1 | [๓] รายนามพระเถระผู้สืบทอดพระไตรปิฎก (มหาวิภัง ๑๖ มหาวาร) 10/5/1410/5/14 10/5/7 |
2 | อนุปันนบัญญัติ ได้แก่ ข้อที่ทรงบัญญัติในเมื่อโทษยังไม่เกิดขึ้น (โสฬสมหาวารวัณณนา) 10/321/110/321/1 10/293/6 |
3 | สัพพัตถบัญญัติ ได้แก่ บัญญัติในที่ทั้งปวง ทั้งมัชฌิมประเทศ ทั้งปัจจันตชนบท (โสฬสมหาวารวัณณนา) 10/321/510/321/5 10/293/10 |
4 | คำว่า ใช้ผ้าปูนอน และผ้าห่มผืนเดียวกันนั้น หมายถึงนอนร่วมกัน 2 รูป (สมุฏฐานสีสวัณณนา) 10/364/510/364/5 10/330/13 |
5 | [๘๔๓] อาบัติ 5 คือ อาบัติปาราชิก อาบัติสังฆาทิเสส อาบัติปาจิตตีย์ อาบัติปาฏิเทสนียะ อาบัติทุกกฏ (กติปุจฉาวาร) 10/368/1410/368/14 10/335/2 |
6 | [๘๔๕] วินีตวัตถุ 5 คือ การเว้นไกล, การเว้นขาด, การงดเว้น, เจตนาเครื่อง เว้นจากกองอาบัติ 5 ความไม่ประกอบ ความไม่ทำ ความไม่แกล้งต้อง ความไม่ละเมิดขอบเขต การกำจัดกองอาบัติ 5 ด้วยอริยมรรค ชื่อ เสตุ (กติปุจฉาวาร) 10/369/210/369/2 10/335/10 |
7 | [๘๔๖] อาบัติ 7 คือ อาบัติปาราชิก อาบัติสังฆาทิเสส อาบัติถุลลัจจัย อาบัติปาจิตตีย์ อาบัติปาฏิเทสนียะ อาบัติทุกกฏ อาบัติทุพภาสิต (กติปุจฉาวาร) 10/369/710/369/7 10/335/15 |
8 | [๘๔๙] ความไม่เคารพ 6 คือ ไม่เคารพในพระพุทธเจ้า... ไม่เคารพในสิกขา ไม่เคารพในความไม่ประมาท ไม่เคารพในปฏิสันถาร (กติปุจฉาวาร) 10/370/210/370/2 10/336/12 |
9 | [๘๕๒] วิบัติ 4 คือ ศีลวิบัติ อาจารวิบัติ ทิฏฐิวิบัติ อาชีววิบัติ (กติปุจฉาวาร) 10/370/1710/370/17 10/337/7 |
10 | [๘๕๔] มูลแห่งการวิวาท 6 ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อความพินาศแก่ชนมาก เพื่อทุกข์แก่ เทวดา และมนุษย์ (กติปุจฉาวาร) 10/371/810/371/8 10/337/16 |
11 | [๘๕๖]สาราณียธรรม (ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึงกัน) 6 ประการ (กติปุจฉาวาร) 10/378/1510/378/15 10/344/9 |
12 | [๘๕๗] เรื่องทำความแตกร้าวกัน 18 ประการ (กติปุจฉาวาร) 10/380/510/380/5 10/345/21 |
13 | ภิกษุ ผู้ตั้งอยู่ในสาราณียธรรม แม้จะไม่ให้แก่บุคคลผู้ทุศีล ก็ควร (กติปุจฉาวารวัณณนา) 10/389/1210/389/12 10/354/24 |
14 | ศีลของภิกษุใด ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย ย่อมเป็นไปเพื่อสมาธิเพราะ ยังอุปจารสมาธิ หรืออัปปนาสมาธิ ให้เป็นไปพร้อม (กติปุจฉาวารวัณณนา) 10/390/1310/390/13 10/355/20 |
15 | [๘๗๕] เพราะปัจจัย คือ อาจารวิบัติ ต้องอาบัติ 1 คือ ปิดอาจารวิบัติต้องอาบัติ ทุกกฏ (วีสติวาร) 10/405/810/405/8 10/368/3 |
16 | [๘๗๖] เพราะปัจจัย คือ ทิฏฐิวิบัติ ต้องอาบัติ 2 คือ อาบัติทุกกฏ อาบัติ าจิตตีย์ (วีสติวาร) 10/405/2010/405/20 10/368/18 |
17 | [๘๗๗] เพราะปัจจัย คือ อาชีววิบัติ ต้องอาบัติ 6 คือ ปาราชิก สังฆาทิเสส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ (วีสติวาร) 10/406/1610/406/16 10/369/10 |
18 | [๘๗๘] เพราะปัจจัย คือ วิวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติ 2 คือ อาบัติปาจิตตีย์ อาบัติ ทุกกฏ (วีสติวาร) 10/408/1010/408/10 10/370/20 |
19 | [๘๗๙] เพราะปัจจัย คือ อนุวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติ 3 คือ อาบัติสังฆาทิเสส อาบัติปาจิตตีย์ อาบัติทุกกฏ (วีสติวาร) 10/409/710/409/7 10/371/15 |
20 | [๘๘๐] เพราะปัจจัย คือ อาปัตตาธิกรณ์ ต้องอาบัติ 4 คือ อาบัติปาราชิก อาบัติถุลลัจจัย อาบัติปาจิตตีย์ อาบัติทุกกฏ (วีสติวาร) 10/410/410/410/4 10/372/10 |
21 | [๘๘๑] เพราะปัจจัย คือ กิจจาธิกรณ์ ต้องอาบัติ 5 คือ อาบัติทุกกฏ อาบัติ ถุลลัจจัย อาบัติปาราชิก อาบัติสังฆาทิเสส อาบัติปาจิตตีย์ (วีสติวาร) 10/411/310/411/3 10/373/5 |
22 | [๙๐๓] วิวาทาธิกรณ์ระงับด้วยสมถะ 2 คือ สัมมุขาวินัย เยภุยยสิกา (วีสติวาร) 10/428/1410/428/14 10/389/12 |
23 | [๙๑๑] วิวาทาธิกรณ์ ได้แก่ ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความทุ่มเถียง การกล่าวต่างกัน การกล่าวโดยประการอื่น การพูดเพื่อ ความกลัดกลุ้มใจ ความหมายมั่นในเรื่องนั้นอันใด นี้เรียกว่า วิวาทาธิกรณ์ (วีสติวาร) 10/438/510/438/5 10/398/5 |
24 | [๙๑๒] อนุวาทาธิกรณ์ ได้แก่ การที่ภิกษุ โจทภิกษุด้วยศีลวิบัติ อาจารวิบัติ ทิฏฐิวิบัติ อาชีววิบัติ การโจท การกล่าวหา การฟ้องร้อง การประท้วง ความเป็นผู้คล้อยตาม การทำความอุตสาหะโจท การตามเพิ่มกำลังให้ใน เรื่องนั้น อันใด นี้เรียกว่าอนุวาทาธิกรณ์ (วีสติวาร) (วีสติวาร) 10/438/1610/438/16 10/398/18 |
25 | [๙๑๔] กิจจาธิกรณ์ ได้แก่ อปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม ญัตติจตุตถกรรม (วีสติวาร) 10/439/1610/439/16 10/399/17 |
26 | [๙๒๔] ในกฐินขันธกะนั้น ไม่มีปรับอาบัติ (ขันธกปุจฉา) 10/443/1810/443/18 10/403/13 |
27 | เป็นปาจิตตีย์ เพราะกลืนอาหารที่สำรอกออกมาค้างอยู่ในปาก (ขันธกปุจฉาวัณณนา) 10/449/210/449/2 10/408/9 |
28 | เป็นถุลลัจจัยแก่ภิกษุผู้พลอยสนับสนุน ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ (ขันธกปุจฉาวัณณนา) 10/449/710/449/7 10/408/14 |
29 | ในวัตตขันธกะ มีอาบัติทุกกฏอย่างเดียว เพราะความไม่เอื้อเฟื้อในวัตรทั้งปวง (ขันธกปุจฉาวัณณนา) 10/449/910/449/9 10/408/17 |
30 | [๙๔๔] อุโบสถ มี 2 , ปวารณา มี 2 (เอกุตตริกะ) 10/453/810/453/8 10/412/2 |
31 | [๙๔๔] นานาสังวาส มี 2 คือ ตนเองทำตน ให้มีสังวาสต่างกัน ๑. สงฆ์ผู้ พร้อมเพรียงกันยกภิกษุนั้นเสีย ๑. (เอกุตตริกะ) 10/454/110/454/1 10/412/16 |
32 | [๙๔๖] สงฆ์ไม่พึงอุปสมบท ผู้มีกาลบกพร่อง ผู้มีอวัยวะบกพร่อง ผู้มีวัตถุวิบัติ ผู้มีการกระทำเสียหาย ผู้ไม่บริบูรณ์ ผู้บริบูรณ์แต่ไม่ขออุปสมบท (เอกุตตริกะ) 10/454/1910/454/19 10/413/12 |
33 | [๙๔๖] ไม่ควรอาศัย บุคคล 2 พวกอยู่ คือ ผู้อลัชชีแม้ทรงพระไตรปิฎก ๑. ผู้พาลแม้มีพรรษา 60 ๑. (เอกุตตริกะ) 10/455/510/455/5 10/413/18 |
34 | [๙๔๖] บุคคล 2 จำพวก ไม่ควรต้องอาบัติ คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า (เอกุตตริกะ) 10/455/810/455/8 10/413/22 |
35 | [๙๔๗] การขับออกจากหมู่ มี 2 (เอกุตตริกะ) 10/455/2110/455/21 10/414/12 |
36 | [๙๔๗] การเรียกเข้าหมู่มี 2 (เอกุตตริกะ) 10/456/110/456/1 10/414/15 |
37 | [๙๔๘] เชิงบาตร มี 2 คือ ดีบุก ตะกั่ว (เอกุตตริกะ) 10/456/1410/456/14 10/415/8 |
38 | [๙๕๐] ความไม่เอื้อเฟื้อมี 2 คือ ไม่เอื้อเฟื้อต่อบุคคล ไม่เอื้อเฟื้อต่อธรรม (เอกุตตริกะ) 10/457/1210/457/12 10/416/13 |
39 | [๙๕๐] ภิกษุร่วมฉัน เป็นหมู่ด้วยอาการ 2 คือ เพราะเขานิมนต์ เพราะขอเขา (เอกุตตริกะ) 10/458/110/458/1 10/416/24 |
40 | [๙๕๑] บุคคลพาล 2 จำพวก คือ ผู้รับภาระที่ยังมาไม่ถึง ผู้ไม่รับภาระ ที่มาถึงแล้ว (เอกุตตริกะ) 10/458/610/458/6 10/417/7 |
41 | [๙๕๗] พระธรรมวินัย ต้องเปิดเผยจึงรุ่งเรือง (เอกุตตริกะ) 10/465/1510/465/15 10/423/19 |
42 | [๙๖๒] ไม่พึงเชื่อถือคำให้การของภิกษุ 3 จำพวก คือ เป็นอลัชชี เป็นพาล ไม่เป็นปกตัตตะ (เอกุตตริกะ) 10/471/710/471/7 10/428/19 |
43 | [๙๖๓] บุคคลไปอบาย ไปนรก มี 3 คือ ไม่เป็นพรหมจารีแต่ปฏิญาณว่าเป็น พรหมจารี โจทพรหมจารีผู้บริสุทธิ์อันไม่มีมูล มีปกติกล่าวอย่างนี้ มีทิฏฐิ อย่างนี้ว่า กามทั้งหลายไม่มีโทษ (เอกุตตริกะ) 10/472/1610/472/16 10/429/23 |
44 | [๙๖๘] การขาดราตรีแห่งมานัต มี 4 คือ อยู่ร่วม อยู่ปราศ ไม่บอก ประพฤติในคณะอันหย่อน. (เอกุตตริกะ) 10/479/510/479/5 10/435/9 |
45 | [๙๖๘] ภิกษุผู้ทุศีล มีธรรมทราม เป็นผู้ประทุษร้ายบริษัท (เอกุตตริกะ) 10/479/1910/479/19 10/435/24 |
46 | [๙๗๕] การโจทมี 4 คือ โจทชี้วัตถุ โจทชี้อาบัติ โจทห้ามสังวาส โจทห้าม สามีจิกรรม (เอกุตตริกะ) 10/484/710/484/7 10/440/2 |
47 | [๙๗๙] ภิกษุไปสู่สถานที่ ที่ไม่ควรไป 5 แม้เป็นพระอรหันต์ ก็ย่อมถูกระแวง (เอกุตตริกะ) 10/488/110/488/1 10/443/7 |
48 | [๙๗๙] นิสัยย่อมระงับจากพระอุปัชฌาย์ ด้วยเหตุ 5 ได้แก่ พระอุปัชฌาย์ หลีกไป สึก ตาย ไปเข้ารีตเดียรถีย์ สั่งบังคับ (เอกุตตริกะ) 10/488/1410/488/14 10/443/22 |
49 | [๙๗๙] ภิกษุไม่ควรบริโภคอกัปปิยะ 5 คือ ของที่เขาไม่ให้ ไม่ทราบเป็นอกัปปิยะ ยังไม่ได้รับประเคน ไม่ทำให้เป็นเดน (เอกุตตริกะ) 10/489/1710/489/17 10/444/25 |
50 | [๙๗๙] การให้ไม่จัดเป็นบุญ แต่โลกสมมติว่าเป็นบุญมี 5 คือ ให้น้ำเมา ให้มหรสพ ให้สตรี ให้โคผู้ ให้จิตรกรรม (เอกุตตริกะ) 10/490/110/490/1 10/445/3 |
51 | [๙๗๙] การกวาดมีอานิสงส์ 5 (เอกุตตริกะ) 10/490/610/490/6 10/445/10 |
52 | [๙๘๑] ภิกษุผู้ถือธุดงควัตร13 จำแนกออกเป็น 5 จำพวก (เอกุตตริกะ) 10/493/1010/493/10 10/448/3 |
53 | [๙๘๒] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 จะไม่ถือนิสัยอยู่ไม่ได้ (เอกุตตริกะ) 10/494/1610/494/16 10/449/6 |
54 | [๙๘๓] กรรมที่ไม่น่าเลื่อมใสมีโทษ 5 ประการ (เอกุตตริกะ) 10/496/1610/496/16 10/450/23 |
55 | [๙๘๓] ภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล คลุกคลีอยู่เกินเวลา ย่อมมีโทษ 5 ประการ (เอกุตตริกะ) 10/497/1510/497/15 10/451/19 |
56 | [๙๘๔] ผลไม้ที่ควรบริโภค ด้วยวิธีอันควรแก่สมณะ มี 5 อย่าง คือ จี้ด้วยไฟ กรีดด้วยศัสตรา จิกด้วยเล็บ ไม่มีเมล็ด เขาปล้อนเมล็ดออกแล้ว (เอกุตตริกะ) 10/498/410/498/4 10/452/4 |
57 | [๙๘๙] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 6 ควรให้นิสัย ควรให้อุปสมบท ควรให้สามเณร อุปัฏฐาก (เอกุตตริกะ) 10/503/510/503/5 10/456/12 |
58 | [๙๙๓] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 7 เป็นพระวินัยธรได้ (เอกุตตริกะ) 10/505/1310/505/13 10/458/14 |
59 | อาบัติ 7 กอง ชื่อว่า ธรรม ทำอันตราย ภิกษุแกล้งละเมิดย่อมทำอันตรายแก่ สวรรค์และนิพพาน (เอกุตตริกวัณณนา) 10/519/1310/519/13 10/472/18 |
60 | อาบัติที่มีโทษตาม พระบัญญัติ อันภิกษุผู้ไม่รู้อยู่ละเมิดแล้ว หาทำอันตรายแก่ สวรรค์และนิพพานไม่ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/519/1610/519/16 10/472/21 |
61 | อาบัติที่มีโทษทางโลก ชื่อว่า อาบัติที่ทรงบัญญัติพร้อมทั้งโทษ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/520/110/520/1 10/473/2 |
62 | อาบัติใดอันภิกษุแสดง ด้วยตั้งใจว่า เราจักไม่ต้องอีก ชื่อว่า แสดงแล้ว (เอกุตตริกวัณณนา) 10/520/1910/520/19 10/473/21 |
63 | อาบัติที่แสดงด้วยจิต ที่ยังมีความอุกอาจ ไม่ทำความทอดธุระ อันภิกษุแสดง แล้ว ไม่นับว่าแสดง (เอกุตตริกวัณณนา) 10/521/110/521/1 10/473/23 |
64 | อาบัติเป็นสจิตตกะ เป็นสัญญาวิโมกข์ , อาบัติเป็นอจิตตกะ เป็นโนสัญญาวิโมกข์ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/523/710/523/7 10/476/3 |
65 | ภิกษุผู้ทำเวชกรรม จิตรกรรม ชื่อว่า ทำอยู่ต้องอาบัติ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/525/1510/525/15 10/478/1 |
66 | ภิกษุนั้น ชอบใจลัทธิ ของพวกใด ย่อมเป็นสมานสังวาสก์ของพวกนั้น และเป็น นานาสังวาสก์ ของอีกพวกหนึ่ง (เอกุตตริกวัณณนา) 10/527/510/527/5 10/479/8 |
67 | ภิกษุอลัชชีแม้หากว่าเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎก ภิกษุพาลแม้หากว่ามี พรรษา 60 อันภิกษุ ไม่พึงอาศัยทั้ง 2 พวกนี้อยู่ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/528/510/528/5 10/480/7 |
68 | ภิกษุใหม่ หรือปูนกลาง เมื่อให้บริษัทอุปัฏฐาก ด้วยคิดว่าเราเป็นบัณฑิต เราเป็น คนฉลาด ผู้มีพรรษาหย่อน 10 ต้องอาบัติ ผู้มีพรรษาครบ 10 ไม่ต้อง (เอกุตตริกวัณณนา) 10/531/1610/531/16 10/483/11 |
69 | ภิกษุใดไม่ศึกษาสิกขาบทนั้น ภิกษุนั้นชื่อว่า ผลาญสิกขาบทนั้น (เอกุตตริกวัณณนา) 10/538/910/538/9 10/489/8 |
70 | ไม่ควรเชื่อถือคำให้การ แม้ถ้อยคำก็ไม่ควรฟัง ไม่ควรไปตามประสงค์ของภิกษุ อลัชชี (เอกุตตริกวัณณนา) 10/539/910/539/9 10/490/7 |
71 | สงฆ์ไม่พึงให้โอกาส เพื่อถาม แก่ภิกษุพาล (เอกุตตริกวัณณนา) 10/539/1410/539/14 10/490/13 |
72 | ภิกษุผู้หลับ ย่อมต้องอาบัติ ที่จะพึงต้องตามจำนวน แห่งขน เพราะกายถูกเตียง สงฆ์ที่ไม่ลาดด้วยเครื่องลาดของตน (เอกุตตริกวัณณนา) 10/542/310/542/3 10/493/5 |
73 | ภิกษุผู้ไม่มีความตั้งใจ ชื่อว่าย่อมต้องอาบัติที่เป็นอจิตตกะ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/542/910/542/9 10/493/11 |
74 | น้ำปานะ ควรในวิกาล ไม่ควรในกาลในวันรุ่งขึ้น (เอกุตตริกวัณณนา) 10/549/1410/549/14 10/500/7 |
75 | เมื่อให้อุปสมบทด้วยคณะปัญจวรรค และเมื่อทรงไว้ซึ่งรองเท้า 4 ชั้น อาบน้ำ เป็นนิตย์ และเครื่องปูลาดหนัง ชื่อว่า ต้องในมัชฌิมชนบท ไม่ต้องในปัจจันติม ชนบท (เอกุตตริกวัณณนา) 10/550/110/550/1 10/500/15 |
76 | การให้จิตรกรรม ที่เป็นลายรูปภาพในอาวาส ที่แท้หาเป็นบุญไม่ คือ เป็น อกุศล (บาป) นั้นเอง (เอกุตตริกวัณณนา) 10/556/110/556/1 10/506/17 |
77 | พระปุสสเทวเถระ ให้มารเนรมิตอัตภาพคล้ายพระพุทธเจ้า แล้วได้ปิติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัต (เอกุตตริกวัณณนา) 10/556/1210/556/12 10/507/4 |
78 | เรื่องเทวดาถือดอกไม้ เลื่อมใสภิกษุผู้กวาดลานเจดีย์ และลานโพธิ์ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/558/410/558/4 10/508/18 |
79 | พระพุทธองค์ทรงแสดงรอยพระบาท ต่อพระสารีบุตรผู้ไม่กวาดก่อนนั่ง (เอกุตตริกวัณณนา) 10/559/910/559/9 10/509/19 |
80 | ต้องอาบัติด้วยอาการ 6 คือ ไม่ละอาย ไม่รู้ สงสัยแล้วขืนทำ สำคัญว่าควรใน ของไม่ควร สำคัญว่าไม่สมควรในของควร ลืมสติ (เอกุตตริกวัณณนา) 10/564/1110/564/11 10/515/1 |
81 | จีวรที่ควรอธิษฐาน 11 ชนิด ได้แก่ ไตรจีวร ผ้าอาบน้ำฝน ผ้านิสีทนะ ผ้าปูนอน ผ้าปิดฝี ผ้าเช็ดหน้า ผ้าบริขารโจล ผ้าอาบน้ำ ผ้าคาดนม (เอกุตตริกวัณณนา) 10/575/1410/575/14 10/525/19 |
82 | ภิกษุใดผู้ด่า ผู้กล่าวขู่ เพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย มักด่าว่าพระอริยะ ข้อที่ภิกษุนั้น ไม่พึงประสบความฉิบหาย อย่างใดอย่างหนึ่ง นั้นมิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส (เอกุตตริกวัณณนา) 10/576/1010/576/10 10/526/12 |
83 | [๑๐๐๘] ปัพพาชนียกรรม (การขับออกจากหมู่) มีวัตถุ และบุคคลเป็นเบื้องต้น มีญัตติเป็นท่ามกลาง มีกรรมวาจาเป็นที่สุด (อุโปสถาทิปุจฉาวิสัชนา) 10/581/1510/581/15 10/531/4 |
84 | [๑๐๐๘] อุปสัมปทากรรม (การบวช) มีบุคคลเป็นเบื้องต้น มีญัตติเป็นท่ามกลาง มีกรรมวาจาเป็นที่สุด (อุโปสถาทิปุจฉาวิสัชนา) 10/583/110/583/1 10/532/6 |
85 | ภิกษุย่อมเป็นผู้ควรแก่กรรม ด้วยวัตถุใด วัตถุนั้นชื่อว่า วัตถุในกรรมทั้งหลาย มีตัชชนียกรรม (การข่มขู่) เป็นต้น (อุโปสถาทิปุจฉาวิสัชนาวัณณนา) 10/587/1310/587/13 10/536/3 |
86 | [๑๐๐๙-๑๐๑๓] พระพุทธเจ้าทรงอาศัยอำนาจ ประโยชน์ 10 ประการ บัญญัติ สิกขาบท (อัตถวเสปกรณ์) 10/588/310/588/3 10/536/14 |
87 | [๑๐๑๖] สิกขาบทในวินัย ทั้ง 2 มีทั้งหมด 350 ที่มาสู่อุเทศ ทุกวันอุโบสถ ทรงบัญญัติไว้ที่ 7 เมืองได้แก่ เวสาลี ราชคฤห์ อาฬวี โกสัมพี สักกชนบท ภัคคชนบท (คาถาสังคณิกะ) 10/593/1410/593/14 10/541/12 |
88 | [๑๐๑๙] อาบัติปาราชิก อาบัติสังฆาทิเสส เรียกว่า ศีลวิบัติ อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ ทุพภาษิต คือ ด่าประสงค์จะล้อเล่น เรียกว่า อาจารวิบัติ (คาถาสังคณิกะ) 10/600/510/600/5 10/546/1 |
89 | [๑๐๒๐] ผู้มีปัญญาเขลา อันโมหะครอบงำ ถูกอสัทธรรมรุมล้อม ย่อมกล่าวตู่ พระพุทธเจ้า อาบัตินั้นรวมเรียกว่า ทิฏฐิวิบัติ (คาถาสังคณิกะ) 10/600/1110/600/11 10/546/6 |
90 | [๑๐๒๔-๑๐๒๘] สิกขาบทของภิกษุ 220 ของภิกษุณี 304 สิกขาบท มาสู่อุเทศ ในวันอุโบสถ สิกขาบทของภิกษุที่ไม่ทั่วไปกับภิกษุณีมี 46 สิกขาบท, สิกขาบท ของภิกษุณีที่ไม่ทั่วไปกับภิกษุมี 130 สิกขาบท (คาถาสังคณิกะ) 10/602/410/602/4 10/547/19 |
91 | [๑๐๓๕-๑๐๔๔] ความหมาย ของอาบัติ 7 กอง (คาถาสังคณิกะ) 10/606/210/606/2 10/551/6 |
92 | โทษที่ล่ำ เสมอด้วยถุลลัจจัยนั้นไม่มี ท่านเรียกว่า ถุลลัจจัย เพราะเป็นโทษล่ำ (คาถาสังคณิกะ) 10/621/710/621/7 10/564/20 |
93 | ปาจิตติยะใด ย่อมยังจิตให้ตกไป ปาจิตติยะนั้นย่อมผิดต่ออริยมรรค และย่อม เป็นเหตุลุ่มหลงแห่งจิต (ปฐมคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/622/310/622/3 10/565/12 |
94 | ทุกกฏ ได้แก่ ทำไม่ดี ทำผิดรูป แย้งกุศล พลาดเพราะไม่ย่างขึ้นสู่ข้อปฏิบัติใน อริยมรรค (ปฐมคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/622/1510/622/15 10/566/5 |
95 | ภิกษุเมื่อเปิดเผยอาบัติ ออกจากอาบัติแล้วย่อมไม่ต้องอาบัติอื่น (ปฐมคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/624/1410/624/14 10/568/4 |
96 | [๑๐๔๗] การฟื้นอธิกรณ์ 12 อย่าง (อธิกรณเภท) 10/627/310/627/3 10/569/19 |
97 | [๑๐๔๗] บุคคล 4 จำพวกเมื่อฟื้นอธิกรณ์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ที่ฟื้น (อธิกรณเภท) 10/627/1710/627/17 10/570/15 |
98 | [๑๐๕๔-๑๐๕๗] อธิบายวิวาทาธิกรณ์ , อนุวาทาธิกรณ์ , อาปัตตาธิกรณ์ , กิจจาธิกรณ์ (อธิกรณเภท) 10/636/210/636/2 10/578/5 |
99 | สัมมุขาวินัย ก็ดี สติวินัย ก็ดี ชื่อว่าระคนกัน ไม่แยกกันเพราะสมถะทั้ง 2 สำเร็จ ในขณะแห่งกรรมวาจาให้สติวินัยนั้นเอง ก็แล ใครๆ ไม่สามารถบัญญัติการแยก พรากธรรมเหล่านี้ออกจากกันได้ (อธิกรณเภทวัณณนา) 10/661/110/661/1 10/601/10 |
100 | [๑๐๖๙] พระพุทธเจ้าตรัสว่า การโจทเพื่อประสงค์ให้ระลึกถึงความผิด การ สอบสวนเพื่อประสงค์จะข่ม สงฆ์เพื่อประโยชน์ให้ช่วยกันพิจารณา ส่วนการ ลงมติก็เพื่อให้การวินิจฉัยแต่ละเรื่องเสร็จสิ้นไป (คาถาสังคณิกะ) 10/664/710/664/7 10/604/6 |
101 | [๑๐๗๐] ภิกษุผู้แกล้งต้องอาบัติ ปกปิดอาบัติ และถึงอคติ บุคคลเช่นนี้ พระพุทธองค์ เรียกว่า อลัชชี (คาถาสังคณิกะ) 10/666/110/666/1 10/605/8 |
102 | [๑๐๗๒] ผู้โจทก์ ไม่เป็นธรรม 5 ประการ คือ โจทโดยการไม่ควร โจทด้วย เรื่องไม่จริง โจทด้วยคำหยาบ โจทด้วยคำไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มุ่งร้าย โจท ไม่มีเมตตาจิตโจท (คาถาสังคณิกะ) 10/667/110/667/1 10/606/3 |
103 | ภิกษุใดไม่พิจารณา อนุโยควัตร (วัตรในการซักถาม) นั้นซักถาม, ภิกษุนั้นย่อม ให้เสียคติของตนที่เป็นไปในสัมปรายภพ (ภพหน้า) . (ทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/671/1710/671/17 10/610/2 |
104 | [๑๐๗๗] ข้อซักถามของภิกษุผู้วินิจฉัยอธิกรณ์ (โจทนากัณฑ์) 10/674/310/674/3 10/612/7 |
105 | [๑๐๗๘] เรื่องที่เห็นสมด้วยเรื่องที่เห็น เทียบกันได้กับเรื่องที่เห็น แต่บุคคลนั้น ไม่ยอมรับ เพราะอาศัยการเห็น บุคคลนั้นถูกรังเกียจโดยไม่มีมูล พึงปรับตาม ปฏิญญา (คำมั่น) (โจทนากัณฑ์) 10/676/210/676/2 10/614/5 |
106 | [๑๐๘๐] จำเลย พึงตั้งอยู่ใน ความสัตย์ และความไม่ขุ่นเคือง (โจทนากัณฑ์) 10/678/810/678/8 10/616/6 |
107 | [๑๐๘๑] ผู้วินิจฉัยอธิกรณ์ มีปัญญาทราม ไม่มีความเคารพในสิกขา บริภาษ พระเถระเป็นผู้ขุดตน กำจัดอินทรีย์แล้ว ตาย ย่อมเข้าถึงนรก (โจทนากัณฑ์) 10/679/810/679/8 10/616/24 |
108 | [๑๐๘๓] ข้อปฏิบัติของภิกษุ ผู้รับวินิจฉัยอธิกรณ์ (จูฬสงคราม) 10/687/1710/687/17 10/623/17 |
109 | [๑๐๘๔] สูตร เพื่อประโยชน์แก่การเทียบเคียง... (จูฬสงคราม) 10/689/510/689/5 10/625/2 |
110 | [๑๐๘๔] วินัย เพื่อประโยชน์แก่ความสำรวม ความสำรวมเพื่อประโยชน์แก่ วามไม่เดือดร้อน... (จูฬสงคราม) 10/689/1710/689/17 10/625/15 |
111 | ภิกษุลัชชี เป็นโจท หรือจำเลยก็ตาม แต่เป็นผู้โง่เขลา ภิกษุผู้ว่าอรรถคดี พึงช่วยเหลือ ถ้าเป็นอลัชชีผู้ดุร้าย พึงกำราบเสีย พึงประกาศแล้วให้แสดง อาบัติ (จูฬสังคามวัณณนา) 10/696/710/696/7 10/631/10 |
112 | ปีติ อย่างอ่อน ไม่รุนแรง ชื่อว่า ปราโมทย์, ปัจจเวกขณญาณ ชื่อว่า วิมุตติญาณทัสสนะ (จูฬสังคามวัณณนา) 10/699/810/699/8 10/634/12 |
113 | [๑๐๙๔] พึงรู้อนุโลมแก่เมถุนธรรม คือ ภิกษุอมองค์กำเนิดของภิกษุอื่น ด้วย ปากของตน (มหาสงคราม) 10/706/510/706/5 10/640/20 |
114 | เมื่ออธิกรณ์ อันพระวินัยธรวินิจฉัย ด้วยฉันทาคติ ย่อมเกิดการแตกเป็น 2 ฝ่าย ตั้งแต่สงฆ์ไปจนถึงอกนิฏฐพรหม (มหาสังคามวัณณนา) 10/724/2010/724/20 10/658/1 |
115 | [๑๑๒๖] กฐินใครได้กราน ? บุคคล 2 พวกนี้คือ ภิกษุผู้กราน ภิกษุผู้อนุโมทนา เป็นอันกรานกฐิน (กฐินเภท) 10/726/1010/726/10 10/659/10 |
116 | [๑๑๒๗] กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการ 24 (กฐินเภท) 10/726/1410/726/14 10/659/14 |
117 | [๑๑๒๙] กฐินเป็นอันกรานด้วยอาการ 17 (กฐินเภท) 10/728/1610/728/16 10/661/12 |
118 | [๑๑๓๐] ธรรม 15 อย่าง ย่อมเกิดพร้อมกับการกรานกฐิน คือ มาติกา 8 ปลิโพธ 2 อานิสงส์ 5 (กฐินเภท) 10/730/210/730/2 10/662/15 |
119 | [๑๑๓๙] บุพกรณ์แห่งกฐิน สงเคราะห์ด้วยธรรม 7 อย่าง คือ ซักผ้า กะผ้า ตัดผ้า เนาผ้า เย็บผ้า ย้อมผ้า กัปปะพินทุ (กฐินเภท) 10/736/410/736/4 10/668/8 |
120 | [๑๑๔๒] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 8 ไม่ควรกรานกฐิน (กฐินเภท) 10/737/1110/737/11 10/669/10 |
121 | [๑๑๔๓] บุคคล 3 จำพวก กรานกฐินไม่ขึ้นได้แก่ บุคคลอยู่นอกสีมาอนุโมทนา เมื่ออนุโมทนาไม่เปล่งวาจา เมื่อเปล่งวาจาไม่ให้ผู้อื่นรู้ (กฐินเภท) 10/738/610/738/6 10/670/6 |
122 | [๑๑๔๗] อธิบายการ กรานกฐิน (กฐินเภท) 10/740/410/740/4 10/672/7 |
123 | [๑๑๕๗] การเดาะกฐินที่สงฆ์เป็นใหญ่ คือ การเดาะในระหว่าง (กฐินเภท) 10/746/1610/746/16 10/677/15 |
124 | [๑๑๖๑] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้ (อุปาลิปัญจกะ) 10/754/1110/754/11 10/685/11 |
125 | [๑๑๖๑] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 ไม่ต้องถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิต (อุปาลิปัญจกะ) 10/755/210/755/2 10/686/2 |
126 | [๑๑๖๒] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสัย ไม่พึงให้ สามเณรอุปัฏฐาก (อุปาลิปัญจกะ) 10/757/1410/757/14 10/688/14 |
127 | [๑๑๖๓] สงฆ์พึงลงโทษ ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 ได้แก่ เป็นอลัชชี, เป็นพาล, ไม่ใช่เป็นปกตัตตะ, เป็นมิจฉาทิฏฐิ, มีอาชีววิบัติ (อุปาลิปัญจกะ) 10/760/410/760/4 10/690/19 |
128 | [๑๑๖๕] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม (อุปาลิปัญจกะ) 10/765/410/765/4 10/695/4 |
129 | [๑๑๖๖] ถ้าสงฆ์ทำกรรมที่ควรพร้อมเพรียงกันทำ ถ้าในกรรมนั้น ภิกษุไม่ชอบใจ จะพึงทำความเห็นแย้งก็ได้ แล้วควบคุมสามัคคีไว้ ข้อนั้นเพราะเธอคิดว่า เราอย่ามีความเห็นต่างๆ จากสงฆ์เลย (อุปาลิปัญจกะ) 10/766/410/766/4 10/696/1 |
130 | [๑๑๖๗] องค์ 5 ของภิกษุ เมื่อพูดในสงฆ์ย่อมไม่เป็นที่พอใจ ของชนหมู่มาก (อุปาลิปัญจกะ) 10/766/1310/766/13 10/696/10 |
131 | [๑๑๖๘] อานิสงส์การเรียนวินัย 5 ประการ (อุปาลิปัญจกะ) 10/770/110/770/1 10/699/9 |
132 | [๑๑๗๐] องค์ 5 ของภิกษุ ที่ไม่พึงพูดในสงฆ์ (อุปาลิปัญจกะ) 10/770/1710/770/17 10/700/5 |
133 | [๑๑๗๒] การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรม 5 ประการ ทำความเห็นแย้งใน อนาบัติ... ทำความเห็นแย้งด้วยนึกในใจ (อุปาลิปัญจกะ) 10/781/510/781/5 10/710/5 |
134 | [๑๑๗๓] การรับประเคนที่ใช้ไม่ได้ มี 5 ประการ (อุปาลิปัญจกะ) 10/783/110/783/1 10/712/4 |
135 | [๑๑๗๔] ของที่ไม่เป็นเดน มี 5 อย่าง ภิกษุไม่ทำให้เป็นกัปปิยะ ไม่รับประเคน ไม่ยกส่งให้ ทำนอกหัตถบาส มิได้กล่าวว่า ทั้งหมดนั่นพอละ (อุปาลิปัญจกะ) 10/784/310/784/3 10/713/3 |
136 | [๑๑๗๕] การห้ามภัตร ย่อมปรากฏด้วยอาการ 5 อย่าง (อุปาลิปัญจกะ) 10/785/110/785/1 10/714/4 |
137 | [๑๑๗๖] การทำตามปฏิญญาที่ไม่เป็นธรรมมี 5 อย่าง (อุปาลิปัญจกะ) 10/785/1210/785/12 10/714/15 |
138 | [๑๑๗๗] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส (อุปาลิปัญจกะ) 10/787/1410/787/14 10/716/8 |
139 | [๑๑๗๙] การถามปัญหา มี 5 อย่าง (อุปาลิปัญจกะ) 10/789/1710/789/17 10/718/7 |
140 | [๑๑๗๙] การอวดอ้างมรรคผล มี 5 อย่าง (อุปาลิปัญจกะ) 10/790/910/790/9 10/718/21 |
141 | [๑๑๘๐] วิสุทธิ (ความหมดจด) ในการสวดปาติโมกข์ 5 (อุปาลิปัญจกะ) 10/790/2010/790/20 10/719/10 |
142 | [๑๑๘๓] ก่อนโจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรม 5 อย่างในตน (อุปาลิปัญจกะ) 10/792/510/792/5 10/721/5 |
143 | [๑๑๘๖] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 อีกนัยหนึ่ง ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควร ทำโอกาส (อุปาลิปัญจกะ) 10/795/1610/795/16 10/724/6 |
144 | [๑๑๙๑] ภิกษุผู้ถืออยู่ป่า มี 5 จำพวก (อุปาลิปัญจกะ) 10/805/810/805/8 10/733/4 |
145 | [๑๑๙๖] ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ 5 (อุปาลิปัญจกะ) 10/810/1910/810/19 10/738/1 |
146 | [๑๑๙๙] ความเสื่อมมี 5 คือ เสื่อมญาติ เสื่อมโภคทรัพย์ มีโรค เสื่อมศีล มีความเห็นผิด (อุปาลิปัญจกะ) 10/812/1710/812/17 10/739/14 |
147 | [๑๒๐๒] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียวพึงลงโทษ (อุปาลิปัญจกะ) 10/814/510/814/5 10/741/5 |
148 | [๑๒๐๓] สงฆ์พึงลงโทษภิกษุณีประกอบด้วยองค์ 5 (อุปาลิปัญจกะ) 10/815/1510/815/15 10/742/1 |
149 | [๑๒๐๔] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 ไม่พึงให้โอวาทภิกษุณี (อุปาลิปัญจกะ) 10/817/110/817/1 10/743/14 |
150 | [๑๒๐๖] ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 (อุปาลิปัญจกะ) 10/819/1910/819/19 10/746/4 |
151 | [๑๒๐๘] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วย อุพพาหิกา (เลือกคณะผู้วินิจฉัย) (อุปาลิปัญจกะ) 10/822/510/822/5 10/749/5 |
152 | [๑๒๐๙] ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้ (อุปาลิปัญจกะ) 10/828/610/828/6 10/755/4 |
153 | [๑๒๑๒] สงฆ์แตกกันด้วยอาการ 5 คือ กรรม อุเทศ (การสวดปาติโมกข์) ชี้แจง สวดประกาศ ให้จับสลาก (อุปาลิปัญจกะ) 10/841/910/841/9 10/768/4 |
154 | [๑๒๑๓] ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ? จึงเป็นความร้าวรานแห่งสงฆ์ และความแตก แห่งสงฆ์ (อุปาลิปัญจกะ) 10/841/1310/841/13 10/768/8 |
155 | [๑๒๑๙] องค์ 5 ของภิกษุเจ้าอาวาส (อุปาลิปัญจกะ) 10/851/510/851/5 10/778/3 |
156 | [๑๒๒๐] การชี้แจงวินัย ที่ไม่เป็นธรรม 5 อย่าง... บัญญัติข้อที่ไม่ได้ทรงบัญญัติ ถอนข้อที่ทรงบัญญัติไว้ (อุปาลิปัญจกะ) 10/852/410/852/4 10/779/4 |
157 | [๑๒๒๓] การ กรานกฐิน มีอานิสงส์ 5 อย่าง (อุปาลิปัญจกะ) 10/856/810/856/8 10/783/5 |
158 | [๑๒๒๔] นอนหลับลืมสติ มีโทษ 5 ประการ (อุปาลิปัญจกะ) 10/857/110/857/1 10/783/16 |
159 | [๑๒๒๕] บุคคลอัน ภิกษุทั้งหลายไม่ควรไหว้ (อุปาลิปัญจกะ) 10/858/110/858/1 10/784/13 |
160 | ในกรรมใด ภิกษุทั้งหลายแสดงพระศาสนา นอกธรรมนอกวินัย ในกรรมนั้น ความเห็นแย้งใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นสงฆ์พึงห้ามเสีย แล้วหลีกไป (อุปาลิปัญจกะ) 10/864/110/864/1 10/790/3 |
161 | ญัตติ 2 อย่างที่แสดงว่า เอสา ญัตติ เป็นกรรมปาทญัตติ, ที่ไม่แสดงอย่างนั้น เรียกกรรมญัตติ (อุปาลิปัญจกวัณณนา) 10/867/1910/867/19 10/793/15 |
162 | ธัมมานุโลม คือ มหาปเทส 4 ฝ่ายสุตตันตะ (พระสูตร) (อุปาลิปัญจกวัณณนา) 10/869/310/869/3 10/794/18 |
163 | การทำความเห็นให้แจ้ง ชื่อว่า ทำความเห็นแย้ง (อุปาลิปัญจกวัณณนา) 10/869/1910/869/19 10/795/9 |
164 | แสดงอาบัติด้วยจิตเท่านั้น หาได้ลั่นวาจาไม่ ชื่อว่าไม่เป็นธรรม (อุปาลิปัญจกวัณณนา) 10/870/1110/870/11 10/795/21 |
165 | การแถลง การประกาศ และการให้จับสลาก นั้น เป็นส่วนเบื้องต้น แต่เมื่อ ใดเธอให้ภิกษุ 4 รูป หรือเกินกว่าจับสลาก แล้วทำกรรม หรืออุทเทส (การสวด ปาติโมกข์) แยกออกมาแผนกหนึ่ง. เมื่อนั้นสงฆ์เป็นอันเธอได้ทำลายแล้ว . (อุปาลิปัญจกวัณณนา) 10/877/1210/877/12 10/802/22 |
166 | บรรดาบุคคลที่ไม่ควรไหว้ ที่กล่าวแล้วตั้งแต่ต้น เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้ไหว้อยู่ ซึ่ง บุคคลผู้เปลือยกาย และบุคคลผู้อันสงฆ์ยกวัตรเท่านั้น. ส่วนการไหว้บุคคล นอกจากนั้น อันท่านห้ามก็เพราะไม่สมควร (อุปาลิปัญจกวัณณนา) 10/880/2010/880/20 10/806/5 |
167 | ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้ไหว้ ซึ่งชน 13 จำพวก เป็นอาบัติแก่ภิกษุ ผู้ไหว้ชน 12 จำพวก (อุปาลิปัญจกวัณณนา) 10/881/610/881/6 10/806/12 |
168 | [๑๒๖๗] ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกวัตร 3 จำพวกต้องประพฤติชอบ 43 ข้อ . (ทุติยคาถาสังคณิกะ) 10/902/410/902/4 10/824/20 |
169 | ต้องปาราชิก เพราะอมองคชาตด้วยปาก (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/919/1410/919/14 10/839/15 |
170 | ไม่มีแม้เพียงสิกขาบทเดียว ที่ทรงบัญญัติในมโนทวาร (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/920/510/920/5 10/840/8 |
171 | นาสนะ(ให้ฉิบหาย) 3 อย่าง คือ ให้สึกเสีย ให้ฉิบหายจากสังวาส ให้ฉิบหาย ด้วยการลงโทษ (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/923/1810/923/18 10/843/24 |
172 | แสดงอาบัติโดยระบุวัตถุ ไม่กำหนดชื่ออาบัติ ก็ได้ (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/927/510/927/5 10/847/13 |
173 | นางสิกขมานา สามเณร สามเณรี ไม่พึงให้แสดงอาบัติ แต่พึงลงทัณฑกรรม (การลงโทษ) (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/929/510/929/5 10/849/12 |
174 | จริงอยู่ บุคคลที่กระทำความละเมิด แล้วกระทำคืนอาบัติที่ยังทำคืนได้ในท่าม กลางสงฆ์ คณะ บุคคล ย่อมเป็นผู้มีศีลใหม่เอี่ยมกลับตั้งอยู่ตามเดิม (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/929/1910/929/19 10/850/4 |
175 | ภิกษุผู้กำหนัด ไม่พึงเพ่งดูองค์กำเนิดแห่ง หญิง ภิกษุนั้นต้องทุกกฏ (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/930/910/930/9 10/850/19 |
176 | ภิกษุผู้บิณฑบาต แลดูหน้าแม้ของสามเณรผู้ถวายข้าวต้ม หรือกับข้าว ก็เป็น ทุกกฏ เหมือนกัน (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/930/1210/930/12 10/850/21 |
177 | ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกวัตร 3 พวกเพราะเหตุ 3 ประการ คือ เพราะไม่เห็นอาบัติ เพราะไม่ทำคืน เพราะไม่สละทิฏฐิลามก (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/931/110/931/1 10/851/7 |
178 | เมื่อมีผู้รับแทนที่สมควร พึงให้จีวรลับหลังก็ได้ แก่ชน 7 จำพวก คือ ภิกษุผู้หลีก ไปต่างทิศ ภิกษุบ้า ภิกษุผู้มีจิตฟุ้งซ่าน ภิกษุผู้ถูกเวทนาครอบงำ ภิกษุผู้ถูก สงฆ์ยกวัตร 3 พวก (อปรทุติยคาถาสังคณิกวัณณนา) 10/934/110/934/1 10/854/10 |
179 | [๑๒๙๘] ภิกษุไหว้ผู้แก่กว่าต้องอาบัติ หมายเอา ไหว้ภิกษุผู้เปลือยกาย (เสทโมจนคาถา) 10/938/1110/938/11 10/858/14 |
180 | อรรถกถาอธิบาย (เสทโมจนคาถาวัณณนา) 10/949/910/949/9 10/866/15 |
181 | [๑๓๐๒] ภิกษุทำกุฎีด้วยขอเอาเอง ไม่ได้ให้สงฆ์แสดงพื้นที่ เกินประมาณ มีผู้ จองไว้หาชานรอบมิได้ ไม่ต้องอาบัติ หมายเอากุฎีมีหญ้าเป็นเครื่องมุง (เสทโมจนคาถา) 10/939/1110/939/11 10/859/7 |
182 | อรรถกถาอธิบาย (เสทโมจนคาถาวัณณนา) 10/950/110/950/1 10/867/2 |
183 | [๑๓๐๖] ภิกษุไม่พูดต้องอาบัติ ได้แก่ ภิกษุไม่เปิดเผยอาบัติ เป็นสัมปชานมุสาวาท ทุกกฏ (โกหก) (เสทโมจนคาถา) 10/940/810/940/8 10/859/23 |
184 | อรรถกถาอธิบาย (เสทโมจนคาถาวัณณนา) 10/950/1110/950/11 10/867/12 |
185 | [๑๓๑๓] ภิกษุ 20 รูปมาประชุมกัน สำคัญว่าพร้อมเพรียงจึงทำกรรม ภิกษุอยู่ ในที่ 12 โยชน์ ทำกรรมนั้นให้เสียได้ เพราะเป็นวรรค ปัญหานี้ ตรัสหมายถึง คามสีมา (เสทโมจนคาถา) 10/941/1810/941/18 10/860/22 |
186 | อรรถกถาอธิบาย (เสทโมจนคาถาวัณณนา) 10/952/110/952/1 10/868/23 |
187 | [๑๓๑๘] บุคคลฆ่าพ่อแม่ แต่ไม่ต้องอนันตริยกรรม หมายเอา พ่อ แม่ที่เป็น สัตว์ดิรัจฉาน (เสทโมจนคาถา) 10/942/1910/942/19 10/861/14 |
188 | อรรถกถาอธิบาย (เสทโมจนคาถาวัณณนา) 10/952/1610/952/16 10/869/14 |
189 | [๑๓๓๔] ทั้ง 2 มีอายุ 20 ปี มีอุปัชฌาย์ และอาจารย์ เดียวกัน มีกรรมวาจา เดียวกัน รูปหนึ่งไม่เป็นอุปสัมบัน เพราะอุปสมบทกรรม แก่สามเณร ผู้นั่งพ้น แผ่นดินด้วยฤทธิ์ ย่อมทำไม่ขึ้น กรรมกำเริบ (เสทโมจนคาถา) 10/946/1210/946/12 10/863/26 |
190 | อรรถกถาอธิบาย (เสทโมจนคาถาวัณณนา) 10/955/1510/955/15 10/872/8 |
191 | [๑๓๓๕] ผ้าที่ไม่ได้ทำกัปปะ และไม่ได้ย้อม ภิกษุนุ่งไม่ต้องอาบัติ เพราะภิกษุ นั้นถูกโจรชิงผ้า (เสทโมจนคาถา) 10/946/1710/946/17 10/864/5 |
192 | อรรถกถาอธิบาย (เสทโมจนคาถาวัณณนา) 10/955/1910/955/19 10/872/13 |
193 | [๑๓๔๐] กรรม 4 อย่าง ย่อมวิบัติ โดยอาการ 5 คือ โดยวัตถุ โดยญัตติ โดยอนุสาวนา โดยสีมา โดยบริษัท (ปัญจวรรค) 10/957/710/957/7 10/874/7 |
194 | [๑๓๔๑] สงฆ์ทำอุโบสถในวันที่มิใช่อุโบสถ ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดย วัตถุ (ปัญจวรรค) 10/959/110/959/1 10/875/23 |
195 | [๑๓๔๒] ญัตติวิบัติด้วยอาการ 5 คือ ไม่ระบุวัตถุ ไม่ระบุสงฆ์ ไม่ระบุบุคคล ไม่ระบุญัตติ ตั้งญัตติภายหลัง (ปัญจวรรค) 10/959/710/959/7 10/876/2 |
196 | [๑๓๔๓] อนุสาวนาวิบัติ ด้วยอาการ 5 คือ ไม่ระบุวัตถุ ไม่ระบุสงฆ์ ไม่ระบุ บุคคล ทิ้งญัตติ สวดในกาลไม่ควร (ปัญจวรรค) 10/959/1610/959/16 10/876/11 |
197 | [๑๓๔๔] สีมาวิบัติด้วยอาการ 11 (ปัญจวรรค) 10/960/510/960/5 10/876/20 |
198 | [๑๓๔๕] บริษัทวิบัติ ด้วยอาการ 12 (ปัญจวรรค) 10/960/2010/960/20 10/877/14 |
199 | [๑๓๔๖] ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ (ภิกษุปกติ) 4 รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะนอกนี้ เป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรแก่ฉันทะ แต่เป็นผู้ควรกรรม (ปัญจวรรค) 10/962/1810/962/18 10/879/4 |
200 | [๑๓๔๘] วัตถุวิบัติอีก 12 อย่าง ในอุปสมบทกรรม (ปัญจวรรค) 10/964/310/964/3 10/880/6 |
201 | [๑๓๕๔] อปโลกนกรรม ย่อมถึงฐานะ 5 อย่าง คือ โอสารณา (การรับเข้าหมู่) นิสสารณา (การขับออก) ภัณฑุกรรม (บอกการปลงผมของผู้จะบวช) พรหมทัณฑ์ (สงฆ์ลงโทษด้วยการไม่พูด ไม่ว่ากล่าวตักเตือน) กรรมลักษณะ (ปัญจวรรค) 10/969/310/969/3 10/884/19 |
202 | [๑๓๕๕] ญัตติกรรมย่อมถึงฐานะ 9 อย่าง ได้แก่ โอสารณา นิสสารณา อุโบสถ ปวารณา สมมติ การให้ การรับ การเลื่อนปวารณาออกไป ทั้งกรรม ลักษณะ (ปัญจวรรค) 10/969/710/969/7 10/885/2 |
203 | [๑๓๕๖] ญัตติทุติยกรรมย่อมถึงฐานะ 7 อย่าง ได้แก่ โอสารณา นิสสารณา สมมติ การให้ การถอน การแสดง กรรมลักษณะ (ปัญจวรรค) 10/969/1210/969/12 10/885/7 |
204 | [๑๓๕๗] ญัตติจตุตถกรรมย่อมถึงฐานะ 7 อย่าง ได้แก่ โอสารณา นิสสารณา สมมติการให้นิคคหะ(การลงโทษ) สมนุภาสน์ (การสวดประกาศ) กรรม ลักษณะ (ปัญจวรรค) 10/969/1610/969/16 10/885/13 |
205 | [๑๓๖๔] เมถุนธรรมเป็นทั้งวัตถุ เป็นทั้งโคตร, ปาราชิกเป็นทั้งชื่อ เป็นทั้งอาบัติ (ปัญจวรรค) 10/977/610/977/6 10/892/15 |
206 | กรรมที่ต้องยังสงฆ์ ผู้ตั้งอยู่ในสีมาให้หมดจด นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะ มาสวดประกาศ 3 ครั้ง ทำตามอนุมัติของสงฆ์ผู้พร้อมเพรียง ชื่อว่า อปโลกนกรรม (ปัญจวัคควัณณนา) 10/983/1010/983/10 10/897/11 |
207 | ญัตติทุติยกรรมที่ต้องอปโลกน์ทำก็มี กรรมหนัก 6 อย่างนี้ คือ สมมติสีมา ถอนสีมา ให้ผ้ากฐิน รื้อกฐิน แสดงที่สร้างกุฎี ที่สร้างวิหาร ไม่ควรอปโลกน์ทำ (ปัญจวัคควัณณนา) 10/984/710/984/7 10/898/2 |
208 | กรรมที่เสียโดยอักขระ โดยบทที่สวดไม่ชัดเจน การที่สวดซ้ำๆ เพื่อชำระ กรรมนั้นก็ควร เป็นทัฬหีกรรม ของกรรมที่ไม่กำเริบ, คงคืน เป็นกรรมใน กรรมที่กำเริบ (ปัญจวัคควัณณนา) 10/984/1810/984/18 10/898/13 |
209 | กรรมที่ควรทำไม่พร้อมหน้า 8 อย่าง ได้แก่ อุปสมบทด้วยทูต คว่ำบาตร หงายบาตร อุมมัตตกสมมติที่สงฆ์พึงทำแก่ภิกษุบ้า เสขสมมติแก่สกุลพระเสขะ พรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ ปกาสนียกรรมแก่พระเทวทัตต์ อวันทิยกรรม ที่ภิกษุณีสงฆ์ทำแก่ภิกษุ ผู้แสดงอาการไม่น่าเลื่อมใส (ปัญจวัคควัณณนา) 10/985/810/985/8 10/899/1 |
210 | กรรมทั้งปวงที่เหลือ ควรทำพร้อมหน้าเท่านั้น คือ พร้อมหน้าสงฆ์ พร้อม หน้าธรรม พร้อมหน้าวินัย พร้อมหน้าบุคคล (ปัญจวัคควัณณนา) 10/985/1510/985/15 10/899/8 |
211 | อธิบายกรรมวิบัติ โดยญัตติ (ปัญจวัคควัณณนา) 10/988/210/988/2 10/901/8 |
212 | ความแตกฉานด้วยปัญญา เครื่องรู้พยัญชนะ 10 อย่าง (ปัญจวัคควัณณนา) 10/990/1010/990/10 10/903/14 |
213 | อธิบายกรรมวิบัติ โดยสีมา (ปัญจวัคควัณณนา) 10/993/910/993/9 10/906/1 |
214 | อธิบายกรรมวิบัติโดยบริษัท (ปัญจวัคควัณณนา) 10/995/810/995/8 10/907/15 |
215 | จะให้เบี้ยเลี้ยงแก่อารามิกชน (คนวัด) จากกัลปนาสงฆ์ (ที่หรือสิ่งอื่นซึ่งเจ้า ของอุทิศผลประโยชน์ให้แก่วัด) ควรให้ด้วยอปโลกนกรรมเท่านั้น (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1002/1810/1002/18 10/914/9 |
216 | จะให้บำรุงอาวาสของสงฆ์ จากกัลปนาสงฆ์ ที่เกิดขึ้นในอาวาสนั้น ซึ่งทายก ถวาย ด้วยอำนาจปัจจัย 4 ก็ควร แต่เพื่อตัดคำติเตียนว่า ภิกษุนี้ย่อมจัดการด้วย ถือตนเป็นใหญ่ จึงควรถามสงฆ์ (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1003/110/1003/1 10/914/12 |
217 | เมื่อทำฉัตรที่เจดีย์ หอฉัน หรือซ่อมแซมสิ่งที่ทรุดโทรม จะชักชวนพวก ชาวบ้านทำ ก็ควร. หรืออปโลกน์ จากกัลปนาสงฆ์ จะอปโลกน์แล้วทำกิจของ เจดีย์แม้ด้วยทรัพย์ของสงฆ์ ก็ควร. แต่อปโลกน์แล้วทำกิจของสงฆ์ ด้วยทรัพย์ ของเจดีย์หาควรไม่. ควรถือเป็นของยืมแล้วใช้คืน (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1003/1010/1003/10 10/914/22 |
218 | วัดใดมีภิกษุรูปเดียว กติกาวัตร แม้ที่ภิกษุนั้น ผู้นั่งทำบุพกรณ์ และบุพกิจ กระทำแล้ว ในวันอุโบสถ ย่อมเป็นเช่นกับอปโลกนกรรม ที่สงฆ์กระทำแล้ว เหมือนกัน (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1004/1810/1004/18 10/916/2 |
219 | วัตรตามกติกาจะระงับ เมื่อสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงประชุมกันสวดประกาศ อนึ่ง ในวัดที่มีภิกษุรูปเดียว เมื่อคำประกาศอันภิกษุรูปเดียวประกาศ กติกาเดิม ย่อมระงับเหมือนกัน (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1006/1010/1006/10 10/917/10 |
220 | บุคคลผู้สิ้นเสบียง พ่อค้าเกวียนผู้จะเดินทาง อิสรชน มาขอพึงอปโลกน์ให้ (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1007/1810/1007/18 10/918/16 |
221 | ภิกษุเมื่อไม่หวังผลตอบแทน ก็พึงให้ผลไม้แก่ผู้ขอ ถ้าเขาเก็บเอาโดยพลการ ก็ไม่พึงห้าม (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1008/310/1008/3 10/918/22 |
222 | อธิบายญัตติกรรม (ปัญจวัคควัณณนา) 10/1009/710/1009/7 10/919/24 |