เรารักในหลวง
ผู้ใดรักในหลวงให้อธิษฐานตามนี้
ผู้ใดทำจะเกิดมงคลกับตนเองและครอบครัว
คำอธิษฐานเพื่อช่วยขับดันโรคภัย
ในพระวรกาย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ขออำนาจ พุทธ ธรรม สงฆ์
จงบันดาลบุญข้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของพระองค์
พลังบุญทั้งหลายที่พระองค์ได้กระทำต่อพสกนิกร และราชอาณาจักร
บุญนั้นทั้งหมดจงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลาย
ที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป
ข้อมูลจากพระไตรปิฎก ๙๑ เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
เรื่องสัจจะอธิษฐาน เล่ม ๗๔ ปกสีน้ำเงิน หน้า ๔๗๔ - ๔๗๙
ปกสีแดงหน้า ๔๔๔ - ๔๔๖
เรื่อง มงคลสูตร เล่ม ๓๙ ปกสีน้ำเงินหน้า ๑๑๗ - ๑๑๘
ปกสีแดง หน้า ๑๑๖ - ๑๑๗
--------------------------------------------------------------------------------------
“กาลามสูตร” จากพระไตรปิฎกอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม
(เล่ม ๓๔ หน้า ๓๓๘ - ๓๓๙ ชุดสีน้ำเงิน, เล่ม ๓๔ หน้า ๓๔๓ ชุดสีแดง)
....ท่านอย่าได้ถือโดยได้ฟังตามกันมา อย่าได้ถือโดยลำดับสืบ ๆ กันมา
อย่าได้ถือโดยความตื่นว่าได้ยินอย่างนี้ๆ อย่าได้ถือโดยอ้างตำรา อย่าได้ถือโดย
เหตุนึกเดาเอา อย่าได้ถือโดยนัยคือ คาดคะเน อย่าได้ถือโดยความตรึกตาม
อาการ อย่าได้ถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับลัทธิของตน อย่าได้ถือโดยเชื่อว่า
ผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ อย่าได้ถือโดยความนับถือว่าสมณะผู้นี้เป็นครูของเรา
เมื่อใดท่านรู้ด้วยตนนั่นแลว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรม
เหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตือน ธรรมเหล่านี้ใครประพฤติให้เต็มที่แล้วเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์
เป็นไปเพื่อทุกข์ ดังนี้ ท่านควรละธรรมเหล่านั้นเสีย เมื่อนั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัส
ห้ามไม่ให้ถือ โดยอาการสิบอย่าง มีถือโดยได้ฟังตามกันมา เป็นต้น ให้พิจารณารู้ด้วย
ตนเองแล้ว เว้นสิ่งที่ควรเว้นเสีย
สรุป
กาลามสูตร หมายถึง พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ
หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล กาลามสูตรเป็นคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงวางแนวทาง
ไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริง
ถึงคุณถึงโทษก่อนที่จะปลงใจเชื่อ ซึ่งมีอยู่ ๑๐ ประการคือ
๑. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
๒. อย่าเพิ่งเชื่อแม้ตามที่ได้ฟังต่อๆ กันมา
๓. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
๔. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
๕. อย่าเพิ่งเชื่อโดยการนึกเดาเอา
๖. อย่าเพิ่งเชื่อโดยการคาดคะเนเอา
๗. อย่าเพิ่งเชื่อโดยการนึกคิดเอาตามเหตุการณ์
๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเข้ากันได้กับความเห็นของตน
๙. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดมีลักษณะที่ควรเชื่อได้
๑๐. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใดท่านรู้ด้วยตนนั่นแลว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรม
เหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตือน ธรรมเหล่านี้ใครประพฤติให้เต็มที่แล้วเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์
เป็นไปเพื่อทุกข์ ดังนี้ ท่านควรละธรรมเหล่านั้นเสีย เมื่อนั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัส
ห้ามไม่ให้ถือ โดยอาการสิบอย่าง มีถือโดยได้ฟังตามกันมา เป็นต้น ให้พิจารณารู้ด้วย
ตนเองแล้ว เว้นสิ่งที่ควรเว้นเสีย
--------------------------------------------------------------------------------------
คำนำ
เนื่องจากการพิมพ์และแจกจ่ายหนังสือต่าง ๆ ของวัดสามแยก
นี้มีข้อความบางส่วนที่ไม่ชัดเจนจึงจะอธิบายขยายความให้ถูกต้องใน
คำนำ คือ เรื่องทองเหลืองหล่อและรูปปฏิมากรรมทั้งหลาย,เครื่องรางของขลัง
และเครื่องปลุกเสกทั้งหลายที่ได้กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ให้ผู้ที่มีอยู่ในครอบครอง
นำไปไว้วัดเพื่อเป็นของกลาง
แต่โดยความเป็นจริงที่ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
สิ่งเหล่านี้คือ ทองเหลืองหล่อและรูปปฏิมากรรมทั้งหลาย เครื่องรางของขลัง
และเครื่องปลุกเสกทั้งหลายทั้งปวงหรือที่เรียกกันว่าวัตถุมงคลนั้นเป็นสิ่งผิด
ในพระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนที่ดีต้องไม่มีไว้ในครอบครองและ
ไม่สามารถจะนำไปไว้วัดเพื่อเป็นของกลางในพระพุทธศาสนาได้
สำหรับพระธาตุและบริขารเครื่องใช้ของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย
นั้นเป็นของกลางโดยธรรมชาติ จึงต้องนำไปไว้ที่วัดหรือที่เจดีย์เพื่อสักการะบูชา
ร่วมกันของสรรพสัตว์ทั้งหลายและห้ามมีไว้เป็นส่วนตัวเด็ดขาดทั้งภิกษุและ
ฆราวาส เช่นนี้จึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
และบุญกุศลก็จะเป็นของท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติได้ถูกต้อง
อีกประการหนึ่งคือ เรื่องการทำบุญกับพระต้องมั่นใจว่าพระนั้น
เป็นพระที่ปฏิบัติตรงตามพระธรรมวินัยสามารถรักษาศีลได้ทุกข้อ โดย
ไม่ขาดตกบกพร่องในเรื่องศีล ส่วนพระที่ล่วงละเมิดศีล เช่น พระที่รับเงิน
รับทอง,พระที่ปลุกเสกเลขยันต์,พระที่เป็นหมอดู,พระที่มีโทรศัพท์เป็นของ
ส่วนตัว เป็นต้น ถ้าหากผู้ใดไปทำบุญด้วย ผู้นั้นก็จะได้บาป เพราะฉะนั้น
ถ้าอยากปลอดภัยต้องไม่ทำบุญกับพระที่ละเมิดศีล ให้ทำบุญกับเครือญาติ
ทั้งหลายของตนเอง เช่น พ่อ,แม่,พี่น้อง เป็นต้น แล้วอุทิศบุญที่ได้นั้นให้
แก่ชาวทิพย์ ๔ กลุ่มหลักของตนเองและของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
คณะวัดสามแยก
มี.ค. ๒๕๕๓
--------------------------------------------------------------------------------------
“พระไตรปิฎก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นครู - อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง”
“พระไตรปิฎก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง”
(จากวัดป่าสามแยก)
คำเตือน
ห้ามทำการคัดลอก - เพิ่มเติม - ตัดต่อ
ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อการจำหน่าย
แต่หากทำเพื่อแจกจ่ายโดยไม่คิดมูลค่า
ให้ทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต