเลี้ยงโค ได้ถางโคนต้นซึก แล้วนิมนต์ภิกษุ ฉันอาหารอยู่ใต้ต้นไม้นั้น ครั้นตายแล้ว ไปเกิดอยู่วิมานเงินมีต้นซึก อยู่ใกล้ประตู วิมาน ด้วยความเคยชิน ท่านจึงไปวิมานนี้ประจำ (อ.ปายาสิราชัญญสูตร) 14/410/814/410/8 14/397/13 |
119 | เสรีสกวิมานนั้น เป็นวิมานสำหรับเทพผู้จาริกมาแต่ทุกทิศ มีอยู่ในดงชื่อวัฏฏนี (ลับแล) (อ.ปายาสิราชัญญสูตร) 14/411/314/411/3 14/398/8 |